นายสมประสงค์ บุญยะชัย
'สมประสงค์' เผยกลุ่มอินทัชพร้อมลุย 2 โครงการใหญ่ครึ่งปีหลัง เตรียม 1.5-2 หมื่นล้านลงทุนมือถือ 3G ความถี่ 2.1 GHz กับทุ่ม 3 พันล้านบุกฟรีทีวีดิจิตอล 3 ช่อง นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มอินทัช กล่าวว่า กลุ่มอินทัชมีแผนลงทุน 2 โครงการใหญ่ในช่วงครึ่งปีหลังคือ 1. การประมูลใบอนุญาตโทรศัพท์มือถือ 3G ความถี่ 2.1 GHzกับ 2.โครงการทีวีดิจิตอล ซึ่งทั้ง 2โครงการยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเท่าไรในเวลานี้ แต่ด้วยศักยภาพเงินสดในมือของกลุ่มอินทัชประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท เชื่อว่า สามารถดำเนินการได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งถ้าต้องการเงินทุนเพิ่มกลุ่มอินทัชก็พร้อมที่จะกู้เงินจากธนาคารเข้ามาเสริมได้ทันที
ทั้งนี้ในส่วนของทีวีดิจิตอลยังไม่มีรายละเอียดเงื่อนไขการประมูลออกมาจาก กสทช. ว่า เป็นอย่างไรบ้าง โดยกลุ่มอินทัชมีความตั้งใจที่จะเข้าประมูลช่องทีวีดิจิตอลที่เป็นฟรีทีวีอย่างน้อย 3 ช่องในเบื้องต้น ซึ่งถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนช่องที่จะเกิดขึ้น 50-100 ช่อง
ส่วนรูปแบบรายการยังไม่ได้กำหนดตายตัวว่า จะเป็นช่องแบบไหน แต่ที่ผ่านมาลักษณะเนื้อหาที่นิยมในประเทศไทยคงจะไม่พ้นด้านข่าว กีฬา เกมโชว์ และละคร ทแต่จะต้องนำเรื่องวิวเวอร์เซกเมนเตชันเข้ามาพิจารณาประกอบด้วย เพื่อจะได้นำมากำหนดเป็นโพซิชันนิ่งของช่อง รวมทั้งเรื่องต้นทุนของคอนเทนต์มีราคาที่แตกต่างกันในแต่ละช่องทาง เช่นผ่านดาวเทียมหรือผ่านดีไวซ์ก็คนละแบบกัน โดยกลุ่มอินทัชอาจจะผลิตคอนเทนต์เองบางส่วน และบางส่วนก็จะเปิดกว้างให้คอนเทนต์โพรวายเดอร์เข้ามาผลิต ซึ่งจะไม่เหมือนกันในแต่ละช่อง ขึ้นอยู่กับว่าตอบโจทย์วิวเวอร์เซกเมนเตชันได้ตรงเพียงใด
'คาดว่า เงินลงทุนสำหรับทีวีดิจิตอลน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 พันล้านบาท'
ส่วนการประมูลใบอนุญาต 3G นั้นเงินลงทุนน่าจะไม่ต่างจากเดิมที่เคยตั้งไว้เมื่อตอนปี 2553 คือประมาณ 15,000-20,000 ล้านบาท ถึงแม้จะใช้วิธีประมูลความถี่เป็นบล็อกๆ ก็ตาม ซึ่งการประมูลวิธีนี้เชื่อว่าจะมีความคล่องตัวให้กับบริษัทที่เข้าร่วมประมูลว่าจะเลือกโพซิชันนิ่งตัวเองในตลาดอย่างไร บางรายอาจจะขอความถี่จำนวนแค่ 10 MHzก็พอ แต่สำหรับกลุ่มอินทัชแล้ว น่าจะอยู่ที่ 15 MHzแต่ถ้าผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 รายต้องการ 15MHz เท่ากันหมดบริษัทที่ 4หรือบริษัทที่ 5 ก็คงจะไม่มี เพราะสู้ราคาไม่ไหว ซึ่งก็จะทำให้ราคาใบอนุญาตสูงขึ้น
นอกจากนี้กลุ่มอินทัชยังเปิดโครงการร่วมทุน (เวนเจอร์ แคปปิตอล) ในชื่อ อินเวนท์ ด้วยการสนับสนุนเงินทุนให้กับบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ในไทยที่มีศักยภาพ มีเป้าหมายการตลาดที่ชัดเจน และความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสินค้าและบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเงินสนับสนุนจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของธุรกิจ แต่จะเริ่มต้นที่ 5 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้นนั้นขึ้นอยู่กับการเจรจาตกลงกัน แต่จะไม่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
โมเดลนี้ต่างจากในอดีตที่กลุ่มอินทัชเคยลงทุนผ่าน เอดีเวนเจอร์แคปปิตอลที่เป็นบริษัทลูก แต่โครงการอินเวนท์นั้นจะเป็นการร่วมทุนเท่านั้น ความคิดสร้างสรรค์และการบริหารงานยังคงเป็นของผู้ประกอบการรายนั้น ซึ่งนอกจากเหนือจากเงินทุนที่ให้แล้ว บริษัทที่อยู่ในโครงการนี้ยังสามารถใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของกลุ่มอินทัช อย่างเอไอเอสที่มีฐานลูกค้ากว่า 34 ล้านราย ดีทีวีอีก 1.2 ล้านราย เพื่อต่อยอดทางธุรกิจได้
'เราใช้เงินลงทุนโครงการนี้ปีละประมาณ 200 ล้านบาทตอนนี้มีบริษัทติดต่อมาบ้างแล้วแต่ยังไม่ถึง 10 ราย โดยไม่ได้จำกัดจำนวนบริษัทแต่จะพิจารณาจากความคิดสร้างสรรค์และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งยิ่งมากยิ่งดี เพราะจะได้มีความหลากหลาย'
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ถูกทาบทามให้เข้าดำรงตำแหน่งดีดีการบินไทยนั้น นายสมประสงค์ กล่าวว่า ยังคงจะทำงานให้กับกลุ่มอินทัชต่อไป เพราะเวลานี้กลุ่มอินทัชกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของธุรกิจจากแอนาล็อกสู่ดิจิตอล ซึ่งถือเป็นรากฐานที่สำคัญในช่วง 15-20 ปีข้างหน้า
Company Relate Link :
Intouch
ที่มา: manager.co.th