ทูซีทูพีขยายปีกธุรกิจด้วยการเป็นคนกลางช่องทางรับชำระเงินระบบออฟไลน์สู่แพลตฟอร์มออนไลน์ หวังช่วยผลักดันอีคอมเมิร์ซ ตั้งเป้ารายได้บริษัทถึงสิ้นปี 30 ล้านบาท มั่นใจเติบโตปีละ 2-3 เท่า นายออง โจ โม (ขวา) ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทูซีทูพีไม่ได้เป็นบริษัทใหม่ ที่ผ่านมาทำระบบรับชำระเงินออนไลน์ให้แก่ธนาคารเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้ขยายธุรกิจออกมาจับกลุ่มร้านค้าเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการชำระเงินหวังผลักดันให้อีคอมเมิร์ซไทยเติบโตได้ง่ายขึ้น
“การทำธุรกรรมผ่านระบบอีคอมเมิร์ซในปีที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึง 85,000 ล้านบาท ซึ่งมีเพียง 15% หรือคิดเป็น 12,750 ล้านบาทเท่านั้นที่ใช้งานผ่านบัตรเครดิต ส่วนที่เหลือจะใช้วิธีชำระเงินผ่านช่องทางอื่นๆ ทั้งการโอนเงิน ชำระผ่านธนาคาร หรือตัวแทนให้บริการต่างๆ”
นายปิยชาติ รัตน์ประสาทพร กรรมการบริหาร ทูซีทูพี กล่าวว่า จากผลการสำรวจตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยพบว่า ปัจจุบันประชากรที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีอยู่ประมาณ 20% เท่านั้น และจากกลุ่มนี้มีเพียง 20-30% ที่ใช้บริการซื้อของออนไลน์ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ใช้นี้กว่า 90% จะใช้กูเกิลในการค้นหาข้อมูลสินค้าและไปซื้อตามหน้าร้านด้วย
“จำนวนผู้ที่ซื้อของออนไลน์ในไทยตามแต่ละสำนักที่ให้ข้อมูลมาจะอยู่ที่ช่วง 4-8 ล้านคน เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่มีบัตรเครดิตในประเทศไทยซึ่งอยู่ที่ 7-8 ล้านคนเช่นเดียวกัน”
โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้มีการสำรวจถึงเหตุผลที่คนไม่ใช้งานอีคอมเมิร์ซพบว่าส่วนใหญ่กลัวความไม่น่าเชื่อถือของร้านค้า, ไม่มีความเชื่อมั่นในระบบชำระเงิน และไม่มีบัตรเครดิต ขณะที่ฝั่งร้านค้าเองก็พบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อสินค้าจะไม่มีบัตรเครดิต ทำให้จำเป็นต้องใช้ช่องทางอื่นในการชำระเงิน
ในส่วนของธุรกรรมผ่านอีคอมเมิร์ซอีก 80% ที่เหลือนอกจากการจ่ายผ่านบัตรเครดิตพบว่า ช่องทางที่นิยมในการใช้ชำระค่าสินค้าในปีที่ผ่านมาจะใช้บริการผ่านธนาคารกว่า 80 ล้านครั้ง และช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่ธนาคารอย่างเคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือจุดรับชำระเงินตามห้างสรรพสินค้า 182.5 ล้านครั้งโดยนำเงินสดไปชำระค่าสินค้า และไม่มีการแจ้งไปยังร้านค้าเมื่อมีการชำระค่าบริการแล้ว
ทูซีทูพีเล็งเห็นช่องว่างในการชำระเงินดังกล่าว จึงเลือกเปิดให้บริการ “123 (วันทูทรี)” ระบบรับชำระเงินสดผ่านช่องทางออฟไลน์ ให้กลายเป็นธุรกรรมออนไลน์แก่ร้านค้าเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการอีคอมเมิร์ซต่างๆ เพราะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าลูกค้าชำระเงินเรียบร้อย สามารถส่งสินค้าให้ได้ทันที
“ร้านค้าที่สนใจใช้บริการดังกล่าวขอเพียงมีความน่าเชื่อถือ ทูซีทูพีไม่มีการเก็บค่าแรกเข้า ไม่มีค่าบริการรายเดือน แต่จะคิดค่าบริการอัตราเดียวกับธนาคารในส่วนของค่าธรรมเนียม 3-3.5% ต่อครั้งของธุรกรรมที่เกิดขึ้น”
โดยลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ จุดบริการรับชำระเงิน เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เทสโก้โลตัส เพย์แอทโพส ทีโอทีจัสเพย์ ทรูมันนี่ และเอ็มเพย์ ช่องทางต่างๆ ของธนาคาร เช่น ตู้ ATM บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงผ่านเคาน์เตอร์ของธนาคารและตัดบัญชีธนาคารโดยตรง (Direct Debit) โดยในขณะนี้มีธนาคารที่ให้บริการได้ 9 แห่ง คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคารยูโอบี
ในส่วนของผู้บริโภคที่เข้ามาซื้อสินค้า ทูซีทูพีมีระบบรองรับในกรณีที่ร้านค้าไม่มีสินค้าจัดส่งให้สามารถเรียกขอเงินคืนได้ เพราะเมื่อลูกค้าชำระเงินแล้ว ทางทูซีทูพีจะมีกำหนดระยะเวลาในการโอนเงินต่อไปยังร้านค้าตามระดับความน่าเชื่อถือของแต่ละร้านสูงสุดที่ 45 วัน
ขณะเดียวกัน ในฝั่งของร้านค้ายังสามารถนำระบบดังกล่าวมาวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานธุรกรรมของลูกค้าว่าใช้ผ่านบริการใด เช่น ผ่านบัตรเครดิตธนาคาร ผ่านบริการ 123 ช่องทางไหน เพื่อทำโปรโมชันให้แก่ลูกค้าต่อไปในอนาคต
“จากช่องทางชำระเงิน 123 รวมกับการให้บริการชำระเงินออนไลน์รูปแบบอื่นๆ ของบริษัท เชื่อว่าจะสามารถทำรายได้ในปีนี้ราว 30-40 ล้านบาท และจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 2-3 เท่าในแต่ละปี”
ทั้งนี้ ทูซีทูพี (2C2P) หรือ Cash & Card Payment Processor ก่อตั้งบริษัทตั้งแต่ปี 2550 โดยมีสำนักงานอยู่ในหลายประเทศ เช่น ประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และฟิลิปปินส์ โดยได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ เป็นผู้ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์จากธนาคารแห่งประเทศไทย เลขที่ ค(3)001/2554 และยังเป็นผู้ให้บริการรายแรกในเอเชียแปซิฟิก ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย Payment Card Industry Data Security Standard (PCIDSS) และได้รับการรับรองจาก VISA, MasterCard, JCB และ American Express
Company Relate Link :
2c2p
ที่มา: manager.co.th