เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ ทำยอดส่ง"SMSอวยพร"ลดฮวบหลายชาติ

[Nick]

หรือ โลกกำลังถึงภาวะขาลงของยุคเอสเอ็มเอส?

      เหล่าผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือถือโอเปอเรเตอร์ในหลายประเทศบ่นอุบ ยอดการส่งข้อความสั้นทางโทรศัพท์หรือเอสเอ็มเอสช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผลจากนานาบริการรับส่งข้อความระหว่างผู้ใช้ทั้งที่เป็นเครือข่ายสังคมอย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) หรือทวิตเตอร์ (Twitter) และที่เป็นบริการรับส่งข้อความทันใจอย่างบีบีเอ็ม (BlackBerry Messenger) หรือไอแมสเสจ (iMessage) ซึ่งทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือหันไปส่งข้อความฟรีแทนการส่งข้อความเอสเอ็มเอสอย่างเคย
       
       Tero Kuittinen นักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัท M.G.I. Research เปิดเผยสถิติการส่งข้อความเอสเอ็มเอสของหลายประเทศไว้ที่เว็บไซต์ของสำนักข่าวฟอร์บส์ (www.forbes.com) โดยระบุว่าชาวฟินแลนด์ซึ่งเป็นลูกค้าของโอเปอเรเตอร์รายหลักคือ Sonera นั้นส่งข้อความราว 8.5 ล้านข้อความในช่วงคริสต์มาสอีฟ ปี 2011 ที่ผ่านมา ลดลงจาก 10.9 ล้านข้อความในช่วงคริสต์มาสอีฟปี 2010 ขณะที่โอเปอเรเตอร์เบอร์รองอย่าง DNA นั้นมียอดการส่งเอสเอ็มเอสราว 5.6 ล้านข้อความจาก 5.9 ล้านข้อความ
       
       นี่ถือเป็นสัญญาณชัดเจนที่แสดงว่ามนต์ขลังในการส่งข้อความเอสเอ็มเอสช่วงคริสต์มาสและปีใหม่นั้นกำลังเสื่อมลง ท่ามกลางผู้บริโภคที่หันเหไปส่งข้อความอวยพรทางเครือข่ายสังคม อีเมล และระบบสนทนาผ่านอินเทอร์เน็ตหรือ IP-based messaging system ผลคือตลาดที่เคยมีความนิยมเอสเอ็มเอสสูงมากอย่างฟิลิปปินส์และเนเธอร์แลนด์ ก็มีแนวโน้มต้องพบกับภาวะยอดการส่งเอสเอ็มเอสน้อยลงเช่นกัน
       
       เฉพาะในฮ่องกง ยอดการส่งข้อมูลเอสเอ็มเอสในวันคริสต์มาสลดลงถึง 14% ซึ่งเป็นสัดส่วนการลดลงที่สูงกว่าคาดการณ์ไว้ ขณะที่ออสเตรเลียนั้นมีสัดส่วนการส่งเอสเอ็มเอสลดลง 9% นับจากปี 2010 แม้ในสหรัฐฯ ตัวเลขการส่งเอสเอ็มเอสอวยพรจะยังเติบโตราว 10% เมื่อเทียบกับยอดส่งในไตรมาสแรกปี 2011 แต่ก็ยังลดลงกว่า 16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2010
       
       ที่สำคัญ แนวโน้มการส่งเอสเอ็มเอสที่ลดลงยังคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีนับจากนี้ ซึ่งโอเปอเรเตอร์จะต้องมียอดรายรับที่ลดลงอย่างไม่ต้องสงสัย ข้อมูลเบื้องต้นพบว่ารายได้กว่า 20% ของโอเปอเรเตอร์มักจะมาจากบริการรับส่งข้อความ ซึ่งเป็นตัวเลขเฉลี่ยหลังจากข้อความเอสเอ็มเอสได้รับความนิยมจากชาวโลกตั้งแต่ช่วงปี 1995 หรือเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
       
       Related Link :
       Forbes

ที่มา: manager.co.th