Author Topic: “แอนนี่” โต้ เปล่าก๊อบปี้ครีมขาย ตอก ดาราขายกันเยอะแยะแล้วจะไปก๊อบของใครได้  (Read 1042 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“แอนนี่” โต้ หัวหมอก๊อปปี้ครีมชาวบ้านขาย ตอก ดาราขายกันเยอะแยะแล้วจะไปก๊อบของใครได้ เผย ตอนนี้อาชีพหลักเป็นแม่ค้า ส่วนดาราคืองานรอง สุดปลื้ม “น้องฑีฆายุ” พูดได้แล้ว ออกปากฝากฝังลูกชายเข้าวงการ เจ้าตัวลั่น ไม่กังวลเรื่องคดี ถึงจะแพ้หรือชนะก็จะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีให้ได้
       
       หลังมีคนออกมาโวยว่า “แอนนี่ บรู๊ค” ได้แอบอ้างว่าตัวเองเป็นเจ้าของครีมยี่ห้อหนึ่ง จนเจ้าของครีมออกมาจวกแอนนี่ว่าไปลอกเลียนแบบครีมเขามาหน้าตาเฉย กลายเป็นประเด็นฉาวกวนใจอีกรอบ ล่าสุดได้เจอตัว “แอนนี่” ในกองถ่ายภาพยนตร์ แวมไพร์ สตรอเบอร์รี่ เจ้าตัวก็ออกตัวว่าไม่อยากพาดพิงบุคคลที่สาม แต่ยืนยันไม่ได้ก๊อบปี้ใครเพราะดาราก็ทำกันเยอะแยะ
       
       “ตอนนี้อาชีพหลักเป็นแม่ค้า อาชีพที่รองลงมาก็เป็นนักแสดงแล้วค่ะ และเรื่องนี้เราไม่ขอพูดถึงบุคคลที่สามดีกว่า เพราะว่าแอนก็ไม่ใช่ดาราดัง มีได้แค่นี้ก็ดีแล้ว ส่วนตอนนี้ก็ค่อนข้างลำบากค่ะ แต่ก็ยังสู้ได้ ไหวอยู่เพราะเรามีกำลังใจดีจากน้องฑี”
       
       “เรื่องขายเครื่องสำอาง ดาราก็ทำกันเต็มเลย แล้วเราจะไปก๊อบใครดีเนี่ย เพราะว่าดาราทำกันเต็มไปหมดเลยนะ แล้วอีกอย่างเดี๋ยวนี้คนธรรมดาก็หันมาสนใจเรื่องเครื่องสำอางมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใครไม่ว่าเด็กๆ หรือนักข่าว เดี๋ยวนี้ก็สวยกันทั้งนั้นเลยนะ เพราะฉะนั้นก็ยิ่งไม่ได้เลย เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมเนี่ย เขาก็ทำเหมือนกันหมด ไม่มีใครลอกเลียนแบบใครหรอกค่ะ”
       
       “แล้วที่มาขายครีมตัวนี้ได้ก็เพราะว่า หลังคลอดน้องแล้วเป็นป้าไง แล้วเราก็มีเพื่อนเป็นหมด เขาก็เอาครีมตัวนี้มาให้ใช้ แล้วเราใช้ก็หาย เราก็ลองเอาไปให้เพื่อนใช้ เพื่อนก็หายอีก เราก็เอามาขายเลย ส่วนยอดขายเราก็ได้มาเรื่อยๆ ค่ะ ไม่เยอะมากเท่าไหร่ค่ะ”
       
       “ความจริงแอนนี่ก็เป็นคนเลี้ยงครอบครับอยู่แล้ว และตอนนี้ก็มีน้องเพิ่มขึ้นมา มันก็เยอะขึ้นและถ้ามันเยอะขึ้น เราก็ต้องสปีดตัวเองให้เป็นสองเท่า และอีกอย่าง งานในวงการบันเทิงเราไม่มีแล้วด้วย ตอนนี้เราทำอะไรได้ก็ต้องทำอย่างเช่น การขายเครื่องสำอางที่มีอยู่ ตอนนี้ก็ดีเลยเพราะว่ามันก็เหมาะกับอาชีพวงการดาราด้วยนะ และเราทำเราก็แฮปปี้มีความสุขมาก”
       
       ส่วนคดีที่ถูกนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ฟ้องหมิ่นประมาท ที่ต้องขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 31 สิงหาคม นี้ สาว “แอนนี่” ย้ำ ถึงจะแพ้หรือชนะก็ไม่สนใจ บอก อยากเลี้ยงลูกชาย “น้องฑีฆายุ” ให้เป็นคนดีก็พอแล้ว
       
       “วันขึ้นศาลยังไงก็ต้องไปค่ะ ต้องไป เพราะว่าโดยกฎหมายแล้วเราก็ต้องไปค่ะ แต่ว่าก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร อีกอย่างเป็นคดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่คดีฆ่าคนตาย เราก็ไปตามนัดปกติ แต่ก็เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า แพ้ก็ได้ชนะก็ได้ แต่ถ้าเราแพ้ เราก็อยู่อย่างคนแพ้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะเราก็ต้องอยู่ให้ได้ ก็ไม่อยากคิดมาก แค่ตอนนี้สู้รบกับน้องฆีทุกวันก็ปวดหัวแล้ว”
       
       “ส่วนเรื่องที่คนทั่วไปจะไปเชื่อทางฝั่งใครมากกว่า เราก็ไม่สามารถไปบอกให้ใครเชื่อใครก็ได้ ก็ต้องแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคนเลย เพราะจริงๆ แล้วเนี่ย ตัวแอนเอง แอนก็ไม่เสพข่าวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแอนก็จะไม่รู้ว่าใครคิดอย่างไร ส่วนเรื่องของคดีก็สู้เต็มที่ แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าใครจะมั่นใจแค่ไหน รู้แค่ว่าทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”
       
       เผย ถ้าศาลมีคำสั่งให้ตรวจดีเอ็นเอจริงก็ค่อยว่ากัน เพราะไม่อยากคิดอะไรให้ไกลเกินไป
       
       “ถ้าวันนั้นศาลมีคำสั่งให้ตรวจดีเอ็นเอ เราก็ค่อยว่ากัน ว่าเราจะตรวจหรือไม่ตรวจ เพราะว่าวันนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น เดี๋ยวเราค่อยว่ากัน บอกตรงๆ ว่าถ้าเราไปคิดถึงวันข้างหน้าเราจะเหนื่อยมากนะ และเราก็จะเดินต่อไม่ได้เลย และถ้าเราล้มไปเราก็จะลุกไม่ได้แล้ว แต่ถ้าเราไม่มองอนาคตให้มันไกลเกินไป มองเอาแค่ข้างหน้าเราจะเลี้ยงลูกอย่างไร จะทำมาหากินอย่างไร จะหาเงินอย่างไร เราคิดแค่นี้พอก่อน และแอนก็จะไม่ขอพูดถึงเขาแล้ว เพราะรู้สึกว่าจะพูดถึงเขาเยอะเกินไป เพราะตอนนี้เราต่างคนต่างไป ต่างคนต่างเดินแล้ว”
       
       ออกปากฝากฝัง “ฑีฆายุ” ลูกชายเข้าวงการบันเทิง บอก ตอนนี้เดินและพูดได้แล้ว
       
       “ส่วนงานในวงการก็ไม่ได้หวังอะไร เพราะเราก็อายุเยอะแล้ว แล้วก็ไม่สวยด้วย ก็เลยไม่คิดถึงเรื่องนั้นเท่าไหร่ค่ะ เอาแค่ตรงนี้ให้มันยาวๆ ดีกว่า ส่วนเรื่องลูก แอนก็จะให้เขามีการศึกษาที่ดีที่สุด สอนให้เขาเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด และถ้ามีโอกาสให้ลูกเข้าวงการบันเทิงก็ทำ แต่ก็ไม่ค่อยอยากเท่าไหร่ เพราะเรามองจากตัวเรา ก็อยากให้เขามีอาชีพที่มั่งคงกว่านี้”
       
       “แต่ก็ยังไม่มีใครมาทาบทามลูกนะ ฝากหน่อยสิ ฝากหน่อยนะคะ ตอนนี้น้องเดิน แล้วก็พูดได้แล้ว และเขาก็เดินเก่ง แถมยังซนมากด้วย และตอนนี้เขาก็รู้จักปฏิเสธแล้วนะ ว่าไม่เอาๆ แล้วเขาก็จะชอบบ่นและร้องเพลง เล่นกีต้าร์เรื่องแบบนี้เขาจะชอบ”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)