แอปเปิล (Apple) เฮรับความสำเร็จครั้งใหม่ ประกาศชัยยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันในร้านแอปสโตร์ (App Store) ทะลุหลัก 2.5 หมื่นล้านครั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นหลักไมล์สำคัญของวงการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหลังจากที่แอปสโตร์เคยประกาศความสำเร็จยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเกิน 1.5 หมื่นล้านครั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2011 เท่ากับแอปเปิลใช้เวลาเพียง 7 เดือนในการผ่านหลัก 1 หมื่นล้านดาวน์โหลด เฉลี่ย 1.42 พันล้านครั้งต่อเดือน คิดเป็น 47 ล้านครั้งต่อวัน หรือประมาณ 1.9 ล้านครั้งต่อชั่วโมง เทียบเป็น 3.3 หมื่นครั้งต่อวินาที
แอปเปิลนั้นเปิดแคมเปญนับถอยหลังการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันครั้งที่ 25,000,000,000 บนแอปสโตร์ภายใต้ชื่อ 25 Billion Apps Countdown Promotion ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเปิดให้ผู้ใช้ร่วมลุ้นเป็นคนที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันครั้งที่ 2.5 หมื่นล้านเพื่อรับรางวัลเป็นบัตรกำนัลสำหรับดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและนานาคอนเทนต์ฟรีบนแอปสโตร์มูลค่า 10,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 300,000 บาท) ซึ่งขณะนี้แอปเปิลยังไม่ประกาศชื่อผู้โชคดี มีเพียงการแสดงข้อความและภาพสีสันสดใสเพื่อขอบคุณและให้ข้อมูลว่าร้านแอปสโตร์มียอดดาวน์โหลดเกินหลัก 2.5 หมื่นล้านครั้งแล้ว
นอกจากชื่อ แอปเปิลยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการดาวน์โหลดครั้งที่ 2.5 หมื่นล้านว่า ผู้โชคดีเข้ามาดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดเมื่อเวลาใด ทั้งหมดนี้คาดว่าจะได้รับการเปิดเผยในเวลาอันใกล้ เนื่องจากเปเปอร์ กลิเดอร์ (Paper Glider) คือแอปพลิเคชันที่ 1 หมื่นล้านซึ่งถูกบันทึกชื่อไว้ในมุมประวัติศาสตร์บนร้านแอปสโตร์ตั้งแต่ปี 2010
หลังจากนั้น แอปเปิลประกาศว่าแอปสโตร์มียอดดาวน์โหลดเกิน 1.5 หมื่นล้านครั้งในเดือนกรกฎาคม 2011 ครั้งนั้นแอปเปิลระบุว่าจำนวนรวมแอปพลิเคชันวำหรับไอโฟน ไอพ็อด และไอแพดในร้านแอปสโตร์นั้นอยู่ที่ 425,000 แอปซึ่งเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดในเวลาเพียง 3 ปีหลังแอปสโตร์เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ยอดการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเหล่านี้สะท้อนถึงระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นระบบ เริ่มจากอุปกรณ์ของแอปเปิลทั้งไอโฟน ไอแพด และไอพอด ทัชนั้นมียอดจำหน่ายถล่มทลาย มาถึงกลุ่มลูกค้าแอปเปิลที่มีพฤติกรรมการใช้งานต่างจากลูกค้าค่ายอื่น ส่งให้ผู้ผลิตแอปพลิเคชันได้รับประโยชน์ ซึ่งกลายเป็นความมั่งคั่งสู่กระเป๋าของแอปเปิลด้วย
การสำรวจจากบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ (Gartner) พบว่าแอปเปิลสามารถเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออันดับ 3 ของโลกในปี 2011 ที่ผ่านมา โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว จากที่เคยมี 2.9% ในปี 2010 มาเป็น 5.0% ในปี 2011 ซึ่งหากคำนวณเฉพาะตลาดสมาร์ทโฟน แอปเปิลจะถือเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ซึ่งครองตลาดมากกว่า 19%
ในมุมพฤติกรรมผู้บริโภค การสำรวจของบริษัท Telenav ซึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่าผู้ใช้ไอโฟนมีทิศทางการซื้อแอปพลิเคชันมากกว่าผู้ใช้แอนดรอยด์ โดยมีเปอร์เซ็นต์ซื้อแอปพลิเคชันเกิน 40 เหรียญสหรัฐ (ราว 1,200 บาท) มากกว่า 2 เท่าตัว ขณะเดียวกัน ผู้ใช้ไอโฟนยังเป็นกลุ่มที่ใช้งานแอปพลิเคชันฟรีน้อยที่สุด เพราะผู้ใช้ไอโฟน 45% เท่านั้นที่ระบุว่าไม่เคยเสียเงินซื้อแอปในราคามากกว่า 1 เหรียญ (ราว 30 บาท) ทั้งที่ผู้ใช้แอนดรอยด์ 62% และผู้ใช้แบล็กเบอรี่ 63% ระบุว่าไม่เคยเสียเงินซื้อแอปอย่างจริงจัง
ยังมีการศึกษาจาก Appsfire ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม 2010 พบว่าผู้ใช้ไอโฟนใช้งานแอปพลิเคชันเฉลี่ย 84 นาทีต่อวัน จำนวนแอปพลิเคชันเฉลี่ยในเครื่องคือ 108 แอป โดย 20 แอปเป็นแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาจากโรงงาน (preinstall) และอีก 88 แอปเป็นการดาวน์โหลดจากแอปสโตร์
ผลที่เกิดขึ้นคือแอปสโตร์นั้นมีปริมาณการดาวน์โหลดสูงกว่าร้านแอนดรอยด์มาร์เก็ต (Android Market) แหล่งดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์แอนดรอยด์อย่างชัดเจน โดยในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กูเกิลเพิ่งฉลองยอดดาวน์โหลด 1 หมื่นล้านครั้งก่อนจะเฉลิมฉลองความสำเร็จด้วยการลดราคาแอปพลิเคชันเหลือ 10 เซนต์หรือประมาณ 3 บาทในเวลาจำกัด ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2011 ที่กูเกิลเคยประกาศว่ามียอดการดาวน์โหลด 4.5 พันล้านครั้ง
ความสำเร็จของร้านแอปสโตร์ไม่ได้หมายถึงการทำเงินของนักพัฒนาแอปพลิเคชันรายอื่นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงรายได้มหาศาลที่ไหลเข้าสู่กระเป๋าของแอปเปิลด้วย โดยรายได้ 30% ในแอปสโตร์จะถูกแอปเปิลหักออกเป็นค่าดำเนินการ แต่ทั้งหมดนี้แอปเปิลยืนยันว่านักพัฒนาสามารถทำรายได้จากการขายแอปในร้านแอปสโตร์หลายพันล้านเหรียญต่อปี
แอปสโตร์นั้นเป็นเว็บไซต์ที่ผู้ใช้อุปกรณ์พกพาระบบปฏิบัติการ iOS สามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันไปใช้งานได้ทั้งฟรีและเสียค่าบริการ ผู้ใช้สามารถเข้าสู่แอปสโตร์ได้ผ่านแอปพลิเคชันไอจูนส์ (iTunes) บนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และแอปพลิเคชันแอปสโตร์ในอุปกรณ์ iOS
Company Related Link :
Apple
ที่มา: manager.co.th