โซนี่ประกาศความตกลงล่าสุดที่จะยุติการลงทุนกิจการร่วมค้า S-LCD ที่จับมือกันมานานกว่า 7 ปี กับซัมซุง อิเล็คทรอนิคส์ และเทขายหุ้นที่มีเกือบ 50% หรือมูลค่ารวม 940 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้แก่บริษัทจากเกาหลีใต้แล้ว โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคาดว่าจะได้รับการบันทึกให้เป็นการขาดทุนครั้งที่แปดติดต่อกันสำหรับธุรกิจโทรทัศน์ในปี 2011 นี้ อันเนื่องมาจากความต้องการที่ซบเซา
โดยบริษัทชื่อดังจากญี่ปุ่นจะเปลี่ยนไปใช้การว่าจ้างบุคคลภายนอกในการผลิตชิ้นส่วนแอลอีดีจากซัมซุงและผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่ซึ่งมีราคาถูกกว่าแทนที่การลงทุนในการผลิตเอง ขณะที่ด้านซัมซุงก็เดินหน้าผลักดันหน้าจอเจเนอเรชั่นใหม่และ S-LCD จะกลายเป็นบริษัทลูกทั้งหมด สำหรับบริษัทโซนี่นั้น ถือว่าเป็นผู้ผลิตโทรทัศน์รายใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ตามหลังซัมซุง และแอลจี โดยโซนี่จะต้องทำการจ่ายค่าใช้จ่ายราว 846 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของไตรมาสที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ หลังจากข้อตกลงเสร็จสิ้น ซึ่งถึงแม้จะเป็นการสูญเสีย แต่บริษัทก็ยืนยันว่าการทำธุรกิจดังกล่าวจะมีผลในอนาคตข้างหน้า ประกอบกับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โซนี่ได้ทยอยปิดโรงงานผลิตทีวีในประเทศสเปน สโลวาเกีย และเม็กซิโก ส่วนโรงงานอีกสี่แห่งที่ตั้งอยู่ในญี่ปุ่น บราซิล จีน และมาเลเซียยังคงเดินสายการผลิตอยู่ ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายได้เปิดเผยว่า ตลาดแอลซีดีทีวีเมื่อปีที่แล้วทำรายได้ได้สูงถึง 100 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดการณ์ว่าหลังจากนี้ไปจะลดลง 3-4% จึงส่งผลให้โซนี่เดินเกมอย่างปลอดภัย ด้วยการประกาศในเดือนเมษายนว่า จะไม่เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกิจการแอลซีดีกับชาร์ปเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี ก่อนที่ในเดือนสิงหาคมจะออกมาประกาศว่าจะควบรวมกิจการหน้าจอขนาดเล็กตามที่รัฐบาลให้การสนับสนุน
Source : TechSpot
ที่มา: pantip.com
