Author Topic: “ตั้ว ศรัณยู” คืนวงการกำกับภาพยนตร์ “คนโขน” หวังถ่ายทอดงานศิลป์  (Read 960 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“ตั้ว ศรัณยู” คืนวงการกำกับภาพยนตร์ “คนโขน” หวังคนรุ่นใหม่ซึมซับศิลปวัฒนธรรมไทย ลั่นเรื่องนี้ทุ่มเททำงานกว่า 2 ปี เชื่อหนังไม่ถูกดองเพราะตนเกี่ยวข้องกับการเมือง เตรียมเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องที่สองต่อ บ่นคิดถึงงานแสดงแต่ไม่ได้อยู่ในกระแสแล้ว
       
       หลังจากไปทำหน้าที่พลเมืองดีเคลื่อนไหวด้านการเมืองเพื่อต่อต้านนักการเมืองโกงชาติ “ตั้ว ศรัณยู วงศ์กระจ่าง” อดีตพระเอกและผู้กำกับชื่อดังก็ห่างหายไปจากวงการบันเทิง แต่ล่าสุดเจ้าก็กลับคืนสู่เส้นทางบันเทิงอีกครั้งในบทบาทของผู้กำกับภาพยนตร์ ที่เจ้าตัวภาคภูมิใจนำเสนอเพื่อต้องการให้ประชนชนคนรู้ใหม่ได้ซึบซับถึงศิลปวัฒนธรรมที่กำลังจะถูกลืมและคาดว่าจะสูญหายไปในที่สุดอย่างโขน ในเรื่อง “คนโขน” โดยเรื่องนี้เจ้าตัวทุ่มเทศึกษาข้อมูลอย่างจริงจังและทำงานอย่างละเอียดที่สุดโดยใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 2 ปี งานนี้เจ้าตัวเผยถึงความทุ่มเทและตั้งใจกับการทำงานเรื่องนี้ว่า...
       
       “เราเองก็คิดอยากที่จะทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับศิลปะความบันเทิงแต่มีสาระสอดแทรกอยู่ด้วย แล้วอะไรล่ะที่จะเอามารวมเข้ากันเราก็คิดไปถึงศิลปวัฒนธรรม ซึ่งมันก็สอดคล้องกับศิลปวัฒนธรรมไทยหลายๆ รูปแบบที่สังคมก็ถามว่าอันนี้หายไปแล้ว อันนั้นก็กำลังจะสูญหายไปแล้วจะอยู่กันยังไง ซึ่งพอลิสต์มาแล้วศิลปวัฒนธรรมที่เราพอจะเชิดชูน่าจะรักษา และสามารถสานต่อได้มันก็จะมีโขนอยู่ในเบอร์ต้น จริงๆ แล้วผมคิดอยากที่จะทำโขนมาเป็น 10 กว่าปีแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อครั้งแรกที่คิดอยากจะทำเกี่ยวกับโขนตอนนั้นยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไง พอถึงวันหนึ่งมันก็มีอะไรมาดลใจให้เรานึกออกว่าควรจะทำอย่างนี้”
       
       “ความที่ผมเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องโขนเลย เราจำได้แต่ความสวยงามและคุณค่าของมัน แล้วเราก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมโขนมันมาไม่ถึงเรา ทำไมคนรุ่นหลังถึงห่างออกมาจากโขนนัก ตรงนั้นคือแรงผลักดันให้เราตั้งใจทำเรื่องของโขนอย่างจริงจัง พอเริ่มหาข้อมูลรายละเอียดแล้วมันมีความงดงาม มันมีขนบ มันมีจารีต มันเป็นสิ่งที่บรรพชนสืบสานมาหลายช่วงอายุคนแล้ว มันไม่ใช่ของที่เพิ่งเกิด มันเกิดมานานแล้วมันแสดงถึงคุณค่าที่สั่งสมมานาน เราคนรุ่นหลังถ้าเราจะปล่อยให้เวลาเป็นตัวทำลายสิ่งที่บรรพชนทำไว้ยาวนานมันก็ไม่น่าจะดีนี่คือแรงบันดาลใจ เราใช้เวลาหาข้อมูลในเรื่องนี้อยู่ปีเศษๆ เราต้องการส่งต่อเรื่องราวให้กับคนที่ไม่เคยได้ดูโขนได้ซึมซับถึงความสวยงามของมันบ้าง นอกจากนนั้นนักแสดงของเราก็ใช้ของจริงล้วนๆ ทุกคนรำได้จริงเล่นได้จริง”
       
       “เรื่องนี้ลงทุนไปทั้งหมดประมาณ 15 ล้าน เราไม่ได้อยากทำงานเอาเยอะๆ เพื่อทำงานใหญ่ๆ เรามองที่ความเป็นจริง เราจัดเอาโขนทุกรูปแบบมาไว้ในหนังเรื่องนี้ แฟนโขนน่าจะอินแล้วเราก็คัดแต่ตอนสำคัญๆ มาไว้ในเรื่องนี้ เราเองพยายามประหยัดงบประมาณโดยใช้เวลาอยู่กับการทำงานบนโต๊ะให้มากที่สุด นักแสดงทุกคนซ้อมกันเยอะ เอาแบบเป๊ะทุกอย่าง พอถึงวันถ่ายจริงผมแค่นั่งเฉยๆ แล้วทุกอย่างมันจะรันไปเองเรื่อยๆ เพราะเราผ่านการซ้อมอย่างหนักมาแล้ว”
       
       ลั่นภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ถูกดอง ถึงแม้จะถ่ายทำเสร็จตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ก็ยังไม่ได้เข้าโรงฉายซักที
       “อันนี้ต้องถามเสี่ยเจียง(สมศักดิ์ เตชะประเสริฐ)เลยครับ อันนี้เป็นแนวคิดของเสี่ยเจียงพอแกเห็นงานแล้วแกก็บอกว่าอยากให้มันพร้อมจริงๆ ไม่ใช่ว่าทำเสร็จแล้วจะต้องรีบฉายเลย แกไม่อยากให้รับฉายหากไม่พร้อม ไม่พร้อมในที่นี้หมายถึงองค์ประกอบในเรื่องอื่นๆ นะ เช่นเรื่องของการโปรโมต แนวทางการพูดถึงหนังเรื่องนี้ หรือแม้แต่การดูแล้วแก้ไข”
       
       “การเมืองไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวแต่ถ้าเสี่ยแกจะคิดถึงเรื่องนั้นมันก็เป็นเรื่องของแกตรงนี้ผมไม่รู้ มันอยู่ที่มุมมองของเสี่ยว่ามันควรจะฉายตรงไหนเมื่อไหร่ยังไง ตอนนี้ก็เตรียมทำหนังเรื่องที่ 2 แล้วครับ เป็นหนังรัก เป็นเรื่องของวัยรุ่นชีวิตรัก ตอนนี้ก็เขียนบทไป 20 เปอร์เซ็นต์ แคสนักแสดง ก็รอเสร็จจากเรื่องคนโขนก่อนแล้วคงได้เริ่มเรื่องที่ 2 อย่างจริงจัง”
       
       รับคิดถึงยังอยากกลับไปทำงานด้านการแสดงเพราะเป็นอาชีพที่รัก แต่โอกาสคงยากแล้วที่จะกลับเพราะไม่ได้อยู่ในกระแสเหมือนก่อน บวกกับที่ติดต่อมายังไม่มีบทที่เหมาะสมกับตน
       
       “ผมว่าคงยากแล้วครับ จริงๆ ใจผมก็อยากจะกลับไปนะอาชีพที่ผมมีความสุขมากที่สุดคืออาชีพการเป็นนักแสดง แต่ที่ยากคือเราเองก็มีงานมาขนาดนี้แล้ว เราก็อยากแสดงในแบบที่ต่างไป แต่งานแบบนั้นมันก็ยังไม่มีเข้ามา แต่ก็ไม่ได้ไปว่าอะไรเขา ถ้ามันไม่มีเข้ามาเราก็ทำงานที่เราอยากจะทำอย่างอื่นไป ครั้นเราจะทำเองเล่นเองคนเขาก็คงหมั่นไส้เอา”
       
       “ตอนนี้เราเองก็ยังได้ทำงานในแบบที่เราชอบเพียงแต่เปลี่ยนสถานะไปตามเวลา จริงๆ ก็มีติดต่อเข้ามาบ้างแต่ผมเองก็ไม่ได้อยู่ในกระแสว่าผมจะขายได้มั้ย ผมไม่มีอะไรให้ขายเพราะเราไม่ได้อยู่ในกระแสแล้ว ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ไปโทษใคร มันเป็นธรรมดา เราก็เลือกทำสิ่งที่เราอยากทำอย่างอื่นซะมันก็จบ อาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่ผมชอบมากที่สุด”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)