เวลานี้ เว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิมอย่าง เฟซบุ๊ค มีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นผู้ให้บริการโฆษณารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ แทนที่ยาฮูแล้ว
โดยในระยะเริ่มแรกนั้น เว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีผู้ใช้มากกว่าหกร้อยล้านคนทั่วโลก ได้ปฏิเสธการแสดงโฆษณาในเว็บไซต์ เพื่อหลีกเลี่ยงจากความไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ แต่แล้วในที่สุด ด้วยกระแสความนิยมที่ล้นหลามหลายปีที่ผ่านมาก็สามารถสร้างรายได้จากการโฆษณาให้แก่เฟซบุ๊คได้มากถึง 80.9% ในปีนี้ หรือราว 2.19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามรายงานจากบริษัทวิจัยอินเทอร์เน็ต eMarketer ขณะที่ในแง่ของส่วนแบ่งการแสดงโฆษณาในปีนี้เฟซบุ๊คคว้าได้ที่ 17.7% โค่นแชมป์เก่าหลายสมัยอย่างยาฮูที่ทำได้เพียง 13.1% ลงทันตา David Hallerman นักวิเคราะห์จาก eMarketer แสดงความคิดเห็นว่า ที่ผ่านมาเฟซบุ๊คได้รับกระแสตอบรับและความนิยมสูงสุด ทั้งในแง่ของตัวเลขผู้ใช้และระยะเวลา จึงทำให้เกิดการโฆษณาที่อยู่ในรูปแบบของแบนเนอร์และด้วยกระแสนิยมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงยิ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมให้ผู้โฆษณาทำการจ่ายเงินเพื่อจะได้โฆษณาสินค้าของตนเอง ทั้งนี้ เฟซบุ๊คมีการเติบโตอย่างรวดเร็วทิ้งห่างจากคู่แข่งโฆษณารายใหญ่ทั้งหลาย จากการสำรวจ โดยผู้ขายโฆษณาอันดับที่สองที่มีการเติบโตเร็วที่สุดจากห้าอันดับ ได้แก่ กูเกิล ที่สามารถคว้ารายได้มากถึง 34.4% ในปีนี้ ขณะที่ไมโครซอฟท์ ยาฮู และเอโอแอล มีอัตราเติบโตน้อยกว่า 20% ซึ่งทั้งหมดต่ำกว่าภาพรวมของตลาด แต่บริษัทวิจัยประเมินว่าจะอยู่ที่ 24.5% นอกจากนี้ eMarketer ยังเชื่อด้วยว่า ในปี 2012 กูเกิลจะสามารถคว้าตัวเลขเพิ่มขึ้นมาได้อีก โดยรายได้จากการแสดงโฆษณาของกูเกิลจะอยู่ที่ 58.3% ขณะที่เฟซบุ๊คจะมีรายได้ที่ 31.3% และถึงแม้ว่า เฟซบุ๊คจะมีการเติบโตแบบชะลอตัว แต่เว็บไซต์โซเชียลยอดนิยมก็ยังสามารถขยายส่วนแบ่งทั้งหมดของการโฆษณาในตลาดในปี 2012 ได้ถึง 19.4% ขณะที่ยาฮู และกูเกิลจะคว้า 12.5 และ12.3% ของส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมดหรือเพิ่มขึ้นจากตัวเลขที่ครองอยู่ 9.3% ในปีนี้ ทั้งนี้ เฟซบุ๊คได้กลายมาเป็นผู้นำในให้บริการโฆษณาผ่านทางโลกออนไลน์ หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้ประกาศขยายความร่วมมือทางโฆษณากับเฟซบุ๊ค ด้วยการนำเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์มาใช้ บวกกับซื้อหุ้นจากเฟซบุ๊คอีก 240 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อปี 2007
Source : CNET
ที่มา: pantip.com