“เปอร์” เผยถูกถอดพ้นพิธีกรรายการ “THE IDOL คนบันดาลใจ” หลังทำมา 2 ปี ปัดมีปัญหากัน ยันผู้ผลิตแค่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการใหม่ รับหลงใหลในอาชีพพิธีกร แย้มมีหนังติดต่อมาบ้างแต่คิวไม่ลงตัว
แฟนๆ ที่ติดตามรายการ “THE IDOL คนบันดาลใจ” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวีคงจะรู้สึกแปลกใจที่พิธีกรหนุ่มไฟแรง “เปอร์ สุวิกรม อัมระนันทน์” หายหน้าหายตาไปจากหน้าจอทีวีทั้งที่ทำมายาวนาน 2 ปี โดยมีพิธีกรหนุ่มรุ่นพี่ “ท็อป ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี” มารับหน้าที่แทนได้พักใหญ่แล้ว เมื่อมีโอกาสเจอหนุ่มเปอร์จึงสอบถามถึงสาเหตุที่มาที่ไปดังกล่าว เจ้าตัวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า เป็นเรื่องของวัฏจักรในการทำงานที่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการใหม่บ้าง
"ตอนนี้ก็จัดรายการวิทยุที่แฟตเรดิโออย่างเดียวครับ ส่วนพิธีกรก็เดี๋ยวรอติดตามกันครับ ยังมีให้ชมอย่างแน่นอนในอนาคต เรื่องหลุดพิธีกรดิไอดอลมันเป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยน ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ ผมเองก็ทำงานมา 2 ปีแล้ว ก็ถือว่าเป็นระยะเวลาที่นาน เป็นเรื่องของทางรายการเพื่อเพิ่มสีสัน มีพิธีกรใหม่ๆ มาทำหน้าที่แทนซึ่งก็ทำได้ดีครับ"
"ถามว่าจะมีโอกาสกลับไปทำมั้ย ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำแล้ว เรื่องของอนาคตนี่ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ พี่ท็อปก็เป็นพิธีกรต่อในซีซั่นนี้ ซึ่งผมเองได้มอบหน้าที่ให้เขาไปแล้ว มันก็เป็นธรรมดาในเรื่องของการปรับเปลี่ยน ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร แล้วผมก็เชื่อว่าไม่มีทางที่จะมีปัญหากันแต่อย่างใดด้วย”
“ก็ไม่น้อยใจหรอกครับ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของการอิ่มตัว ผมก็ทำงานมาระยะเวลานานแล้วด้วย ก็ถือว่าได้พัก แล้วที่สำคัญคือผมได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากผู้ที่มาสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนเป็นร้อยๆ คนแล้ว ถือว่าก็ถึงเวลาแล้ว ผมเองก็ต้องไปหาอะไรใหม่ๆ ทำ ก็ต้องรอติดตามชมกันครับ"
“ด้วยความที่มันทำมาระยะเวลานานแล้วไง เราก็รู้สึกเคยชินกับมัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกใจหายหรืออะไรมาก เพราะมันยังมีอย่างอื่นให้ทำอยู่ ที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ได้บอกอะไรชัดเจนขนาดนั้น ผมเองออกมาแล้วก็มีโอกาสได้ติดตามบ้างเล็กน้อย ก็เห็นครับว่ามีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการบ้างนิดหน่อย ส่วนแนวทางในอนาคตจะปรับเปลี่ยนเป็นอะไรยังไงอีกนั้นต้องไปถามทางผู้ผลิต ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน"
รับหลงใหลในอาชีพพิธีกร แต่ก็รับเต็มปากเต็มคำไม่ได้ว่าจะยึดเป็นอาชีพหลักของตนเอง
"จะบอกว่าพิธีกรเป็นอาชีพหลักพูดแบบนั้นก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เรียกว่าเป็นสิ่งที่ชื่นชอบและอยากทำมากที่สุดดีกว่าครับ ผมไม่ได้ยึดมันเป็นอาชีพ ผมทำเพราะว่าผมมีความสุขกับมันมากกว่า แต่คนอื่นเขาก็อาจจะเรียกมันเป็นอาชีพหลักมั้งครับ แต่ผมทำเพราะผมมีความสุขที่ได้ทำอาชีพนี้ ส่วนงานอื่นๆ ก็ต้องติดตามกันครับ อย่างหลายคนถามถึงเรื่องงานหนัง ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีโอกาสตอนไหน แต่รับรองครับถ้ามีโอกาสที่ดี มีจังหวะที่ดีก็คงได้ชมอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาก็มีติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ ครับ แต่ติดด้วยเรื่องของเวลา จังหวะและโอกาสมันยังไม่ตรงกัน"
ที่มา: manager.co.th