แวลลูฯ เชื่อครึ่งปีหลังตลาดไอทีคึก คาดเติบโตระดับ 2 หลัก จับมือออราเคิลเปิดโซลูชันเซ็นเตอร์ Exadata แห่งแรกในประเทศไทย เชื่อปีนี้มียอดขาย 6-8 เครื่อง นายณัฐศักดิ์ โรจนพิเชษฐ์ กรรมการบริหาร บริษัท ออราเคิล (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาออราเคิลได้นำเสนอหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้แนวคิด เอนจิเนียริ่ง ซิสเต็มส์ ที่เป็นการผสมผสานและทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดโดยทุกอย่างอิงบนมาตรฐานเปิด สำหรับตลาดองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีบริษัทขนาดใหญ่หลายรายได้นำระบบ Exadata ซึ่งเป็นดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ไปใช้แล้ว เช่น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ธนาคารแห่งประเทศไทย และเพื่อให้องค์กรอื่นในประเทศไทยได้เห็นถึงประสิทธิภาพของ Exadata จึงได้ร่วมมือกับบริษัท เดอะแวลลูซิสเตมส์ ซึ่งเป็นทั้งคู่ค้าระดับแพลทินัมของออราเคิล พาร์ตเนอร์เน็ตเวิร์ก และเป็นสำนักงานสาขาของบริษัท อีซีเอส โฮลดิงส์ จัดทำโซลูชันเซ็นเตอร์ Exadata แห่งแรกในไทย
ด้านนายสมศักดิ์ เพ็ชรทวีพรเดช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะแวลลูซิสเตมส์ กล่าวว่าแวลลูฯ มีแนวคิดที่จะจัดทำโซลูชันเซ็นเตอร์อยู่แล้วเพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ตัวแทนจำหน่ายของแวลลูฯ ในไทยในการทำตลาด Exadata ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งประจวบเหมาะกับอีซีเอส ที่มีความร่วมมือกับออราเคิลในการสร้างโซลูชันเซ็นเตอร์เช่นกัน แวลลูฯ จึงได้จัดตั้งโซลูชันเซ็นเตอร์ Exadata ขึ้นในไทย ซึ่งถือเป็นโซลูชันเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 ของอีซีเอสในภูมิภาคนี้ ต่อจากประเทศมาเลเซีย โดยใช้งบลงทุนทางด้านฮาร์ดแวร์ประมาณ 15 ล้านบาท โดยออราเคิลช่วยสนับสนุนทางด้านเทคนิคต่างๆ
“ต่อไปผู้แทนจำหน่ายที่ช่วยทำตลาดออราเคิลของแวลลูฯ 5 รายไม่จำเป็นต้องให้ลูกค้าที่สนใจไปทดลองประสิทธิภาพของเครื่องที่ต่างประเทศอีกแล้ว สามารถเข้ามาทดลองรันแอปพลิเคชันหรือประสิทธิภาพของเครื่องได้ที่โซลูชันเซ็นเตอร์แห่งนี้ได้เลย ซึ่งคาดว่าปีนี้บริษัทจะสามารถขาย Exadata นี้ได้ประมาณ 6-8 เครื่อง”
นายสมศักดิ์กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดไอทีในประเทศไทยช่วง 3 เดือนแรกถือว่าค่อนข้างเงียบ โครงการลงทุนด้านไอทีทั้งภาครัฐและเอกชนต่างชะลอออกไปทั้งตลาดองค์กรและคอนซูเมอร์ ซึ่งไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นเพราะสาเหตุใด แต่เชื่อว่าสภาพการลงทุนด้านไอทีในส่วนองค์กรของไทยจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่สถานการณ์ของรัฐบาลนิ่งขึ้น ยิ่งหากโครงการ 3G คลื่น 2.1GHz เกิดขึ้นจริง ก็จะเกิดการลงทุนด้านไอที ประมาณ 15-20% ของงบลงทุน 3G ทั้งหมด
“จะเรียกว่าไม่มีอัตราการเติบโตน่าจะดีกว่า แต่สำหรับครึ่งปีหลังน่าจะมีการเติบโตได้ในระดับ 2 หลัก”
ขณะที่นายณัฐศักดิ์กล่าวเสริมว่า ปัจจัยที่จะช่วยขับเคลื่อนการลงทุนในประเทศไทยนั้น สามารถดูได้จากผลประกอบการในกลุ่มธุรกิจธนาคารถือว่าดีมาก จึงยังคงมีการลงทุนด้านไอทีอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเครื่องมือในการรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ การลงทุนขยายเครือข่าย 3G ของกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมก็เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนด้วยเช่นกัน
ขณะที่กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมก็มีการปรับตัวนำระบบไอทีเข้ามาใช้เสริมประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีเรื่องของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ซึ่งเห็นได้ชัดในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงมีการลงทุนไอทีอย่างต่อเนื่อง ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆ ยังไม่เห็นสัญญาณการลงทุนไอทีที่เด่นชัดออกมาในเวลานี้ ขณะที่ภาครัฐเองก็มีการลงทุนระบบไอทีเช่นกันในส่วนของโครงการป้องกันน้ำท่วมต่างๆ
“โดยภาพรวมแล้ว ถือว่ามีสัญญาณการลงทุนที่ดี”
Company Relate Link :
Oracle
Value
ที่มา: manager.co.th
