Aspire S3 โน้ตบุ๊กบางเฉียบที่เอเซอร์ยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมไทย
ถือเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรายแรกที่ยืดอกรับว่ากำลังมีแผนขึ้นราคาเพราะพิษน้ำท่วมไทย ล่าสุดเอเซอร์ขีดเส้นเล็งขึ้นราคาช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดยระดับราคาที่เพิ่มขึ้นจะอยู่ในหลักร้อยดอลลาร์ไต้หวันซึ่งเท่ากับหลักร้อยบาทไทย พร้อมกับปรับลดตัวเลขประมาณการยอดขายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กพกพาช่วงไตรมาส 4 ลง 5-10% จากเดิมที่เชื่อว่าจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นมากสุด 5%
เจ.ที. หวัง (J.T. Wang) ประธานเอเซอร์ให้สัมภาษณ์กับสื่อไต้หวันเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าบริษัทมีแผนจะขึ้นราคาคอมพิวเตอร์วางตักหรือแล็ปท็อบในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ตามภาวะหน่วยความจำฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) ขาดตลาดเพราะวิกฤติน้ำท่วมโรงงานใหญ่ในไทยจนทำให้ราคา HDD สูงขึ้นราว 5-20% โดยราคาใหม่จะเปลี่ยนแปลงในระดับร้อยดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ว่าจะปรับราคาขึ้นหรือลงมากน้อยเพียงใด
เอเซอร์ถือเป็นผู้ผลิตรายแรกที่ออกมาเปิดเผยกำหนดการขึ้นราคาสินค้า หลังจากบริษัทวิจัยตลาดเชื่อกันว่า วิกฤติน้ำท่วมไทยจะส่งผลกระทบกับ HDD มากกว่า 1 ใน 3 ของตัวเลขการผลิตเฉลี่ย 120 ล้านชิ้นที่ผลิตได้จากประเทศไทย ซึ่งจะกระทบต่อโครงสร้างราคาคอมพิวเตอร์พีซีทั้งระบบ โดยซีอีโอเอเซอร์ระบุว่า HDD ความหนา 7 มิลลิเมตรซึ่งใช้ในแล็ปท็อบบางเฉียบตระกูล Ultrabook รุ่น Acer Aspire S3 นั้นไม่ได้ผลิตในไทย เท่ากับสายการผลิต Aspire S3 และ Ultrabook รุ่นอื่นจะไม่ได้รับผลกระทบใดจากภาวะ HDD ขาดตลาด
***โน้ตบุ๊กบางเฉียบรับอานิสงส์
เบื้องต้น เอเซอร์คาดว่ายอดจัดส่งโน้ตบุ๊ก Ultrabook ในไตรมาส 4 จะแตะระดับ 250,000-300,000 เครื่องได้อย่างง่ายดาย โดยเชื่อว่าวิกฤติน้ำท่วมจะเป็นแรงผลักดันให้กลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อบบางเฉียบราคาไม่ธรรมดาตระกูล Ultrabook เติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะกินสัดส่วนราว 25-35% ของยอดจัดส่งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กรวมของเอเซอร์ในปี 2012
นอกจากนี้ อานิสงส์จากภาวะ HDD ขาดแคลนเพราะน้ำท่วมไทยยังอาจเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กกลุ่มบางเฉียบที่ใช้หน่วยความจำ SSD หรือ solid-state drive ซึ่งใช้ชิปอิเล็กทรอนิกส์เป็นแหล่งเก็บข้อมูลแทนแผ่นแม่เหล็กใน HDD ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา SSD นั้นแม้จะมีความทนทาน น้ำหนักเบา และความเร็วในการเขียนอ่านข้อมูลเหนือกว่า HDD แต่ราคาที่สูงกว่ามากทำให้ SSD ไม่สามารถตีตลาดแมสได้อย่าง HDD
เรื่องนี้ จุน ดอง-ซู (Jun Dong-soo) ประธานธุรกิจหน่วยความจำของซัมซุงเชื่อว่าภาวะ HDD ขาดแคลนเพราะภัยน้ำท่วมไทยจะทำให้ปริมาณการใช้งาน SSD ทั่วโลกเติบโตขึ้นเป็นเลข 2 หลักหรือ double-digit จากปัจจุบันที่มีอัตราการเติบโตราว 3-4% เท่านั้น
***คาดโน้ตบุ๊กปลายปีซบเซา
จากเดิมที่เคยเชื่อว่าตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นอย่างมาก 5% ในไตรมาสนี้ เอเซอร์เชื่อว่ายอดจำหน่ายโน้ตบุ๊กจะลดลง 5-10% อย่างไรก็ตาม กำหนดการขึ้นราคาที่เอเซอร์วางไว้กลางเดือนพฤศจิกายนนั้นถือว่าเร็วกว่ากรอบที่บริษัทรับจ้างผลิตโน้ตบุ๊กหรือโออีเอ็ม (OEM) ในไต้หวันประเมินไว้ โดยคาดว่า HDD จะขาดแคลนราว 25% ในช่วงกลางเดือนธันวาคมปีนี้ถึงกุมภาพันธ์ ปีหน้า
สำหรับเดือนกรกฎาคม-กันยายนที่ผ่านมา เอเซอร์ระบุว่าสามารถทำยอดขายทั่วโลก 1.17 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 1.17 แสนล้านบาท) ประสบภาวะขาดทุนสุทธิ 1.092 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน คิดเป็นอัตราการขาดทุน 0.43 ดอลลาร์ไต้หวันต่อหุ้น
เอเซอร์ระบุว่า 40% ของรายรับรวมในไตรมาสที่ผ่านมานั้นมาจากภูมิภาคยุโรป อัฟริกา และตะวันออกกลาง ขณะที่ 24% มาจากอเมริกาเหนือและใต้ โดย 14% มาจากประเทศจีน 3% มาจากไต้หวัน และ 19% มาจากเอเชียแปซิฟิก
ในมุมของสายผลิตภัณฑ์ คอมพิวเตอร์วางตักนั้นทำรายได้ให้เอเซอร์มากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 64% ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป 17%, หน้าจอมอนิเตอร์ 9% และอื่นๆอีก 10%
Company Related Link :
Acer
ที่มา: manager.co.th