จากอดีตเด็กสาวที่เคยมีความมุ่งหวังจะเป็นแม่ชี “อีเวียน ลูนาซอล ซาคอส โคลิเมเนเลส” สาวงามจากเวเนซุเอลา “ถิ่นนางงาม” กลายเป็นผู้คว้าตำแหน่ง “มิสเวิลด์” ประจำปี 2011 ไปครอง ในการประกวดที่อังกฤษ ซึ่งงานต้องเผชิญกับเสียงคัดค้านของกลุ่มสิทธิสตรี
ตัวแทนจาก “มหาอำนาจแห่งการประกวดนางงาม” เวเนซุเอลา อีเวียน ซาคอส สร้างความประทับใจให้กับเหล่าคณะกรรมการ จนสามารถเอาชนะสาวงามจากอีก 113 ประเทศ ได้สวมมงกุฎเป็น “มิสเวิลด์” คนล่าสุด ในการประกวดซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 6 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ส่วนสาวงามจากฟิลิปปินส์ และเปอร์โตริโก คว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 และ2 ไปครอง
มิสเวิลด์วัย 21 ปี ยิ่งได้รับความสนใจขึ้นไปอีก เมื่อมีข้อมูลว่าเธอต้องเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่อายุได้ 8 ขวบ และเคยใช้ชีวิตที่สำนักชีอยู่ถึง 5 ปี แต่เส้นทางชีวิตของสาวสวยคนนี้ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เมื่อเธอจบการศึกษาในสาขาทรัพยากรบุคคล จนได้เข้าทำงานที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง และได้ก้าวเข้าสู่แวดวงของการประกวดความงามในที่สุด อันเป็นเส้นทางที่ ซาคอส เชื่อว่าน่าจะเปิดโอกาสให้เธอได้ทำประโยชน์กับผู้อื่นคนอื่นได้ง่ายขึ้น
สาวงามจากเวเนซุเอลากล่าวหลังได้รับตำแหน่งว่า “ชัยชนะครั้งนี้คือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉันค่ะ และหวังว่าฉันจะสามารถใช้ตำแหน่งที่ได้รับมา เพื่อทำอะไรให้เป็นประโยชน์ได้บ้าง สิ่งแรกและเป็นสิ่งที่ฉันมุ่งหวังที่สุดคือการช่วยเหลือเหล่าใครก็ตาม ที่ต้องการความช่วยเหลือ ตัวของฉันเองก็เป็นเด็กกำพร้า จึงอยากจะช่วยเหลือทั้งผู้สูงอายุ และวัยรุ่นที่มีปัญหา ทุกคนเท่าที่ฉันพอจะช่วยเหลือได้”
“เป็นเรื่องเศร้าที่ฉันต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อย จนทำให้ตัวเองได้ไปใช้เวลาอยู่ที่สำนักชีอยู่ 5 ปี เลยเคยมีความฝันว่าวันหนึ่งอยากจะเป็นแม่ชี” สาวสวยวัย 21 ปี ที่ถือว่าเป็นสาวเวเนซุเอลาคนที่ 6 ที่ได้ครองมงกุฎมิสเวิลด์กล่าว
มิสเวิลด์ ประจำปีนี้ถือเป็นอีกวาระที่การประกวดได้กลับมาจัดขึ้นที่ ลอนดอน ประเทศแม่ของการประกวดเวทีนี้อีกครั้ง หลังจาก เอริค มอร์ลย์ ได้ริเริ่มการประกวดขึ้นมาตั้งแต่ปี ใน 1951 ซึ่งนอกจากเสียงต้อนรับการกลับมาลอนดอนของ มิสเวิลด์ แล้ว ยังมีอีกส่วนที่แสดงความไม่เห็นด้วย
“มิสเวิลด์” คือเวทีประกวดความงามที่ยิ่งใหญ่ อีกเวทีของวงการ และมีคนติดตามรอชมการถ่ายทอดสดอยู่อยู่โลก … ควบคู่ไปกับกระแสการดูถูกเหยียดยามการประกวดความงามทำนองนี้ ที่มีอยู่ตลอด เช่นเดียวกับปีนี้ ที่ตัวแทนของกลุ่มสิทธิสตรีแห่งสหราชอาณาจักร ได้ออกมาแสดงจุดยืนดังกล่าวเช่นเดียวกัน
กลุ่มเครือข่ายสิทธิสตรีของลอนดอน ได้ออกแถลงการณ์และจัดการเคลื่อนไหวประท้วงขึ้น บริเวณด้านนอกของ เอิร์ล คอร์ต เอ็กซิบิชั่น เซนเตอร์ ที่ถนนวอร์วิค ของลอนดอน ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ในเวลาเดียวกับที่การประกวดกำลังดำเนินไป
โดยส่วนหนึ่งของแถลงการณ์มีใจความว่า “องค์กรผู้จัดงาน และบริษัทห้างร้านที่เกี่ยวข้องกับงานครั้งนี้ สมควรทราบไว้ว่าเราทั้งหมดมีความไม่พอใจอย่างรุนแรง ต่องานลักษณะนี้ที่กลับมาจัดขึ้นในลอนดอนอีกครั้ง”
ผู้จัดการประท้วงยังเรียกร้องชาวลอนดอนที่มีความเห็นแบบเดียวกัน ให้ออกมาแสดงพลังด้วยว่า “แสดงออกถึงความเห็นของคุณ เพื่อต่อต้านการดูถูกเหยียดหยามต่อความเท่าเทียมของสตรี ให้เขาได้รับรู้ถึงเสียงที่ดังและชัดเจนนี้ ว่างานแบบนี้ไม่สมควรจัดขึ้นที่ลอนดอนในปี 2011”
แน่นอนว่าผู้เกี่ยวข้องกับการจัดประกวดมิสเวิลด์อย่าง “แอนจี้ เบียสลีย์” ผู้อำนวยการกองประกวดมิสอิงแลนด์ จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับกระแสประท้วงเช่นนี้นัก พร้อมอธิบายว่าการประกวดความงาม “เปลี่ยนแปลงแปลงไปตามเวลา ซึ่งเดี๋ยวนี้มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับแค่ว่าใครจะดูดีในชุดว่ายน้ำเท่านั้นอีกต่อไปแล้ว”
เธออธิบายว่า “มีการแข่งขันทั้งในรอบความสามารถพิเศษ, กีฬา และรอบ Beauty With A Purpose ที่เป็นรอบของการเรี่ยไรเงินเพื่อการกุศล … ใช่พวกเธอต้องสวยถึงจะมีสิทธิ์ชนะได้ แต่การประกวดมันมีอะไรมากกว่าเป็นเพียงแค่การประกวดความงาม คนพวกนี้น่าจะลองให้โอกาสการประกวดดูบ้าง ไม่ใช่คิดอยู่แต่ว่าเป็นเพียงการเดินพาเหรดในชุดบิกินีเท่านั้น”
“เราทุกคนอาศัยอยู่ในสังคมที่มีอิสรเสรีภาพ ซึ่งผู้หญิงมีสิทธ์เลือก ผู้ประกวดมิสเวิลด์มีศักยภาพพอที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง ว่าเธออยากจะเข้าประกวดหรือไม่ ผู้ประท้วงไม่ควรจะมาพูดอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ แบบนี้ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องดู”
ซึ่งข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งที่ว่าการประกวดไม่ได้เกี่ยวกับเฉพาะเรื่องรูปร่างหน้าตาอีกต่อไป แต่เกี่ยวข้องกับความรู้ความสามารถด้วย ก็คือข้อมูลที่ว่าผู้เข้าประกวดในปีนี้ กว่าครึ่งกำลังศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย, 1 ใน 4 จบการศึกษาแล้ว และกว่าครึ่งเช่นเดียวกัน ที่สามารถพูดได้อย่างน้อย 3 ภาษา
ที่มา: manager.co.th