สามารถมัลติมีเดีย คาดปีนี้รายได้โต 15% พร้อมควักงบ 30 ล้านบาทพัฒนาคอนเทนต์ ล่าสุดผนึกดีแทค-บก.จร.เปิดแอปฯ Traffic Police by dtac บนสมาร์ทโฟนแบบเรียลไทม์ ขณะที่ดีแทคตั้งเป้าปีนี้รายได้นอนวอยซ์เพิ่มเป็น 25% นายสุภสิทธิ์ รักกสิกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามารถมัลติมีเดีย กล่าวว่า จากการเปิดใช้ 3G และบรอดแบรนด์ของผู้ประกอบการในตลาด เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความต้องการใช้งานคอนเทนต์บนสมาร์ทโฟนเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตรายได้ในกลุ่มมัลติมีเดียไว้ที่ 15% จากปีที่ผ่านมามีรายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทใช้งบในการพัฒนาคอนเทนต์จำนวน 30 ล้านบาทเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชั่นประมาณ 20 แอปฯ โดยแต่ละแอปฯจะใช้เงินพัฒนาไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท
ส่วนการพัฒนาคอนเทนต์เพื่อรองรับนโยบายแจกแท็บเล็ตเด็กป.1 นั้น ได้ตั้งบริษัทลูกชื่อ 'สามารถ X-tech' เพื่อพัฒนาคอนเทนต์เกี่ยวกับการเรียนรู้ (Edutainment) มาต่อยอดให้เด็กสามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้ในแท็บเล็ต โดยรูปแบบจะไม่เข้าร่วมประมูลคอนเทนต์ แต่จะเน้นการพัฒนาคอนเทนต์เป็นหลัก
ล่าสุดสามารถมัลติมีเดีย จับมือ ดีแทค และกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น)โดยบก.จร.เปิดตัวแอปฯ Traffic Police by dtac บนสมาร์ทโฟน ให้สามารถดูสภาพการจราจรได้แบบ Real-time โดยจะเป็นภาพย้อนหลังประมาณ 5 นาที เพื่อให้ประชาชนได้วางแผนก่อนการเดินทาง และหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดจากกล้อง CCTV ของบก.จร.และเนคเทค ประมาณ 60 ตัวทั่วกทม.
'ภายหลังเปิดให้ดาวน์โหลดในช่วงแรกมีคนเข้าไปดาวน์โหลดถึง 4.3 หมื่นรายและคาดภายในเดือนพ.ค.นี้จะมียอดถึง 1 แสนราย'
นอกจากนี้ยังสามารถดูคลิปวิดีโอจราจรตามเส้นทางต่างๆ แชร์ข้อมูลสภาพการจราจรหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งข้อความ หรือภาพผ่านสังคมออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ได้ทันที พร้อมทั้งสามารถค้นหาสถานที่น่าสนใจต่างๆเช่น ร้านอาหาร ปั้มน้ำมัน ตู้ ATM โดยแอปฯ ดังกล่าวรองรับทั้ง iOS และAndroid ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี
ด้านนายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ดีแทค กล่าวว่าภาพรวมของตลาดบริการเสริม (นอนวอยซ์)ในปีนี้ยังมีอัตราการขยายตัวในแง่ปริมาณการใช้งานมากกว่า 100% แต่ในด้านมูลค่าอาจจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากค่าบริการดาต้า หรืออินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มถูกลงต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยมาจากผู้ประกอบต่างหันมาเน้นทำราคาให้ดึงดูดใจลูกค้า และต้องการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะเปิดประมูลใบอนุญาต 2.1 GHz จากกสทช.ในช่วงปลายปี
ทั้งนี้ตลาดนอนวอยซ์ดีแทคแบ่งออกเป็นดาต้า และ 3G ราว 40% บริการ SMS และ MMS ราว 25% ส่วนบริการดาวน์โหลดข้อมูล หรือแอปฯ ต่างๆอีก 20% และบริการเสียงรอรับสาย 10% โดยในปีนี้ดีแทคตั้งเป้ารายได้จากบริการนอนวอยซ์เพิ่มเป็น 25% จากรายได้รวมของดีแทคทั้งหมด ซึ่งหากคิดเป็นอัตราการเติบโตก็น่าจะมากกว่า 40% ปัจจุบันดีแทคมีฐานลูกค้า 22 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้าที่ใช้ 3G แล้ว 1.2 ล้านราย ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 2.5 ล้านราย เนื่องจากดีไวซ์ใหม่ที่ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะไอแพด 3 ที่กำลังจะเปิดตัวในต้นเดือนมี.ค.นี้
'อย่างไรก็ตามการเติบโตที่เห็นอยู่นั้นเป็นการใช้งานบน HSPA ความถี่ 850 MHZ เท่านั้นหากมีการเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ความถี่ 2.1 GHz จากกสทช. เมื่อไหร่ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดนอนวอยซ์ครั้งใหญ่ ซึ่งดีแทคพร้อมให้บริการ ด้วยการขยายสถานีฐานให้เพียงพอซึ่งในเดือนมี.ค.นี้ คาดว่าจะมีสถานีฐาน3Gประมาณ 2,000 แห่ง ครอบคลุมกทม.และอีก 44 จังหวัด'
ส่วนความร่วมมือในการพัฒนาแอปฯ ครั้งนี้ ดีแทคไม่เก่งเรื่องการพัฒนาแอปฯ จึงเน้นเรื่องการตลาดโดยการเชิญชวนให้ลูกค้าดีแทคที่ใช้สมาร์ทโฟนในกลุ่มไอโฟน และแอนดรอยด์ เข้าไปดาวน์โหลดแอปฯดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้การใช้งานดาต้าของดีแทคเพิ่มขึ้น
Company Related Link :
Dtac
Samart
ที่มา: manager.co.th