Author Topic: ซิสโก้ คาดสิ้นปีโต 15% หวังร่วมลงทุนสร้างรายได้  (Read 860 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


นายธัชพล โปษยานนท์

ซิสโก้ เชื่อแนวโน้มการเช่าซื้อ เช่าใช้ ร่วมลงทุน มาแรงในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของสัดส่วนรายได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันเผยทิศทาง 4 ทิศทางหลักเน้นร่วมสมาร์ทไทยแลนด์ ทำโซลูชันเพื่อการศึกษา-องค์กรธุรกิจ และให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
       
       ดร.ธัชพล โปษยานนท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึง แนวโน้มหลักในการลงทุนของบริษัทไอทีในธุรกิจเครือข่ายปีนี้ว่า จะเป็นไปในรูปแบบการเช่าซื้อ เช่าใช้ หรือร่วมลงทุนมากกว่า และคาดว่าจะมีสัดส่วนสูงเป็น 50% ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากที่ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 3 ที่เหลือจากการซื้อขาด
       
       "การเช่าซื้อ เช่าใช้ และร่วมลงทุน จะช่วยทำให้ซิสโก้มีอัตราการเติบโตในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งเป็นเป้าที่วางไว้ว่าจะเติบโตมากกว่า 10% ของการเติบโตจีดีพีประเทศไทยที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 5% ซึ่งคาดว่าการเติบโตในปีนี้จะเป็นผลมาจากช่วงน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา ทำให้หลายองค์กรต้องลงทุนเพื่อทำระบบรองรับการทำงานในช่วงภัยพิบัติด้วย"
       
       ซิสโก้จะเน้นให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อรับส่วนแบ่งรายได้ โดยหลักๆจะเน้นไปที่โครงการสมาร์ทซิตี้ เนื่องจากที่ผ่านมาซิสโก้เคยประสบความสำเร็จในการสร้างสมาร์ทซิตี้ ไม่ว่าจะเป็นที่นิวยอร์ค สนามบินอินชอน ของเกาหลีใต้ และบังกาลอ ที่สามารถประยุกต์ใช้กับนครนายกโมเดลในอนาคตได้
       
       "ในจุดนี้ต้องมีการเลือกสรรผู้ร่วมลงทุนที่สามารถทำกำไรให้แก่บริษัท ทำให้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการลงทุนร่วมมือในปีนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใด"
       
       ทั้งนี้ปีงบประมาณของ ซิสโก้ จะเริ่มนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 ซึ่งถึงครึ่งปีงบประมาณไปเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2555 ที่ผ่านมา มียอดการเติบโตราว 11% และคาดว่าเมื่อถึงช่วงสิ้นเดือนกรกฏาคม หรือปิดปีงบประมาณของซิสโก้ จะทำรายได้ตามเป้าที่วางไว้ 15%
       
       ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของซิสโก้ ในปีนี้ยังเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจรักษาความปลอดภัย ธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ ธนาคาร ที่เมื่อมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 กลุ่มธุรกิจเหล่านี้จะต้องมีความพร้อมในการรับมือ และขยายไปยังภูมิภาคอย่างแน่นอน
       
       ดร.ธัชพล กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาจะเห็นการผสานรวมของเทคโนโลยีทางด้านเสียง ข้อมูล วิดีโอ และโมบิลิตี้เข้าด้วยกัน ขณะเดียวกันอินเทอร์เน็ตก็เข้าถึงการทำงานมากขึ้น รวมถึงอุปกรณ์พกพาที่หลากหลาย ทำให้ต่อบุคคลอาจมีอุปกรณ์มากกว่า 1 ชิ้น ส่งผลให้ต้องมีเครือข่ายที่รองรับการเชื่อมต่อที่
       
       "ส่งผลให้ 3 เทรนด์หลักที่สำคัญต่อกลุ่มตลาดเอนเตอร์ไพรซ์ คือความเป็นโมบิลิตี้ ทำให้ทั้งพนักงงาน ผู้บริหารสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ถัดมาคือระบบคลาวด์ เพื่อเข้ามาเชื่อมต่อการทำงาน สุดท้ายคือระบบเพื่อส่งเสริมในการทำงานร่วมกัน"
       
       ขณะที่ทิศทางในปีนี้ ซิสโก้ จะเน้นหลักๆไปที่ 1. การให้ความร่วมมือกับโครงการสมาร์ทไทยแลนด์ 2. การตอบโจทย์ในแง่ของโซลูชัน ทั้งในแง่การศึกษา สาธรณสุข การเงินการธนางาน อุตสาหกรรมการผลิต เพราะอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกๆอุตสาหกรรม 3. การสร้างแพลตฟอร์ม เพื่อรองรับธุรกิจ จากพื้นฐานสถาปัตยกรรมโครงสร้างที่ดี 4. การส่งเสริมให้เข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ง่าย เร็ว และประหยัด
       
       "ที่ผ่านมาจะเห็นการนำเทคโนโลยี Docsis 3 เข้ามาชูจุดขายในแง่เคเบิลอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 100 MB แต่จะเห็นได้ว่ายังมีให้บริการในพื้นที่จำกัด แต่เชื่อว่าปีนี้จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันราคาก็จะถูกลง และยังสามารถเป็นพื้นฐานให้แก่ระบบดิจิตอลทีวีในอนาคตก็เป็นได้"
       
       นายอดิศร์ หะริณสุต ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Smart Thailand กล่าวถึงการเข้าไปร่วมมือกับทางภาครัฐ ในโครงการสมาร์ทไทยแลนด์ ว่าทางซิสโก้ สามารถเข้าไปช่วยจัดระเบียบการเชื่อมต่อ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด จากเดิมที่โครงข่ายหลักๆของไทย จะเน้นไปที่ตามหัวเมืองแบบซ้ำซ้อน แต่ไม่มีการเข้าถึงไปยังพื้นที่ห่างไกล ซึ่งในจุดนี้ควรหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้งานร่วมกัน
       
       "สายไฟเบอร์ในประเทศไทยสามารถนำมาพันรอบประเทศได้ถึง 5 รอบ ขณะเดียวกันก็มีเสากระจายสัญญาณกว่า 40,000 ต้น ถ้าสามารถจัดระเบียบในจุดนี้จะสามารถช่วยให้เป้าหมายของกระทรวงไอซีที ในการสร้างบรอดแบนด์แห่งชาติให้ครอบคลุมประชากร 90% ตามที่วางแผนไว้"
       
       โดยในการประยุกต์การใช้งานเทคโนโลยี จำเป็นต้องมีการผสานทั้งในเรื่องของระบบไฟเบอร์ ต่อไปยังเคเบิลเพื่อให้บริการตามบ้านเรือน ในขณะเดียวกันในพื้นที่ที่มีประชากรไม่หนาแน่น ก็สามารถนำเทคโนโลยี 4G มาให้บริการแทนเพื่อลดต้นทุน ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนเพื่อจัดการทรัพยากรให้ดีที่สุด
       
       ***ระบบพิสูจน์ตัวตนมาแรง
       
       หนึ่งในเทรนด์หลักของระบบในการทำงานร่วมกัน คือการนำอุปกรณ์พกพาทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตส่วนตัว มาประยุกต์ใช้กันการทำงาน ซึ่งในส่วนของผู้ให้บริการระบบเครือข่ายก็จะมีความท้าทายในการป้องกันภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากรูปแบบการใช้งานดังกล่าว
       
       ซึ่งระบบพิสูจน์ตัวตน หรือ IES ของซิสโก้ จะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยกำหนดนโยบายการเข้าถึงข้อมูล ตามกลุ่ม และระดับความสำคัญของผู้ใช้ภายในองค์กร หรือ ตามรูปแบบการเชื่อมต่อที่แตกต่างกันไป เพื่อช่วยทั้งในแง่การป้องกันข้อมูลรั่วไหล และจัดลำดับความสำคัญของบุคคลในองค์กร
       
       Company Related Link :
       Cisco

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)