มูลค่าหุ้นแอปเปิล (Apple) พุ่งกระฉูดเกินหลัก 700 เหรียญสหรัฐหลังจากประกาศยอดสั่งจอง "ไอโฟน5 (iPhone 5)" ว่าสาวกแอปเปิลสั่งจองไอโฟนรุ่นใหม่เกิน 2 ล้านเครื่องในช่วง 24 ชั่วโมงแรกของการเปิดจอง ตอกย้ำว่าแอปเปิลเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก ทิ้งห่างยักษ์ใหญ่บริษัทน้ำมันอย่างแอ็กซ์ซอน (Exxon) และเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมไอทีอย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้อีกหลายช่วงตัว สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ามูลค่าหุ้นของแอปเปิลนั้นเพิ่มขึ้นแตะระดับ 700.44 เหรียญสหรัฐทันทีที่แอปเปิลประกาศว่าไอโฟน 5 ถูกสั่งจองมากกว่า 2 ล้านเครื่องใน 24 ชั่วโมงแรก ก่อนจะปิดตัวที่ 699.78 เหรียญที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 73% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
รายงานระบุว่ายอดสั่งจองไอโฟน 5 จำนวน 2 ล้านเครื่องในวันแรกของการเปิดจองนั้นคิดเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อครั้งเปิดตัวไอโฟน 4S เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ครั้งนั้นแอปเปิลประกาศยอดสั่งจอง iphone 4S ทะลุหลัก 1 ล้านเครื่องในเวลา 24 ชั่วโมงแรก ขณะที่ไอโฟน 4 ที่แอปเปิลเปิดตัวไปในปี 2010 สถิติการสั่งจองวันแรกอยู่ที่ 600,000 เครื่อง
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ยอดการสั่งจองไอโฟน 5 วันแรกมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือจำนวนประเทศที่พร้อมวางจำหน่ายไอโฟนในกลุ่มแรก โดยครั้งนี้ แอปเปิลเปิดให้ผู้บริโภคจาก 9 ประเทศได้แก่ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น อังกฤษ ฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยเพิ่มจาก 7 ประเทศที่แอปเปิลเคยกำหนดในไอโฟน 4S (เพิ่มเกาะฮ่องกงและประเทศสิงคโปร์) และเพิ่มจาก 5 ประเทศที่แอปเปิลกำหนดในไอโฟน 4 ช่วงปี 2010
ยอดสั่งจองเครื่องไอโฟน 5 มหาศาลนี้ทำให้แอปเปิลระบุในเว็บไซต์ว่า คำสั่งซื้อไอโฟนกลุ่มใหม่จะไม่สามารถจัดส่งได้จนกว่าจะถึงวันที่ 28 กันยายน 2012 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากไอโฟนพร้อมวางจำหน่ายในร้านราว 1 สัปดาห์ (กำหนดการจำหน่ายไอโฟน 5 ในร้านคือ 21 กันยายน) ทั้งหมดนี้ทำให้นักวิเคราะห์พร้อมใจกันเพิ่มคำพยากรณ์ยอดจำหน่ายไอโฟนว่าจะมีจำนวนมากถึง 26 ล้านเครื่องภายในไตรมาส 3 (สิ้นสุดเดือนกันยายน 2012) จากเดิมที่เคยพยากรณ์ไว้ 23 ล้านเครื่อง
ยอดสั่งจองไอโฟนที่เติบโตต่อเนื่องนั้นสะท้อนว่าแอปเปิลจะสามารถทำกำไรได้อย่างงาม บนตลาดสมาร์ทโฟนโลกที่มีมูลค่ามากกว่า 2.19 แสนล้านเหรียญสหรัฐในขณะนี้
นักวิเคราะห์นั้นมั่นใจในแอปเปิลมากเพราะยอดจำหน่ายไอโฟนนั้นทำให้แอปเปิลมีรายได้มากกว่ายักษ์ใหญ่ค่ายไอทีอื่นอย่างเห็นได้ชัด เฉพาะยอดจำหน่ายไอโฟนในไตรมาส 2 ของปีนี้ แอปเปิลระบุว่ามีมูลค่าถึง 1.62 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ามากกว่ารายได้รวมของกูเกิลมากกว่า 33% และยังเกือบจะเท่ากับรายรับรวมของไมโครซอฟท์ที่ทำได้ 1.81 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ความเชื่อมั่นนี้ทำให้มูลค่าหุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกิน 700 เหรียญสหรัฐในครั้งนี้ถือเป็นสถิติใหม่ล่าสุด เพราะที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นแอปเปิลนั้นก้าวผ่านหลัก 600 เหรียญในช่วงเดือนกรกฎาคม 2012 หลังจากสามารถผ่านหลัก 500 เหรียญสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ และ 400 เหรียญเมื่อปี 2011
แอปเปิลนั้นมีมูลค่าตลาดสูงกว่าแอ็กซ์ซอนโมบิล (Exxon Mobil) และกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 2011 ที่ผ่านมา โดยแอปเปิลสามารถแซงหน้าไมโครซอฟท์ในฐานะบริษัทไอทีที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2010 ทั้งหมดนี้เป็นผลจากกลยุทธ์ที่สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิลตัดสินใจพาแอปเปิลออกนอกกรอบการเป็นผู้ผลิตพีซี มาหยั่งรากในอุปกรณ์เพื่อการฟังเพลงและมัลติมีเดียดิจิตอลและธุรกิจใหม่อย่างโทรศัพท์เคลื่อนที่ในที่สุด
กลยุทธ์ของจ็อบส์ทำให้แอปเปิลสามารถทำรายได้มากกว่า 3.5 หมื่นล้านเหรียญในไตรมาสล่าสุด (สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2012) จากเดิมที่แอปเลเคยทำเงินเพียง 1.73 พันล้านเหรียญในช่วงก่อนที่จ็อบส์จะกลับมาบริหารแอปเปิลอีกครั้งในปี 1997
สำหรับทั้งปี 2012 นักวิเคราะห์เชื่อว่ายอดจำหน่ายไอโฟน 5 จะมีจำนวนราว 58 ล้านเครื่อง ตามการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก โดยยอดจำหน่ายไอโฟน 5 เกือบ 60 ล้านเครื่องนี้จะทำเงินให้แอปเปิลมากถึง 3.62 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากไอโฟน 5 นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่าแอปเปิลจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอีกภายในปีนี้ หนึ่งในนั้นคาดว่าจะเป็นแท็บเล็ตไอแพด (iPad) ที่มีขนาดหน้าจอเล็กลงซึ่งพร้อมวางจำหน่ายภายในเดือนตุลาคมนี้ และยังมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับทีวีและภาพยนตร์อื่นๆร่วมด้วย ทั้งหมดนี้อาจทำให้แอปเปิลมีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นอีก โดยคาดว่าจะทะยานไปปิดที่ 773 เหรียญสหรัฐภายในช่วง 12 เดือนนับจากนี้
Company Related Link :
Apple
ที่มา: manager.co.th