นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศจีนสามารถโค่นแชมป์เก่าอย่างสหรัฐฯ ลงได้อย่างชะงัก สำหรับยอดรวมของตลาดการจัดส่งพีซีทั้งหมดในช่วงระหว่างไตรมาสที่สองของปีนี้ ตามการสรุปผลรายงานจาก IDC Worldwide Quarterly PC Tracker โดยตัวเลขจากรายงานได้แสดงว่า มีพีซีจำนวนถึง 18.5 ล้านเครื่องถูกขายในตลาดเมืองจีนในช่วงไตรมาสล่าสุด เฉือนเอาชนะตลาดของเมืองลุงแซมที่มีเพียง 17.7 ล้านเครื่อง เมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันไปอย่างสบายๆ
ซึ่งนั่นส่งผลให้จีนครองตัวเลขการขายพีซีทั่วโลกอยู่ที่ 22% ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสถึง 14% ขณะที่ตรงกันข้ามกับสหรัฐฯ ที่รายงานระบุว่ามียอดจำหน่ายพีซีลดต่ำลงถึง 4.2% เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ นอกจากนี้ในรายงานวิจัยยังระบุเพิ่มเติมอีกด้วยว่า พวกเขาไม่คาดคิดว่าจีนจะสามารถทำคะแนนยอดขายประจำไตรมาสแซงหน้าสหรัฐฯ ได้ในปีนี้ เนื่องจากเทศกาลต้อนรับการเปิดเทอมที่จะต้องมีการจับจ่ายซื้อสินค้า รวมถึงเทศกาลวันหยุดของสหรัฐอเมริกา จะเป็นตัวเร่งให้ยอดขายสะพัดขึ้นเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดี พวกเขาก็ได้คาดการณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดได้ แต่อย่างเร็วที่สุดก็คือปี 2012 นอกจากนี้ไอดีซียังทำนายอีกด้วยว่า ภายในปีหน้า จีนจะมียอดขายพีซีมากถึง 85.2 ล้านเครื่อง ขณะที่สหรัฐอเมริกาจะมีเพียงแค่ 76.6 ล้านเครื่องเท่านั้น "การเป็นผู้นำของจีนในตลาดพีซี ถือเปนการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งของตลาดเกิดใหม่ เช่นเดียวกับภาวะซบเซาในแต่ละภูมิภาค" Loren Loverde รองประธานการวิจัย Worldwide PC Tracker ลงความเห็น "ขณะที่สภาวะเศรษฐกิจเวลานี้ในสหรัฐฯ และตลาดอื่นๆ ก็จะมีผลกระทบเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ประเทศจีนสามารถไต่อันดับเป็นผู้นำได้ ซึ่งถึงแม้แนวโน้มจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องถือว่ามันเป็นตัวเร่งที่สำคัญเลยทีเดียว" อย่างไรก็ดี กระแสดังกล่าวก็ยังคงสดใสอยู่เป็นเวลานาน แต่ในเวลาใกล้เคียงกันนี้ เอชพีก็ได้ประกาศที่จะหันหลังให้กับตลาดพีซี ซึ่งนั่นทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์การเข้าซื้อกิจการไอบีเอ็มจากเลอเนโบเมื่อปี 2005 ซึ่งการลงทุนในครั้งนั้นได้ส่งผลให้บริษัทจากเมืองจีนทำยอดขายแซงหน้า เอเซอร์ และกลายเป็นผู้เล่นอันดับสามในตลาดพีซีของโลก ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 12% เลยทีเดียว
Source : TechSpot
ที่มา: pantip.com
