Author Topic: “เปิ้ล นาคร” เปิดใจถอนหุ้น บ.ลักษ์ฯ เพราะอยากใช้ชีวิตที่เหลือดูแลลูก-เมีย และไม่อยากเอาเป  (Read 1104 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


       “เปิ้ล นาคร” เปิดใจถอนหุ้น บ.ลักษ์ฯ เพราะอยากใช้ชีวิตที่เหลือดูแลครอบครัว บอกที่ผ่านรู้สึกผิดทุกครั้งที่ต้องลางานไปดูแลลูก จึงไม่อยากเอาเปรียบ “วิลลี่-หอย” อีกต่อไป ปัดแตกคอ ยันเคลียร์กันลงตัว ถ้า 2 เพื่อนซี้จ้างให้ทำอะไรก็ยินดี หลังจากนี้คิดเปิดบริษัทเล็กๆ ทำในสิ่งที่อยากทำจริงๆ เผยตอนนี้ค้นพบแล้วว่าการได้อยู่กับลูก-เมีย คือสิ่งที่ตนมีความสุขที่สุด
       
       เรียกว่าเป็นเพื่อนรักกันมานาน ทั้ง “วิลลี่ แมคอินทอช” , “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” และ “เสนาหอย เกียรติศักดิ์ อุดมนาค” จนร่วมกันก่อตั้งบริษัท “ลักษ์ 666” ขึ้นมา ผลิตรายการ สร้างภาพยนตร์ รวมถึงเปิดหนังสือ และช่องเคเบิ้ลทีวี “สาระแนแชนแนล” และเมื่อไม่นานมีกระแสข่าวเม้าท์กันให้แซดว่าทั้งสามหนุ่มเพื่อนรักเกิดไม่ลงรอยถึงขั้นแตกหัก จนทำให้ เปิ้ล นาคร ประกาศถอนหุ้นทั้งหมดออกจากบริษัทไป
       
       ล่าสุด 3 เพื่อนซี้ “วิลลี่-เปิ้ล-หอย” มีชื่อมาร่วมงานเปิดตัว SPA at Terminal ที่ เซ็นทรัลพระราม 9 แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลาจริงๆ กลับไร้เงา วิลลี่ กับ หอย มีแค่หนุ่มเปิ้ลมาคนเดียว ผู้สื่อข่าวจึงได้โอกาสสอบถามถึงประเด็นถอนหุ้นจากเปิ้ล เจ้าตัวก็ชี้แจงอย่างละเอียด โดยยืนยันว่าไม่ได้แตกคอกันอย่างที่เป็นข่าว แต่เป็นเพราะตนละอายใจที่ลางานไปดูแลลูกบ่อยจนไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนอีกต่อไป อีกทั้งอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น เพราะค้นพบแล้วว่านี่คือสิ่งที่ตนมีความสุขที่สุด
       
       “เราถอนหุ้นออกมาจริง แต่ไม่ได้มีปัญหากันกับวิลลี่และหอยอย่างที่เป็นข่าว เหตุที่ถอนหุ้นออกมาเพราะว่าพอเรามีลูกมีครอบครัว จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของความคิดส่วนตัวด้วย คือเดิมทีเกิดมาไม่เคยคิดว่าจะมีสถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในความคิดของตัวเอง ตั้งแต่พอมีลูกมีครอบครัว พอได้พาน้องออกัส (ลูกสาว) ไปว่ายน้ำ พาลูกไปเรียนหนังสือ ไปทำอะไรต่างๆ ในแต่ละวันซึ่งเป็นวันจันทร์-ศุกร์ด้วย แล้วเราก็มีความรู้สึกว่าแต่ละวันต้องใช้เวลาเยอะ ในการที่จะเพิ่มเติมให้กับลูกเพราะฉะนั้นความทุ่มเทให้กับการทำงานก็เลยน้องลง แล้วเราก็เห็นว่าวิลลี่กับหอยทั้งสองคนก็ทำงานเยอะมาตลอด เรามีความรู้สึกว่าต้องเลือกแล้วว่าเราจะทำงานเท่าเพื่อนหรือทำงานน้อยกว่าเพื่อน ทำงานน้อยกว่าน้อง”
       
       “แล้วพอเราทำงานน้อยลงก็เหมือนเอาเปรียบวิลลี่กับหอย เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไปคุยกับทั้งสองคนดีกว่าว่าพี่ทำงานน้อย อายน้องๆ อีกอย่างเราถือหุ้นเยอะด้วย ก็เลยขอถอนตัวออกมาดีกว่า ในเรื่องของการบริหารนะ ให้วิลลี่กับหอยเขาไปบริหารจัดการกันเองเต็มๆ และก็ได้ไปเต็มๆ จะได้ไม่เป็นการเอาเปรียบเขาทั้งสองคน แล้วเราก็ออกมาทำงานเล็กๆ ของเราดีกว่า คือใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับครอบครัว ส่วนเล็กๆ เราทำงานเฉพาะสิ่งที่เราชอบจริงๆ สิ่งที่เรารู้สึกและอยากทำจริงๆ”
       
       “ก็มีความรู้สึกว่า ชีวิตที่เหลืออยู่ เอาคิดแบบโลภๆ เลยนะ เหลืออีกประมาณ 20 ปีสุดท้ายที่เราจะหายใจได้ แล้วเราจะต้องตายไป เราควรจะเลือกเอาว่าจะใช้ชีวิตเราแบบไหนดี ก็มานั่งคิดคนเดียวเลยนะ คิดอยู่นานหลายเดือนเหมือนกัน ก็คิดว่าเราใช้ชีวิตแบบที่ธรรมชาติหรือสิ่งมีชีวิตเขาให้มาดีกว่า นั่นคือการได้อยู่กับครอบครัว ซึ่งเรารู้สึกว่ามีความสุขมาก”
       
       “ส่วนการทะเลาะกันเป็นเรื่องมาตั้งแต่ปีแรกแล้ว ทะเลาะในห้องประชุมเรื่องแบบธรรมดามาก เวลาเราสามคนคุยกันจะมีเถียงกันบ้าง ถามว่าไม่เคยทะเลาะกันเป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดา แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทะเลาะกัน คือเราตกลงกัน คุยกันรู้เรื่อง คิดจะใช้ชีวิตลมหายใจที่เหลือไม่เกิน 10,000 วันแบบนี้ ชีวิตเราเดี๋ยวก็ตายแล้ว ทำงานน้อย เอาเล็กๆ ที่อยากทำ เล็กๆ ที่เรียกว่ารัก เราก็อยากเป็นแบบนี้ ทุกคนมีทางเลือกเดินของตัวเอง ผมก็แฮปปี้นะ ทำเล็กๆ ได้พอดีอยู่กับครอบครัว อีกหน่อยอาจจะพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศโดยไม่ต้องขออนุญาตบอร์ดหรือบริษัท หรือทำเรื่องลางาน ผมว่านี่คือสิ่งที่อยากทำ อยากตายไปกับสิ่งนี้”
       
       การถอนหุ้นของตนนั้น ได้มีการพูดคุยตกลงกันเป็นอย่างดีกับสองเพื่อนรัก โดยทุกฝ่ายก็แฮปปี้กับการตัดสินใจในครั้งนี้ของตน ยืนยันว่ายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ “วิลลี่” และ “เสนาหอย” เหมือนเดิม
       
       “เขาทั้งสองคนก็โอเค เรื่องถอนหุ้นคุยกันนานแล้ว แต่เรื่องของกฎหมายเพิ่งจะมีผล ตอนนี้เราไม่ได้บริหารให้ใครแล้ว บริหารชีวิตตัวเอง รับงานพิธีกร รับงานหนัง รับงานรายการทีวี แต่เฉพาะที่เราอยากทำจริงๆ ที่เรากระหายจริงๆ เท่านั้น”
       
       “แล้วบอกว่ารายการของบริษัทอยากให้เล่นเหมือนเดิม ถ้าเขาทำหนังเขาก็บอกว่ามาเล่นให้ผมนะ ซึ่งเราบอกว่าก็เล่นสิ เราจ้างเขา เขาจ้างเรา ดูกันไปเรื่อยๆ ดูที่ผลงานดีกว่า เราก็เลยมีความสุข ผมคิดว่าเลิกไม่ได้หรอกสาระแน เพราะทุกครั้งที่อยู่บนเวทีกับวิลลี่และหอยมันเหมือนเสพยาล่องลอยไปในอากาศ เคลิ้ม”
       
       “ในส่วนของรายการก็ยังทำเหมือนเดิม อย่างพิธีกรรายการสาระแนก็ทำอยู่ครับ ไม่งั้นจะเอาอะไรกิน ก็แล้วแต่วิลลี่กับหอยเขาจะจ้างอะไรเรา จ้างให้เราเป็นพิธีกรรายการไหน เราก็จะเป็นลูกจ้างเขาไป ส่วนเรื่องการบริหารเราก็จะถอนออกมา แล้วก็มาเปิดบริษัทเล็กๆ ที่ทำงานเฉพาะที่เราอยากทำ ถึงเวลาก็พาน้องออกัสไปว่ายน้ำได้ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกว่าโทรไปหาเลขาฯเพื่อขออนุญาตพาลูกไปว่ายน้ำ พออีกวันก็ขอพาลูกไปเรียนหนังสือ อังคาร-พุธ-พฤหัสฯ ตกลงสิ่งที่เราเลือกแบบไหน ซึ่งแบบที่กำลังเลือกคือเรามีความสุขเหลือเกิน”
       
       “ก็ไม่ได้ใจหาย ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะว่าบริหารก็ส่วนบริหารเข้าใจไหม คนที่แฮปปี้ของการนั่งในห้องประชุมการคิดตัวเลข เขาก็จะมีความสุขแบบนั้นมาก แต่เรามีความสุขอีกแบบนึง แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นส่วนการแสดงบนเวที ไม่ว่าจะเป็นสาระแน หรือรายการต่างๆ ที่ เปิ้ล วิลลี่ หอย มันก็เป็นความสุขที่เราไม่เลิกอยู่แล้ว จะเลิกก็ไม่ได้ เสพติดมา 15 ปีแล้ว ถ้าเลิกมันก็ยากมาก”
       
       “จริงๆ เขาก็ถามว่าทำไมถึงต้องถอนหุ้น เราก็อธิบายให้เขาฟัง ส่วนวิลลี่เองก็มีลูก ถามว่าทำไมเขาไม่เห็นเป็น เมื่อเขาแฮปปี้ที่จะเล่นกับลูกแบบนั้นแล้วออกมาทำงาน กลับบ้านดึกๆ เจอหน้าลูกตอนหลับแล้ว วิลลี่เขาสามารถ คนเรามันต้องเลือกใช้เวลาที่เหลือของตัวเอง เราเลือกใช้เวลาที่เหลือของตัวเองแบบนี้ แต่ละคนมีวิธี บางคนให้ภรรยาเลี้ยงลูก ส่วนตัวเองต้องไปบริหารบริษัทมหาชน นั่นก็เป็นวิธีการใช้เวลาที่เหลือของเขา ผมก็ใช้เวลาที่เหลือ 10-20 ปี เดี๋ยวก็ตายแบบนี้”
       
       ในหมายเชิญมีชื่อสามสหาย วิลลี่-เปิ้ล-หอย แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับมีแต่เปิ้ลมาคนเดียวจึงอดถามไม่ได้ว่าทำไมอีกสองคนไม่มา ซึ่งเจ้าตัวก็แจงว่า…
       
       “วันนี้ไม่ได้ทั้งสองคนไม่ว่าง จริงๆ เจ้าของสปากับผม แล้วเขาฝากบอกให้พี่เปิ้ลเชิญพี่หอยพี่วิลลี่ด้วย ปกติทุกที่เวลาเชิญเปิ้ลมาบัตรเชิญมี 3 ใบอยู่แล้ว แล้วแต่ใครว่างก็มา อย่างเราก็ต้องไปสาระแนชาแนลต่อ หอยเองเช้ามาก็ต้องประชุม วิลลี่เองก็ต้องประชุมอัดรายการ แต่ละคนมีวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนกัน อันนี้ผมเลือกแบบนี้นะ ผมเลือกที่จะใช้ชีวิตที่เหลือของผมแบบนี้ครับ”
       
       เมื่อถามถึงเรื่องบริษัทที่จะแยกตัวออกมาทำเองนั้น เจ้าตัวเผยว่า…
       
       “เราก็เลยเลือกออกมาทำอะไรเล็กๆ ดีกว่า ก็ทำเหมือนเดิม เช่น ทำหนัง รับงาน เขียนหนังสือ อะไรแบบนี้ ตอนนี้ก็กำลังเดินเรื่องอยู่ ก็เริ่มนั่งเขียนหนังสือ หาที่เขียนหนังสือเงียบๆ พอลูกหลับ หรือตื่นเช้ามานั่งเตรียมงานหนัง อะไรต่างๆ ไป ทำเฉพาะที่เราอยากทำจริงๆ ไม่ต้องไปขออนุญาตหรือลางาน เพราะก่อนหน้านี้เราก็ขออนุญาตแล้วลางานไง แล้วเราก็หยุดงาน กลับมานั่งคิดอีกทีทำไมขอลางานทุกครั้งแล้วทำไมใจเต้น พอเข้าบริษัทแล้วก็รู้สึกผิด”
       
       “วันนี้น้องออกัสไม่สบายแล้วเราพาไปโรงพยาบาลก็รู้สึกผิด คิดว่าคนไม่มีครอบครัวอาจจะนึกไม่ออก คนอาจจะมองหาคำแก้ตัวได้ขั้นเทพ แต่ว่าลองไปมีลูกดูแล้วจะรู้ เราก็เคยพูดแบบนี้เหมือนกัน บ้าหรือเปล่า แล้วจะเอาอะไรกิน เราคิดแบบนี้ เพื่อนเคยพูดอย่างนี้กับเราพอมาวันนี้จริงๆ รู้สึกว่าชีวิตเราต้องการแบบนี้จริงๆ นะ เราคงไม่ใช่มนุษย์งาน”
       
       “ส่วนจูน (ภรรยา) เขาแล้วแต่เราอยู่แล้ว ขอแค่ Iphone4s พอ แล้วก็เสื้อผ้าสวยๆ ให้ลูก เราจะตัดสินใจยังไงก็ได้ เขาแฮปปี้ที่เราพาน้องออกัสไปว่ายน้ำด้วยตัวเอง ส่วนที่เหลือเรื่องการบริหารเขาไม่รู้เรื่องหรอก แต่เราก็อธิบายการบริหารก็ส่วนบริหาร แต่ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมหมดแค่นั้นเอง”
       
       พอถอนหุ้นเวลาเหลือมาก แถมลูกๆ “น้องออกัส” และ “น้องออก้า” น่ารักมาก ก็เลยอยากมีทายาทคนที่สาม
       
       “ก็พอเราตัดสินใจแบบนี้แล้วเวลาก็เหลือเยอะมาก เพราะน้องออก้าออกมา ดันเป็นเด็กที่น่ารักมาก อยู่ในอินสตาแกรมถือว่าขึ้นป๊อปปูล่าตลอด ก็เลยอยากจะได้คนที่สามอีก อันนี้ต้องรออารมณ์ ออส่วน จะออกมาอีกคนนึง ส่วนว่าคนที่สามอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็มีทั้งชายและหญิงแล้ว ขาดกะเทย คนที่สามถ้าได้จะให้เป็นกะเทยให้ได้”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)