<![CDATA[<a href="https://www.youtube.com/watch?v=n3kQUgGKA7k" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=n3kQUgGKA7k</a>]]>
แหล่งข่าวแจงนักร้องดัง “สุเมธ” ร่วมประกวด “เดอะ วอยซ์” ไม่ผิดกติกา ส่วนสร้างกระแสหรือไม่ ไม่ออกความเห็น ด้านนักวิจารณ์เพลงบอกวินๆ ทั้งคนดูทั้งตัวรายการ เผยของเมืองนอกมืออาชีพเพียบ ถูกตั้งคำถามขึ้นมาทันทีสำหรับการประกวดการแข่งขันร้องเพลงรายการ “เดอะวอยซ์ ไทยแลนด์” (THE Voice Thailand) หลังเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีนักร้องดังของไทย “สุเมธ องอาจ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สุเมธ แอนด์ เดอะ ปั๋ง" ขึ้นเวทีประกวดในรอบคัดเลือกด้วย
โดยนักร้องรุ่นใหญ่ของไทยได้ใช้เพลง “เพียงครึ่งใจ” ของวงดิอินโนเซนท์ ในการประกวดก่อนจะผ่านเข้ารอบไปแบบสบายๆ และไปอยู่ร่วมกับโค้ช "โจอี้ บอย” พร้อมเปิดเผยว่า เหตุที่มาร่วมประกวดในครั้งนี้ ก็เพราะต้องการเรียกไฟในเรื่องของการทำงานเพลงให้กลับคืนมานั่นเอง
ทั้งนี้ การเข้ารอบของนักร้องระดับมืออาชีพเจ้าของเพลงดังที่หลายคนคุ้นหู อาทิ พรานล่อเนื้อ, แจกัน ฯ ก็ได้ทำให้ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กหลายคนตั้งคำถามขึ้นมาทันทีในเว็บไซต์ต่างๆ โดยบ้างก็สงสัยว่านักร้องระดับนี้มาประกวดทำไม? เป็นการสร้างกระแสเพื่อเรียกเรตติ้งหรือเปล่า?
นอกจากนี้ บางส่วนก็มองว่าการปล่อยให้นักร้องที่เคยมีชื่อเสียงและมีผลงานมาก่อนเข้ามาร่วมประกวดนั้น จะไม่เป็นการเอาเปรียบผู้เข้าประกวดคนธรรมดาคนอื่นๆ หรืออย่างไร? เพราะก่อนหน้านี้ทางฟากของอดีตนักร้องและครูสอนร้องเพลงอย่าง “เกล ดีล่า” ก็มาร่วมประกวดที่เวทีนี้และผ่านเข้ารอบไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแหล่งข่าวภายใน “บริษัทโต๊ะกลมโทรทัศน์” ซึ่งผลิตรายการ เดอะ วอยซ์ ดังกล่าวร่วมกับ “บ.ทรู มิวสิก” ก็ได้รับคำตอบว่า จริงๆ แล้วกติกาของรายการที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากทัลปา มีเดีย กรุ๊ป ประเทศฮอลแลนด์ นั้นกำหนดไว้แค่เพียงว่า ผู้เข้าแข่งขันจะต้องมีอายุระหว่าง 16-60 ปี และไม่ติดสัญญากับค่ายเพลงใดๆ เท่านั้น
“รายการนี้เราเน้นที่เรื่องน้ำเสียงและความสามารถทางการร้องเพลงจริงๆ ดังนั้น จะเป็นคนธรรมดา นักร้องหน้าใหม่ หน้าเก่า มีชื่อเสียง ไม่มีชื่อเสียง มืออาชีพ ไม่ใช่มืออาชีพ เคยออกเทป หรือไม่เคยออกเทปก็สามารถมาประกวดได้ทั้งนั้น เพียงแต่คุณต้องไม่ติดสัญญาที่ผูกพันธ์กับค่ายเพลงหรือบริษัทใดๆ”
“อย่างของคุณสุเมธนั้น ก็หมดสัญญากับทางแกรมมี่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่ถือว่าผิดกติกาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่คนมองว่าสร้างกระแสอะไรหรือเปล่านั้น เรื่องนี้คงจะต้องให้ทางผู้ใหญ่เป็นคนให้ความเห็นเอง แต่เรายืนยันได้ว่าตรงนี้ไม่ผิดกติกาค่ะ” แหล่งข่าวคนหนึ่งเผย
ขณะที่ในฟากของทางนักวิจารณ์อย่าง “พอลเทพ เฮง” ก็ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า โดยส่วนตัวหากจะมองว่าถ้ากติกาวางไว้ตามที่บอกก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดอะไร และถ้าจะมองว่าเรื่องนี้มีการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นก็ไม่แปลก
“ที่ผ่านมา คนที่มาประกวดรายการนี้ก็ค่อนข้างจะได้รับคำชมมีคนพูดถึงมาโดยตลอดในเรื่องความสามารถอยู่แล้ว แล้วทั้ง คุณเกล ดีล่า หรือว่า คุณสุเมธ ทั้งสองก็ถือว่าคุณภาพการร้องเพลงนั้นไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน คือ มันอาจจะมีความหมายเป็นนัยว่าในบ้านเราจริงๆ มันมีนักร้องที่มีคุณภาพเยอะแต่กลับไม่มีที่ให้เขายืน ค่ายเพลงไม่สนใจ อะไรทำนองนี้หรือเปล่า”
“ส่วนหากมองว่าเป็นการเอาเปรียบคนประกวดอื่นๆ จริงๆ นักร้องอาชีพมีอัลบั้มแล้วมาร่วมประกวด ถ้าแพ้นี่เขามีต้นทุนที่เสียมากกว่านะ...การตลาดมั้ย คือ ทั้งทรูเองหรือว่าโต๊ะกลมซึ่งจริงๆ ก็คือ บ.เวิร์คพอยท์ นั้น จะว่าไปแล้วเขาค่อนข้างจะเก่งในเรื่องของรู้จังหวะว่าควรจะบิวท์อารมณ์คนดู เพื่อสร้างความฮือฮาในลักษณะนี้อยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่บอกถ้ากติกาวางไว้แบบนั้นก็ไม่ถือว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดอะไร มันมีช่องที่ทำได้”
“โดยส่วนตัวผมคิดว่าคนดังๆ ที่มาประกวดอาจจะมาแบบไม่จริงจังมาก อาจจะเคาะสนิม หรือมาเติมไฟ มาแบบสนุกๆ หรือถ้าเป็นการเตี๊ยมกัน การสร้างกระแส ก็ถือว่าไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าเกลียดอะไร คนดูก็ได้เห็นว่ามืออาชีพเปรียบเทียบกับไม่ใช่มืออาชีพมันเป็นอย่างไร ถือว่าวินๆ ทั้งคู่ เขาอาจจะมีบทเรียนมาจากรายการไทยแลนด์ ก็อตทาเล้นต์ก็ได้”
สำหรับรายการการประกวดร้องเพลง The Voice ในต่างประเทศนั้น ถือได้ว่ามีความแตกต่างไปจากรายการประกวดร้องเพลงทั่วๆ ไปที่มักจะให้ความสำคัญไปที่ผู้สมัครหน้าใหม่ โดยที่เวทีนี้ที่ผ่านมาได้กลายเป็นเวทีของบรรดาศิลปินประเภท “มืออาชีพ” ที่หากินกับการร้องเพลงกับโอกาสที่จะได้ร้องเพลงกับคนในวงกว้าง ผ่านสื่อโทรทัศน์ที่แพร่ภาพไปทั่วประเทศ
โดย The Voice ในฉบับของสหรัฐอเมริกามีบรรดานักร้องมืออาชีพมาสมัครแข่งขันกันอย่างมากมาย อาทิ “ฮาเวียร์ โคโลน” ศิลปินแนวโซล, อาร์แอนด์บี ผู้ชนะของรายการในซีซันที่ 1 ก็เคยเซ็นสัญญากับค่ายเพลงใหญ่ Capitol Records และออกอัลบั้มแรกเมื่อปี 2003 และติดถึงอันดับที่ 91 ของชาร์ต Billboard มาแล้ว
ด้าน “โทนี ลูคคา” ในฤดูกาลที่ 2 ก็เข้าวงการบันเทิงในฐานะของดาราเด็ก Mickey Mouse Club มาตั้งแต่อายุ 14 ปี ก่อนจะมีผลงานเพลงออกมาถึง 7 อัลบั้ม แต่กว่าจะมีเพลงติด Billboard ได้ก็เมื่อได้ร้องเพลงผ่านรายการ The Voice นั่นเอง เช่นเดียวกับศิลปินร็อก “เบเวอร์ลี แมคคลีแลน” หรือ “ดิอา แฟรมป์ตัน” นักร้องนำของวง Meg & Dia, ศิลปินคันทรีย์ เกวน เซบาสเตียน, ชาร์ล็อตต์ ซัมไทมส์ ที่เคยออกงานในแบบอินดี้กันมาก่อนด้วยกันทั้งนั้น แต่มาดังเอาจริงๆ ก็ในรายการ The Voice นั่นเอง
ที่มา: manager.co.th
