โรงภาพยนตร์ในอเมริกาเหนือกำลังประสบกับภาวะจำนวนผู้เข้าชมภาพยนตร์ลดต่ำลงติดต่อกันเป็นครั้งสี่ในช่วงฤดูร้อน จนอาจส่งผลให้เกิดความเป็นกังวลกับวงการฮอลลีวู้ด และอุตสาหกรรมการซื้อขายภาพยนตร์ นอกจากนี้ ถ้าคำนวณตัวเลขตั้งแต่สัปดาห์แรกในเดือนพฤษภาคมจนถึงวันแรงงานที่ผ่านมา ในปีนี้ต้องถือว่ามีจำนวนผู้เข้าชมภาพยนตร์น้อยที่สุด นับตั้งแต่ฤดูร้อนในปี 1997 ตามรายงานจากนิวยอร์กไทม์
แต่อย่างไรก็ดี ในเรื่องร้ายก็ยังมีข่าวดีสำหรับสตูดิโอฮออลีวู้ด นั่นก็คือ รายได้ของอันดับหนังทำเงินที่คว้ารายรับรวมไปได้ถึง 4.38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามรายงานจากเว็บไซต์ Hollywood.com โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นถึงแม้จะมีสัดส่วนน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว แต่ก็ต้องขอขอบคุณราคาตั๋วที่สูงขึ้นจากภาพยนตร์สามมิติ โดยเทียบเวลาจากช่วงเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา ในอเมริกาเหนือมีโรงภาพยนตร์สามมิติเพียงเจ็ดแห่ง แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาถึง 18 แห่ง และถึงแม้ว่าจะมีอัตราผู้ชมลดลง แต่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในนอเมริกาเหนือก็ยังคงคักคักอยู่ โดยภาพยนตร์พ่อมดน้อย Harry Potter ภาคล่าสุด ก็สามารถไต่ขึ้นอันดับแรกด้วยรายได้ 375 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนจะตามมาที่อันดับสองด้วย Transformers: Dark of the Moon กับรายได้รวม 350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ Hangover Part II ที่รั้งอันดับสามด้วยรายรับ 254 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุด้วยว่า เศรษฐกิจอาจจะเป็นหนึ่งในตัวแปรที่ทำให้ผู้ชมมีจำนวนลดลง แต่อย่างไรก็ดี ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมผู้ชมบางคนถึงยินดีที่จะจ่ายค่าชมภาพยนตร์ในรูปแบบสามมิติ ที่ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เราโต้เถียงกันมาตั้งแต่วัยเยาว์
Source : TechSpot
ที่มา: pantip.com