พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย)
ไมโครซอฟท์ไทย ปรับวิสัยทัศน์ตามบริษัทแม่ มุ่งหน้าสู่ เซอร์วิส คัมพานี หวังลบภาพบริษัทขายซอฟต์แวร์ให้ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมเปิดวิสัยทัศน์ในไทย สร้างฟุตพรินต์เทคโนโลยีเข้าถึงคนไทย 70 ล้านคน
นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าในปีงบประมาณที่ผ่านมาของไมโครซอฟท์ประเทศไทยถือว่า เติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยตัวเลข 2 หลักโดยยังคงเป็นผู้นำด้านคลาวด์ คอมพิวติ้ง เห็นได้จากมีผู้ใช้วินโดวส์ ไลฟ์ในไทยถึง 11.8 ล้านคน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในอาเซียน ขณะที่วินโดวส์ โฟน มีผู้ใช้ราว 235,000 เครื่อง และผู้ใช้ไมโครซอฟท์ เอ็กซ์พลอเลอร์อยู่ 13.5 ล้านคน มีจำนวนผู้ใช้พีซีที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ถึง 19.1 ล้านคน และในจำนวนนั้น มีผู้ใช้งานโปรแกรมออฟฟิศอยู่ 2.79 ล้านไลเซนส์ ในขณะที่คนไทยมีการใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดวส์อยู่ทั้งหมด 16.7 ล้านคน
'กิจกรรมที่ไมโครซอฟท์ทำให้กับสังคมไทยในแต่ละปี ในหลากหลายโปรแกรมนั้น เท่ากับว่าคนไทยได้มีโอกาสสัมผัสหรือใช้งานผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ในเวลานี้ถึง 63.8 ล้านคน ซึ่งถือว่าไมโครซอฟท์มีพื้นฐานในไทยที่กว้างมาก'
สำหรับทิศทางของไมโครซอฟท์ในไทยอีก 3 ปีข้างหน้า จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของไมโครซอฟท์ โดยซีอีโอ 'สตีฟ บัลเมอร์' ต้องการให้ไมโครซอฟท์ก้าวสู่เซอร์วิสคัมพานี โดยเปลี่ยนภาพลักษณ์ จากเดิมที่หลายคนมองว่า ไมโครซอฟท์เป็นซอฟท์แวร์คัมพานี นั่นจึงเป็นที่มาของวิสัยทัศน์ We Make 70 Million Lives Better ที่ไมโครซอฟท์จะสัมผัสกับคนไทยถึง 70 ล้านคนภายใน 3 ปีข้างหน้า สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจของไมโครซอฟท์ที่ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อมอบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ
ในปีงบประมาณ 2012 ไมโครซอฟท์จะมุ่งเข้าสู่ตลาดคอมซูเมอร์มากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ไมโครซอฟท์เริ่มทำแล้วในบางเรื่อง เช่น เรื่องสถานที่ (Location) เป็นกระแสนิยมที่ผู้คนสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ประกอบกับการใช้งานสมาร์ทโฟนที่แสดงสถานที่ใช้งาน ทำให้ธุรกิจต่างๆ สามารถให้บริการแก่ผู้ใช้งานในแต่ละพื้นที่ตรงกับความต้องการ
ในต้นปีหน้า ไมโครซอฟท์ จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน เวอร์ชัน 7.5 หรือที่รู้จักในชื่อ 'แมงโก้' และจะเห็นมาร์เกตเพรสที่พัฒนาเป็นภาษาไทยช่วงสิ้นปีหน้า
'ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยยังเพิ่งเริ่มต้นเวลานี้มีผู้ใช้อยู่ประมาณ 2.5 ล้านเครื่องเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่ช้าที่ไมโครซอฟท์จะเข้ามาทำตลาดในไทยปีหน้า'
นอกจากนี้ โซเชียล คอมพิวติ้ง ที่เป็นการประมวลผลแบบสังคมช่วยให้คนติดต่อสื่อสาร มีการทำกิจกรรมแบบเวิร์กแอนด์เพลย์ร่วมกันในรูปแบบอวตารได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงการให้บริการคลาวด์ คอมพิวตี้งในแบบแมส ซึ่งจะเห็นการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ของฮอตเมลที่จะพร้อมใช้งานในวันที่ 3 ต.ค.54 ในเรื่องของสแปมเมลที่จะลดลงไปได้ถึง 33% รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่สตอเรจในการเก็บข้อมูลที่จะไม่จำกัด และในต้นปีหน้า จะมีการเปิดตัวบริการ ออฟฟิศ 386 ซึ่งถือเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ของไมโครซอฟท์ที่อยู่ในรูปแบบคิดตามการใช้งานสำหรับตลาดคอนซูเมอร์ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่ไมโครซอฟท์ทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์อย่างกลุ่มทรู
ตามมาด้วยการเปิดแคมเปญใหญ่ของไมโครซอฟท์ช่วงเดือนม.ค.ปีหน้า เพื่อส่งเสริมให้คนไทยใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ ไม่ว่าจะเป็นวินโดวส์ ออฟฟิศ วินโดวส์โฟน วินโดวส์ ไลฟ์ พร้อมกันนี้ยังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่าง บิง และ คินเน็ค เอ็กซ์บ็อกซ์ แต่ความชัดเจนของเครื่องเล่นเกมอย่างเอ็กซ์บ็อก 360 ในไทยนั้น คาดว่าจะเห็นในเฟสถัดไป หลังวันนี้ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวไปแล้ว 30 ประเทศ
'รายได้ของไมโครซอฟท์ระหว่างกลุ่มตลาดเอนเตอร์ไพรส์ กับคอนซูเมอร์ในไทย ภายใน 2-3 ปีข้างหน้านั้น จะมีสัดส่วนมาจากกลุ่มเอนเตอร์ไพรส์ 2 ใน 3 ที่เหลือจะเป็นกลุ่มคอนซูเมอร์'
Company Related Link :
Microsoft
ที่มา: manager.co.th