วาตารุ นิชิโอกะ แคนนอน มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 55 ฟื้นตัว ตั้งเป้ายอดขายทะลุหมื่นล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์ Excellent Company มุ่งสร้างประสบการณ์และโซลูชันบนแบรนด์แคนนอนเป็นหลัก ไม่ใช่แค่ขายเครื่องอย่างเดียว ตั้งใจเจาะตลาดที่ยังเข้าไม่ถึงในต่างจังหวัดเพิ่ม เดินเครื่องเปิดแคนนอน คอนเซ็ปต์ สโตร์ทั่วประเทศอีก 7 แห่ง พร้อมปรับศูนย์บริการให้เป็นสำนักงานสาขาที่ให้บริการแบบครบวงจรแทน รักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในทุกผลิตภัณฑ์ต่อ นายวาตารุ นิชิโอกะ ประธานบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการของแคนนอนในประเทศไทยปีที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 8,653 ล้านบาท เติบโตขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปี 2553 ที่มียอดขายอยู่ที่ 7,765 ล้านบาท ซึ่งถือว่า ต่ำกว่าประมาณการที่เคยตั้งไว้ช่วงต้นปีที่แล้วว่า จะเติบโตได้ถึง 20% แต่ยังถือว่ามียอดขายสุงสุดตั้งแต่แคนนอนดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมา 17 ปี แม้ว่าจะเจอเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ช่วงเดือนตุลาคมติดลบถึง 47% ก็ตาม แต่การเติบโตของธุรกิจในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2554 ที่มีถึง 21% ช่วยทดแทนยอดขายระหว่างช่วงน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี
ยอดขายดังกล่าวมาจาก 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบไปด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์อิมเมจจิ้ง คอนซูเมอร์ โปรดักส์ ผลิตภัณฑ์หลักในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยกล้องและเลนส์ ถือเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูงสุดจากปี 2553 เพิ่มขึ้น 16.1% มียอดขายรวมอยู่ที่ 4,631 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ ซิสเต็มส์ โปรดักส์ ผลิตภัณฑ์หลักได้แก่ พรินเตอร์ และอุปกรณ์พรีเซ็นเตชัน มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8.9% มียอดขาย 2,865 ล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์บิสซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น ที่ดูแลการทำตลาดเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่นและอุปกรณ์สำนักงาน มีอัตราการเติบโต 1% และมียอดขาย1,157 ล้านบาท
“ถึงแม้ปีที่แล้วจะเติบโตไม่ถึงเป้าที่วางไว้ แต่ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ในปีที่แล้ว ถือว่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จึงทำให้เมื่อยอดขายรวมของแคนอนยังคงมีอัตราการเติบโตอยู่”
นายวาตารุ ยังกล่าวอีกว่า แคนนอนยังมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2555 นี้ มีแนวโน้มฟื้นตัว รวมทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งจะกระตุ้นให้ทุกแบรนด์ต่างสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาด รวมถึงโปรโมชันใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งแคนนอนได้เตรียมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีอันโดดเด่นที่จะใช้ในการรุกตลาดในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์ Excellent Company ที่แคนนอนมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีอันทันสมัย และนำเสนอคุณภาพที่ดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้งที่บ้านและสำนักงาน และเน้นและจะเน้นสร้างการสร้าง แคนนอนแฟนให้มากขึ้นโดยเฉพาะในต่างจังหวัด โดยจะทำการสื่อสารผ่านทางแคนนอน คอนเซ็ปต์ สโตร์ ซึ่งทางแคนอนเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยภายในช็อปจะเป็นการแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีในส่วนของผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ทั้งหมดของแคนนอนมาให้ผู้ที่สนใจได้สัมผัสและทดลองใช้งาน ตั้งเป้าหมายในปีนี้ว่า จะตั้งเพิ่มในส่วนต่างจังหวัดให้ได้ 7 แห่ง โดยในปีที่แล้ว แคนนอนเปิดคอนเซ็ปต์สโตร์ไปแล้ว 5 แห่ง
“แคนนอนไม่ได้แค่ขายผลิตภัณฑ์เท่านั้น แคนนอนเราให้ความสำคัญกับเรื่องประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ที่มาพร้อมกับโซลูชันควบคู่ไปด้วย ซึ่งคอนเซ็ปต์ สโตร์นั้นสร้างการรับรู้ในแบรนดืของแคนนอนได้เป็นอย่างดี นั้นจะทำให้แคนนอนสามารถเข้าสู่ตลาดที่แคนนอนยังเข้าไปไม่ถึงเพิ่มขึ้นในปีนี้ คาดว่า น่าจะทำให้สัดส่วนยอดขายระหว่างในกรุงเทพฯ กับตลาดต่างจังหวัดอยู่ในระดับ 50% เมื่อเทีบบกับปีที่แล้วที่ยอดขายสินค้าคอนซูเมอร์มาจากกรุงเทพฯ 60% ต่างจังหวัด 40%”
ปีนี้แคนนอนตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 24% หรือมียอดขายรวมตลอดทั้งปี 10,737 ล้านบาท โดยจะมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องและเลนส์ 6,346 ล้านบาท กลุ่มพรินเตอร์เพิ่มเป็น 3,015 ล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสารเพิ่มเป็น 1,376 ล้านบาท
นอกจากนี้ แคนนอนได้ขยายพื้นที่สำนักงาน และศูนย์บริการแคนนอน สาขา สำนักงานใหญ่ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความสะดวกในการบริการลูกค้า และได้เพิ่มช่องทางขายไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัดให้มากขึ้น
“งบการตลาดในปีนี้ จะอยู่ที่ 700 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสำหรับตลาดคอนซูเมอร์ที่ 600 ล้านบาท ตลาดทางด้านบิสซิเนส 100 ล้านบาท”
นายวาตารุยังได้เล่าภาพโดยรวมถึงกลยุทธ์ของแต่ละกลุ่มธุรกิจว่า กลยุทธ์ทางการตลาดของกลุ่มบิสซิเนส อิเมิจจิ้ง โซลูชันนั้น จะมุ่งไปที่การนำเสนอให้เห็นถึงความแตกต่างของสินค้าและบริการด้วยกรีนโซลูชันของแคนนอนที่ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ Green Products, Green Services และ Green Office เพื่อสอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลกที่คนทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในส่วนของงานบริการที่ยังคงเดินตามกลยทุธ์ยูสเซอร์เซนทริกเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานเครื่องถ่ายเอกสารได้ง่ายขึ้น และสามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ
กลยุทธ์ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ ซิสเต็มส์ โปรดักส์ นั้นจะยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดพรินเตอร์แบบอิงก์เจ็ตให้ได้ 12 ปีติดต่อกัน ด้วยการเพิ่มอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์พรินเตอร์ Ink Efficient อีกไม่ต่ำกว่า 50% ทั้งพรินเตอร์ซิงเกิลฟังก์ชัน และมัลติฟังก์ชันตั้งเป้าไว้วาจะต้องมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% และจะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นธุรกิจให้มากขึ้น ด้วยการนำเสนอโซลูชันและแคมเปญพิเศษในกลุ่มธุรกิจและเอสเอ็มอี
ในส่วนของตลาดซัพพลายนั้นจะทำการเพิ่มเพิ่มจำนวนผู้ใช้หมึกพิมพ์ให้มีสัดส่วนกับการใช้พรินเตอร์เป็นอัตรา 1:1 ส่วนผลิตภัณฑ์โปรเจ็คเตอร์ เน้นขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มการแพทย์
กลุ่มผลิตภัณฑ์อิมเมจจิ้ง คอนซูเมอร์ โปรดักส์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มมีสัดส่วนรายได้มากที่สุดของแคนนอน โดยตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 37% โดยในตลาดกล้อง ดีเอสแอลอาร์จะรักษาความเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 60% โดยในปีที่ผ่านมา แคนนอนมีส่วนแบ่งตลาดในส่วนนี้ถึง 65.1% โดยมีกล้อง EOS 1100 D ที่ใช้เป้ อารักษ์ เป็นพรีเซนเตอร์ สร้างสีสันให้กับตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์
ขณะที่กล้องดิจิตอล คอมแพก แคนนอนต้องการก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำด้วยส่วนแบ่งการตลาด 24% ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างกำหนดกลยุทธ์การตลาดที่จะเจาะตลาดในส่วนกล้องราคาถูกเพิ่มขึ้น ตลาดใหญ่ของแคนนอนอยู่ที่กล้องราคาปานกลางขึ้นไป ส่วนผลิตภัณฑ์กล้องวีดีโอ แคนนอนตั้งเป้ารักษาตำแหน่งอันดับสองของตลาดด้วยส่วนแบ่ง 20%
ที่มา: manager.co.th