“เสี่ยตา” รับตกใจ หลังทราบข่าวไฟไหม้บ้าน โอดเสียดายภาพวาดของศิลปินแห่งชาติ ที่วาดให้ บอกคงต้องทำใจ คิดเสียว่าช่วงนี้ตนอาจจะดวงไม่ดี บ้านเลยรับเคราะห์แทน แจงคงไม่ไปดูที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง เพราะรู้สึกสงสารบ้าน เดินทางไปประชุมกลุ่มนักธุรกิจที่ประเทศจีน และมีกำหนดกลับวันที่ 20 เม.ย.นี้ แต่ทันทีที่ได้ทราบข่าวว่า บ้านพักตากอากาศ ที่เขาใหญ่ ถูกไฟไหม้ เสียหายเกือบทั้งหลัง มูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท ทำเอา “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” ร้อนใจจนต้องบินกลับไทยก่อนกำหนด โดยเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา เสี่ยตาได้เปิดใจกับสื่อมวลชที่ไปดักรอสัมภาษณ์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พอเจ้าตัวลงเครื่องปุ๊บก็ยินดีให้สัมภาษณ์ พร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม ว่า…
“คือ ตอนผมไปประเทศจีน ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่มารู้ข่าวตอนที่มีการประชุม ทริปนี้เป็นทริปที่ท่านนายกฯ เชิญนักธุรกิจไป ก็กำลังคุยๆ อยู่ ก็มีสายโทรศัพท์เข้ามา เราก็เห็นว่าเบอร์แปลกๆ ก็เลยให้ทีมงานรับ ปรากฏว่า เป็นเพื่อนโทร.มาบอกว่าที่บ้านไฟไหม้ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นตอนตี 3 แล้ว เราก็รู้สึกตกใจ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องแก้ไขกันไป”
“เราเองก็ต้องกลับมาก่อน พอดีหาตั๋วเครื่องบินได้พอดี เลยรีบกลับมาก่อน เราก็รู้สึกกังวลและอดห่วงไม่ได้ ที่จริงบ้านหลังนี้ เราเองก็ไม่ค่อยได้บอกใคร แต่ก็เป็นหลังเดียวกับในโฆษณาสี เป็นบ้านพักเรา ก็สร้างในแบบที่เราชอบ เป็นบ้านไม้ศิลปะ อาจจะเกิดจากความประมาทอะไรก็แล้วแต่ เราก็ต้องหาทางแก้ไขอย่าไปวิตกกังวลกับมันมากมาย บ้านที่เรามีอยู่เราก็แก้ไขตรงนั้นตรงนี้ แต่บ้านหลังนั้นเราไม่ค่อยได้แก้ไข อาจจะถึงเวลาเปลี่ยนแปลง เราอาจมีทุกข์ มีเคราะห์ แต่บ้านมารับเคราะห์แทน”
“ทราบว่า ไฟลุกโหม แต่ดีที่ไม่ได้เห็นเองด้วย ไม่งั้นก็คงตกใจเหมือนกัน น่าจะมีอะไรดีขึ้น ฟาดเคราะห์ไป ค่าเสียหายอย่าไปคิดมันเลย ไม่ว่าจะเป็นด้านเงินหรือว่าจิตใจ ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความประมาท ที่ตั้งใจก็ดี หรือไม่ตั้งใจก็ดี ค่อยไปหาว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วก็หาหนทางแก้ไขมันซะ เพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก มูลค่าเป็นสิบล้านหรือไม่ก็อย่าซีเรียสกับมัน”
“เป็นบ้านที่ผมไม่ค่อยได้ไป แต่เป็นบ้านที่สวย มีคนเฝ้าด้วย ผมไปแค่ปีละ 3 ครั้ง เราไม่ค่อยได้ไป แต่ลูกไปมากกว่า เลยไม่ค่อยได้เห็น ได้ข่าวว่าครึ่งนึงเป็นห้องนอนชั้นบน 3 ห้อง ตกแต่งอย่างสวย อุตส่าห์ซื้อเตียงดีไซน์ต่างๆ ไว้ เสียดายเหมือนกัน เหลือแต่ชั้นล่าง แต่ยังไงก็จะปรึกษากับครอบครัวก่อนว่าจะยังไงดี อย่าคิดกันมากเลยครับ”
บอกไม่อยากไปดู เพราะสงสารบ้าน พร้อมรับรู้สึกเสียดาย เพราะตกแต่งไว้อย่างสวย
“ถามว่าจะไปดูเองไหม อันดับแรกที่คิดไว้คงไม่ คงให้คนไปดูแลเบื้องต้นก็ให้ทีมงานไปดูแล เพราะเราสงสารบ้าน เราไม่ไปเพราะไม่อยากเห็น ก็อาจจะต้องปิดล้อมไว้ก่อน เพราะความปลอดภัย ก็อาจจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจร มันก็คงเป็นแบบนั้นอาจเป็นความประมาทของคนเฝ้า ความประมาทของเจ้าของบ้านที่ไม่ไปดูแลความเรียบร้อยเรื่องฝืนไฟ ก็เตือนกันไว้ครับ อยากให้เป็นอุทาหรณ์”
“คุณค่าทางจิตใจ ก็คือ บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ลูกๆ จะไปพักผ่อน ผู้ใหญ่เขาก็เป็นห่วงโทร.มาถามตลอด เราก็ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วงเป็นกังวลกับเรื่องนี้ อยากให้มีแต่ความสุขสำราญ ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวเอง ผมก็ยังไม่ได้ตอบคำถามอะไรตั้งแต่แรก เพราะเราเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ในเมื่อเหตุเกิดมาแล้ว ก็อยากหาหนทางดับทุกข์ได้เร็วหน่อย ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้”
“อย่างผมเอง ว่า มีความรอบคอบแล้วก็ยังเกิดขึ้นได้ เราเองก็คงไม่รอบคอบควรตรวจสอบ ความเสียหายหลายคนว่าเยอะ แต่มันก็ไม่เยอะสำหรับเรา อยากให้เป็นอุทาหรณ์ หลายคนอาจมีโอกาสได้ไปบ้านหลังนี้คงเสียดาย ในบ้านผมมีรูปที่ศิลปินแห่งชาติหลายท่านวาดให้ เสียดายมากครับ เราก็เสียดายทั้งหมดนะ ค่อยๆ ก่อสร้างขึ้นมาเป็นสิบปีแล้ว ตั้งแต่เขาใหญ่ยังไม่บูม แต่ไม่เป็นไรก็ว่ากันไป ก็ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง”
ที่มา: manager.co.th
