Dumb and Dumber 2 มาแน่ - "จิม แคร์รี", "เจฟฟ์ แดเนียล" คืนบทคู่หูปัญญานิ่ม

[Nick]

Dumb and Dumber


Dumb and Dumberer: When Harry Met Lloyd

      ยืนยันแล้วว่าหนังตลกสุดฮิต Dumb and Dumber กำลังจะมีภาคต่อ ที่คราวนี้จะได้ดารานำจากหนังภาคแรกทั้ง "จิม แคร์รี" และ "เจฟฟ์ แดเนียล" กลับมารับบทคู่หูปัญญาทึบ "แฮร์รี" กับ "ลอยด์" อีกครั้งด้วย
       
       มีข่าวการสร้างภาคต่อ Dumb and Dumber 2 ออกมาซักระยะหนึ่งแล้ว กระทั่งล่าสุดผู้กำกับของหนังเพิ่งจะยืนยันด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ว่าโปรเจ็คที่แฟน ๆ รอคอยกันเรื่องนี้กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนแล้ว
       
       ระหว่างรอบสื่อของ The Three Stooges เมื่อเร็ว ๆ นี้ ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี หนึ่งในผู้กำกับของ Dumb and Dumber ภาคแรกยืนยันว่าหนังภาค 2 กำลังจะเริ่มต้นถ่ายทำในเร็ว ๆ นี้ "เราจะถ่ายหนังกันในเดือน ก.ย. เป็นภาคต่อเรื่องแรกที่เรา (พี่น้อง ฟาร์เรลลี) เคยทำ และเราก็ได้ จิม แคร์รี กับ เจฟฟ์ แดเนียลส์ กลับมาด้วย"
       
       ก่อนหน้านี้เคยมีการสร้างหนังภาคต่อของหนังตลกสุดฮิตเรื่องนี้ ภายใต้ชื่อว่า Dumb and Dumberer: When Harry Met Lloyd ที่เล่าเรื่องของตัวละครในช่วงวัยหนุ่ม ด้วยนักแสดงคนอื่นที่ไม่ใช่ แคร์รี และแดเนียล ซึ่งหนังถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ทั้งในแง่รายได้และคำวิจารณ์
       
       มาตอนนี้ ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี ยืนยันว่าหนังที่เขากำลังจะทำ คือภาคต่อที่แท้จริง แตกต่างจาก Dumb and Dumberer ที่เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย แต่เป็นสตูดิโอที่ดำเนินการสร้างเอง
       
       "เราอยากทำภาคต่อกันมาตลอด และในที่สุด จิม ก็เห็นพ้องด้วย" ผู้กำกับเผย "เจฟฟ์ อยากเล่นภาคต่ออยู่แล้ว เราเองก็อยากทำมาก จิม ค่อนข้างจะยุ่ง แต่ในที่สุดเขาก็ตกลง เขาโทรมาบอกว่า 'เรามาร่วมงานกันอีกครั้งกันเถอะ' เขาเพิ่งดู Dumb and Dumber ไป และพูดออกมาว่า 'หนังจะเป็นภาคต่อที่สุดยอดแน่ ทำกันเลยดีกว่า'"
       
       Dumb and Dumber ออกฉายเมื่อปี 1994 กับเรื่องราวการผจญภัยของคู่หูสุดทึ่ม แต่จิตใจงาม เป็นหนังที่ได้ชื่อว่าแม้จะหาสาระอะไรไม่ได้ แต่ก็ขำมากกับมุขตลกที่ยิงแบบไม่ให้คนดูได้พักขากรรไกร หนังยังถือว่าเป็นงานในช่วงเริ่มต้นยุครุ่งเรืองของดาวตลกคนดัง จิม แคร์รี และทำรายได้ในตอนที่ฉายไปมหาศาล 127.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
       
       สำหรับภาคต่อผู้กำกับคู่พี่น้อง ปีเตอร์ และ บ๊อบ ฟาร์เรลลี จะกลับมารับหน้าที่เดิม และมี ฌอน แอนเดอร์ส กับ จอห์น มอร์ริส เขียนบท

ที่มา: manager.co.th