ไมโครซอฟท์ มั่นใจลูกค้าองค์กรพร้อมเปลี่ยนมาใช้ “SQL Server 2012” จากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น รองรับเทรนด์บิ้กดาต้า และ คลาวด์ เชื่อ องค์กรที่ปรับตัวพร้อมรับสามารถเติบโตได้มากกว่ารายอื่น 20% พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 15 พฤษภาคมนี้ นางสาวปัญจพร วิทยเลิศพันธุ์ ผู้จัดการอาวุโสกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดจากข้อมูลของไอดีซี พบว่าจะมีการใช้ดิจิตอลดาต้าเพิ่ม 44 เท่า ภายใน 10 ปีข้างหน้า โดยเกิดมาจากข้อมูลรูปแบบใหม่ที่เป็นสตรีมมิ่ง วิดีโอ โซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured data)
และปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน การใช้ไอทีในปัจจุบันมีแนวโน้ม ว่า 20% ของผู้ใช้งานทั่วโลกใช้งานในรูปแบบเวอร์ชวลไลเซชัน จากเดิมที่เป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์เฉพาะ นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2015 การใช้งานจะย้ายไปอยู่บนพับบลิคคลาวด์ถึง 46%
“ไมโครซอฟท์ มองว่า ผู้ประกอบการไทยต้องมีการเตรียมพร้อมบริษัท และองค์กร เพื่อให้รับกับโอกาสทางธุรกิจเมื่อเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้น เมื่อไมโครซอฟท์มีโซลูชันอย่าง Business Accelerating Plan ที่จะเข้ามาช่วยผู้ประกอบการในไทยให้แข่งขันได้ จึงไม่รอช้าที่จะนำเสนอแก่ลูกค้า”
โดยภายใน BAP (Business Accelerating Plan) จะประกอบไปด้วย การให้บริการ System Center, SQL Server, Microsoft Dynamic และ Windows Azure ซึ่งตัวแพลนดังกล่าวจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ตัว SQL Server 2012 เริ่มให้บริการมาตั้งแต่ 1 เมษายน 2555 พร้อมกันทั่วโลก และแบ่งออกเป็น 3 เวอร์ชัน คือ Standard สำหรับลูกค้าองค์กรขนาดเล็กที่ต้องการเก็บข้อมูลไม่ต้องการ BI (Business Inteligence) ถัดมา คือ เวอร์ชัน BI ที่เพิ่งทำตลาดเป็นครั้งแรก และสุดท้ายเวอร์ชัน Enterprise ที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพ และรองรับเวอร์ชวลไลเซชันให้สมบูรณ์มากขึ้น
“กลุ่มลูกค้าของ SQL Server ของไทยในปัจจุบันกว่า 60% จะใช้เวอร์ชันทั่วไป ส่วนอีก 40% จะใช้เวอร์ชันสำหรับองค์กร ซึ่ง 30% ของลูกค้าในส่วนนี้มีสัญญาที่สามารถอัปเกรดไปใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ได้ทันที ทำให้เหลือลูกค้าราว 70% ที่ต้องตัดสินใจว่าจะใช้เวอร์ชันใหม่หรือไม่”
นางสาวปัญจพร กล่าวต่อว่า ในไทยยังมีลูกค้าอีกหลายรายที่ใช้ SQL Server เวอร์ชัน 2000 และ 2005 ซึ่งจากความสามารถใหม่ในรุ่น 2012 น่าจะทำให้ลูกค้าที่สนใจ ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ได้ไม่ยาก เพราะนอกจากจะได้ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังสามารถนำไปใช้งานร่วมกับแท็บเล็ต หรือระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 วินโดว์สเซิร์ฟเวอร์ และไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 2015 ที่กำลังจะวางจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้ได้อีกด้วย
“ข้อมูลจากการ์ทเนอร์ ระบุว่า ในปี 2015 องค์กรที่สามารถจัดการกับไฟล์รูปแบบใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจเมื่อเทียบกับองค์กรอื่นๆ ที่ไม่สามารถจัดการไฟล์ได้ถึง 20%”
ทั้งนี้ Microsoft SQL Server 2012 ถูกปรับปรุงมาให้รองรับกับเทรนด์ของบิ้กดาต้า ที่สามารถนำข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างมาวิเคราะห์ เพื่อจัดเก็บข้อมูลได้ โดยมีลูกค้ารายใหญ่ที่นำไปใช้แล้วอย่าง ยาฮู (Yahoo) ที่ต้องทำการวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 3.5 พันล้านครั้งต่อวัน หรือ 4.64 แสนล้านครั้งต่อเดือน ก็สามารถนำไปใช้งานได้
ส่วนในประเทศไทย มหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ใช้โซลูชันของไมโครซอฟท์ ก็ได้นำระบบใหม่ไปใช้ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลของทั้งนักศึกษา คณาจารย์ และผู้ปกครอง ทำให้สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์ต่อยอดออกมาใช้งานต่อไป
นายปรเมศร์ เพียรสกุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีและสารสนเทศ (ICT) มหาวิทยาลัยศรีปทุม ให้ข้อมูลว่า ทางศรีปทุมนำระบบ SQL Server 2012 มาใช้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นในการรับสมัครนักศึกษาใหม่ ที่แบ่งเป็นข้อมูลจากทางศูนย์รับสมัคร และบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาเพื่อวิเคราะห์ผู้ที่สนใจในการเข้ามาศึกษา ในหลากหลายมิติ
“จากข้อมูลเหล่านี้ ร่วมกับระบบสมาร์ทการ์ดที่มหาวิทยาลัยนำมาใช้ จะช่วยให้สามารถเข้าไปดู และวิเคราะห์พฤติกรรมของทั้งนักศึกษา และอาจารย์ ถึงความสนใจ การเข้าใช้งานอุปกรณ์ต่างๆในมหาวิทยาลัย และต่อยอดไปเป็นข้อมูลเชิงลึกในการทำวิจัยได้”
Company Relate Link :
Microsoft
ที่มา: manager.co.th