Author Topic: เอเซอร์ ลุย สลิมโน้ต อุดช่องว่างระหว่างเปลี่ยนถ่าย  (Read 919 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


      เอเซอร์สบช่องจัดทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ เติมกลุ่มผลิตภัณฑ์ “สลิมโน้ต” ที่อยู่ระหว่างกลางอัลตราโน้ตกับโน้ตบุ๊กมาตรฐาน คาดว่าจะมีสัดส่วนการขายถึง 60% ระบุตลาดปีนี้ยังโตอยู่น่าจะถึง 3.3 ล้านเครื่อง ตั้งเป้าขอส่วนแบ่งตลาด 40% สิ้นปี 55
       
       นายบุญชัย เงาวิศิษฎ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์โมบิลิตี บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยในปีนี้ยังมีอัตราการเติบโตอยู่ คาดว่าปีนี้น่าจะมีขนาดตลาดอยู่ที่ 3.2-3.2 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีขนาดตลาดที่ 2.24 ล้านเครื่องถึงแม้จะเจอปัญหาอุทกภัยช่วงปลายปีที่แล้ว
       
       “ในไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายโน้ตบุ๊กของเอเซอร์ในตลาดก็ยังคงมีอัตราการเติบโต 15% ขณะที่ตลาดโดยรวมโตประมาณ 12% โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 37%”
       
       ต้องยอมรับว่าปีนี้ตลาดโน้ตบุ๊กโดยรวมไม่ได้โตแบบก้าวกระโดดมากนัก ฐานการใช้งานยังคงตัวแต่ก็ไม่ได้ตกลงเหมือนที่มีข่าวออกมาว่าแท็บเล็ตจะเข้ามาแย่งตลาดในส่วนนี้ไป เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วแท็บเล็ตไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
       
       ประกอบกับการที่ทางอินเทลได้มีการเปิดตัวซีพียูที่เป็นคอร์ไอ เจเนอเรชัน 3 ในเดือนนี้ โดยเฉพาะอัลตราบุ๊ก ซึ่งทางเอเซอร์ที่บริษัทแม่จึงได้มีการปรับโมเดลในการทำตลาดใหม่ โดยแบ่งเซกเมนต์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์โมบิลิตีออกเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบไปด้วยโน้ตบุ๊กในกลุ่มที่เรียกว่าเทรดิชันนัลโน้ตบุ๊ก หรือโน้ตบุ๊กที่มีสเปกทั่วๆ ไปที่เน้นความคุ้มค่าในเรื่องราคา โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 11,900 บาท จนถึง 2 หมื่นต้นๆ คิดเป็นสัดส่วนการขายประมาณ 50%
       
       กลุ่มที่สองเรียกว่า สลิมโน้ต ซึ่งเป็นเซกเมนต์ใหม่ที่ทางเอเซอร์สร้างขึ้นมา โน้ตบุ๊กในกลุ่มนี้จะมีความบางกว่าโน้ตบุ๊กมาตรฐานทั่วไปประมาณ 30% เบากว่าประมาณ 10% โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 13,900 บาทขึ้นไป โดยจะมีความต่างในเรื่องราคากับเทรดิชันนัลโน้ตบุ๊กประมาณ 2 พันกว่าบาท โน้ตบุ๊กในกลุ่มนี้จะรวมผลิตภัณฑ์ที่เป็นแอสปายส์วันที่เป็นตลาดเน็ตบุ๊กเดิม ซึ่งใช้ซีพียูอะตอม ซึ่งต่อไปเอเซอร์จะไม่มีซีพียูอะตอมทำตลาดอีกต่อไป โดยจะเปลี่ยนมาเป็นซีพียูที่เป็นเซลลูลอนแทน จนถึงซีพียูในตระกูลคอร์ไอเจเนอเรชันใหม่ของอินเทล และกลุ่มที่สามจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์อัลตราบุ๊ก ที่วันนี้คิดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายของเอเซอร์ประมาณ 10%
       
       “เนื่องจากสลิมโน้ตเป็นตลาดเซกเมนต์ใหม่ ในเบื้องต้นทางเอเซอร์คาดว่าจะมีสัดส่วนการขายในส่วนของเอเซอร์เองประมาณ 40% และจะขยับเป็น 60% เมื่อต้นทุนการผลิตเริ่มปรับตัวลดลง ซึ่งตามแผนที่ทางอินเทลมองว่าซีพียูเจเนอเรชัน 3 จะเข้าตลาดเต็มรูปแบบในอีก 2 ปีข้างหน้า”
       
       นายบุญชัยยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากสลิมโน้ตเป็นเซกเมนต์ใหม่ ซึ่งถือว่าเอเซอร์นำหน้าแบรนด์อื่นๆ อยู่ประมาณ 3 เดือน จึงระบุได้ยากว่าตลาดนี้จะมีขนาดใหญ่แค่ไหน แต่เชื่อว่าจะเป็นตลาดสำคัญของเอเซอร์ในปีนี้ เนื่องจากเป็นตลาดที่ตอบโจทย์ในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งานกับความต้องการความจุข้อมูลของผู้บริโภคได้ค่อนข้างดี
       
       จากการที่สัดส่วนยอดขายของเอเซอร์มุ่งมาที่ตลาดสลิมโน้ตกับอัลตราบุ๊ก ซึ่งเป็นเซกเมนต์ใหม่และมีสัดส่วนที่ใหญ่พอๆ กับเทรดิชันนัลโน้ตบุ๊ก จึงทำให้ราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องของเอเซอร์ในภาพรวมจะเพิ่มขึ้น 15-20%
       
       “สลิมโน้ตประมาณ 60% จะมาจากตลาดผู้ใช้โน้ตบุ๊กครั้งแรก ที่เหลือเป็นตลาดที่มีประสบการณ์การใช้มาแล้ว แต่จะกลับกันสำหรับตลาดอัลตราบุ๊กที่จะเป็นตลาดของผู้ใช้ครั้งแรกเพียง 30% ขณะที่เทรดิชันนัลโน้ตบุ๊กนั้นจะเป็นตลาดของผู้ใช้ครั้งแรกสูงถึง 80%”
       
       จากการที่มีการแนะนำโน้ตบุ๊กในเซกเมนต์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสลิมโน้ตหรืออัลตราบุ๊ก กิจกรรมการตลาดในช่วงแรกจะให้ความสำคัญต่อการทำโปรดักต์โรดโชว์เป็นพิเศษเพื่อให้ผู้ใช้ได้มีประสบการณ์สัมผัสผลิตภัณฑ์ใหม่
       
       สำหรับช่องทางจัดจำหน่ายนั้น นายบุญชัยกล่าวว่า จะให้ความสำคัญต่อการพัฒนาดีลเลอร์ในเชิงลึกแทน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมพนักงานขาย การจัดวางผลิตภัณฑ์​ แทนที่จะขยายดีลเลอร์เพิ่ม เพราะช่องทางขายของเอเซอร์ถือว่าครอบคลุมตลาดเพียงพอแล้ว
       
       “สัดส่วนการขายโน้ตบุ๊กในตลาดรีเทลนั้นมาจากตลาดในกรุงเทพฯ ประมาณ 55% ต่างจังหวัด 45% แต่จากที่เน้นการขยายในเชิงลึกและเน้นตลาดต่างจังหวัดเพิ่มสัดส่วนน่าจะเป็นครึ่งๆ โดยคาดว่าปีนี้เอเซอร์ลุ้นว่าน่าจะมีส่วนแบ่งตลาดในสิ้นปีใกล้ๆ 40% เนื่องจากความพร้อมในไลน์ผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ที่พร้อมกว่าใครในตลาดประมาณ 3-4 เดือน”
       
       Company Related Link :
       Acer

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)