Author Topic: ปีหน้า 'เอชทีซี' พลิกแซง 'บีบี'?  (Read 1033 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


แบล็กเบอรี่หรือบีบีกำลังจะถูกเอชทีซีแซงหน้า ขึ้นเป็นผู่ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 4 ของโลก

ศูนย์วิจัยตลาดโทรคมนาคมในสังกัดรัฐบาลไต้หวัน ประกาศผลสำรวจล่าสุดที่พบว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของไต้หวันมีแนวโน้มครองตำแหน่งผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 4 ของโลกได้ในปี 2012 ที่จะถึงนี้ โดยจะขึ้นแทนที่ยักษ์ใหญ่จากแคนาดาอย่างแบล็กเบอรี่หรือบีบีไปด้วยส่วนแบ่งตลาดที่มากกว่า คาดเฉพาะปีนี้ เอชทีซีจะทำยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนสถิติใหม่ทะลุ 50 ล้านเครื่อง
       
       ศูนย์วิจัย Market Intelligence Center (MIC) ในเครือสถาบันสารสนเทศ Institute for Information Industry ของรัฐบาลไต้หวัน เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เอชทีซี (HTC) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับที่ 5 ของโลกในขณะนี้จะสามารถจัดส่งสินค้าได้มากกว่าริม (Research in Motion : RIM) ซึ่งนั่งเก้าอี้ผู้ผลิตอันดับ 4 ได้ในปีหน้า (2012) เท่ากับบีบีกำลังจะถูกเขี่ยตกเก้าอี้ในช่วง 6 เดือนนับจากนี้
       
       MIC มองว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เอชทีซีสามารถจัดส่งสมาร์ทโฟนสู่ตลาดได้มากขึ้นในปีนี้และปีหน้า คือการเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการทั้งแอนดรอยด์และวินโดวส์โฟน โดยเอชทีซีกลายเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของทั้ง 2 ระบบปฎิบัติการซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนในปีหน้า ขณะที่ระบบปฏิบัติการอื่นจะมีสัดส่วนการขยายตัวที่น้อยกว่า
       
       การขยายตัวของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) นั้นคาดกันว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 40% ใน 2012 เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มีสัดส่วนราว 38% ขณะเดียวกัน การขยายตัวของระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน (Windows Phone OS) ก็คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดไม่น้อยกว่า 17% ในปีหน้า ผลจากการร่วมมือกับโนเกีย (Nokia) ซึ่งประกาศว่าจะใช้วินโดวส์โฟนเป็นระบบปฏิบัติการหลักแทนซิมเบียนตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นไป
       
       เอชทีซีนั้นส่งสัญญาณว่าได้ประโยชน์จากการขยายตัวของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2010) โดยตัวเลขรายรับรวมทั้งปีของเอชทีซีนั้นเพิ่มเป็น 2.78 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 2.78 แสนล้านบาท) จากที่เคยทำได้ 1.44 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2009 บนตัวเลขกำไรสุทธิพุ่งกระฉูด 75% ปิดที่ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั้งปีคือ 24.6 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวจาก 11.7 ล้านเครื่องในปี 2009 ทั้งหมดนี้ไม่แปลกที่เอชทีซีจะมีมูลค่าหุ้นรวมแซงหน้าโนเกียและซัมซุงตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา


HTC 4G หนึ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจาก HTC

เฉพาะไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ที่ผ่านมาไตรมาสเดียว เอชทีซีระบุว่าสามารถจัดส่งสมาร์ทโฟนเกิน 9.7 ล้านเครื่อง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% ของยอดจัดส่งปี 2010 ทั้งหมดนี้ทำให้ MIC คาดว่ายอดจัดส่งสมาร์ทโฟนของเอชทีซีปีนี้จะมีไม่ต่ำกว่า 50 ล้านเครื่องแน่นอน
       
       การวิเคราะห์ของ MIC เชื่อว่าระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) ของแอปเปิลจะขยายตัวเพียง 1 จุด จาก 18% เป็น 19% ในปีหน้า ขณะที่ริมซึ่งเอชทีซีจะขึ้นมาแทนที่นั้นคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ไม่สูงเช่นกัน ทำให้เอชทีซีมีช่องทางแซงหน้าไปได้ไม่ยาก ซึ่งเมื่อพิจารณาตัวเลขกำไรที่ลดลงจาก 934 ล้านเหรียญเหลือ 695 ล้านเหรียญที่ริมทำได้ในไตรมาสแรกปีที่แล้ว และยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนที่ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายไป 3 แสนเครื่อง โดยริมเคยประเมินว่าทำได้ 13.5 ล้านเครื่อง แต่ทำได้เพียง 13.2 ล้านเครื่อง ล้วนแสดงถึงแนวโน้มว่าริมมีโอกาสสูงที่จะถูกเอชทีซีแซงหน้า
       
       อย่างไรก็ตาม ริมยังคงแสดงศักยภาพที่เหนือกว่าเอชทีซีในเรื่องรายรับรวม เฉพาะไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ริมสามารถทำรายได้ 4,900 ล้านเหรียญ (ราว 1.47 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 16% จากปีที่แล้วซึ่งทำได้ 4,240 ล้านเหรียญ ซึ่งทั้งหมดนี้ริมประกาศนโยบายเร่งด่วนว่าจะรัดเข็มขัดให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง เพื่อให้บริษัทมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้น
       
       สำหรับตัวเลขที่น่าสนใจอื่นๆจากการสำรวจของ MIC คือการพยากรณ์ว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไต้หวัน ทั้งธุรกิจโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน รวมถึงการผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องจะมีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% คาดว่าจะมีมูลค่าผลิตภัณฑ์ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวันภายในปีนี้ ซึ่งมีทางเป็นไปได้สูงเพราะไต้หวันก็เป็นหนึ่งในฐานการผลิตชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดังระดับโลกอย่างไอโฟน (iPhone)
       
       Company Related Link :
       HTC

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)