Author Topic: เอชพีปรับโครงสร้างรับมือแข่งดุ  (Read 952 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


เอชพีถอด 3 ผู้บริหารรวบอำนาจกลับไปที่ซีอีโอ เด้งฟ้าผ่าประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายข้อมูล (CIO) พร้อมปลดประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติงาน (CAO) ออกจากตำแหน่งมีผลทันที ประกาศโยกประธานฝ่ายบริการองค์กรซึ่งทำงานมาร่วม 29 ปีขึ้นหิ้งนั่งบอร์ดเอชพี คาดเป็นการปรับโครงสร้างเพื่อยกระดับเอชพีให้สามารถต่อกรกับคู่แข่งในยุคที่คอมพิวเตอร์พีซีมียอดจำหน่ายลดลงมากกว่า 20% ตั้งแต่ช่วงปี 2010 ที่ผ่านมา
      
       ลีโอ อโปเธอเกอร์ (Leo Apotheker) ซีอีโอบริษัทฮิวเล็ตต์-แพคการ์ดหรือเอชพี ออกแถลงการณ์ถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างองค์กรเอชพีครั้งนี้ว่าเป็นไปตามกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน การมุ่งขับเคลื่อนองค์กรและเพิ่มความคล่องตัว
      
       "เอชพีจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน ขับเคลื่อนองค์กรและความคล่องตัว โดยเราต้องปรับจุดยืนตัวเองเพื่อให้ประสบความสำเร็จ"
      
       หนึ่งในผู้บริหารเอชพีที่ถูกเด้งฟ้าผ่าครั้งนี้คือ แอนน์ ลิเวอร์มอร์ (Ann Livermore) ผู้บริหารวัย 52 ปีซึ่งมีตำแหน่งล่าสุดเป็นประธานฝ่ายบริการองค์กรหรือ Chief of Enterprise Services โดยจะขึ้นนั่งเก้าอี้กรรมการบริหารเอชพีหรือบอร์ดเมื่อพ้นตำแหน่ง ข้อมูลระบุว่าลิเวอร์มอร์จะรักษาการณ์ตำแหน่งงานเดิมไปจนกว่าจะสามารถหาผู้เหมาะสม
      
       ลิเวอร์มอร์นั้นเคยเป็น หนึ่งในผู้บริหารที่ถูกหมายตาว่าจะขึ้นเป็นซีอีโอแทนมาร์ก เฮิร์ด (Mark Hurd) อดีตซีอีโอที่ต้องลาตำแหน่งเพราะเรื่องอื้อฉาวในคดีล่วงละเมิดทางเพศกับออร์แกไนซ์สาวแม้จะสามารถยอมความได้ในที่สุด โดยลิเวอร์มอร์จะเข้าร่วมทีมกรรมการบริหารเอชพีซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกหลายครั้งต่อเนื่องตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา
      
       มีเพียงลิเวอร์มอร์เท่านั้นที่ถูกโยกขึ้นหิ้ง เพราะผู้บริหารเอชพีอีก 2 รายถูกปลดออกจากตำแหน่งแบบมีผลทันที โดยทั้ง 2 เป็นผู้บริหารที่อดีตซีอีโอเฮิร์ดเป็นผู้ว่าจ้างไว้ ได้แก่ปีเตอร์ โบเชียน (Pete Bocian) ซีเอโอวัย 57 ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2008 และแรนดี้ มอตต์ (Randy Mott) ซีไอโอวัย 55 ซึ่งดูแลการบริหารข้อมูลของเอชพีมาตั้งแต่ปี 2005
      
       นักวิเคราะห์คาดว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นผลจากการถูกกดดันเรื่องผลประกอบการของเอชพี โดยการปลด 3 ผู้บริหารนี้เกิดขึ้นหลังการประกาศผลประกอบการกำไรตกต่ำสุดขีดเพียงไม่กี่สัปดาห์ โดยเฉพาะในธุรกิจจำหน่ายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลซึ่งมียอดขายลดลงฮวบฮาบเพราะการเติบโตของตลาดแท็บเล็ตพีซีซึ่งกลายเป็นกระแสร้อนแรงในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งให้ตลาดคอมพิวเตอร์พีซีตกต่ำต่อเนื่อง 23% ตั้งแต่ปีที่แล้ว
      
       เพื่อขวางทางแอปเปิล (Apple) ไม่ให้โกยส่วนแบ่งในตลาดแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์เพียงรายเดียว เอชพีมีแผนเปิดตัวแท็บเล็ตนามทัชแพ็ด (TouchPad) ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการจากปาล์มที่เอชพีเข้าซื้อด้วยเงินหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าทัชแพดจะเริ่มวางตลาดได้ในเดือนกรกฎาคมนี้
      
       การปรับโครงสร้างครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการรวบอำนาจมาสู่ซีอีโอโดยตรง โดยการปลด 3 ผู้บริหารออกไปจะทำให้ลำดับขั้นในการดำเนินงานของเอชพีลดลง เช่นทีมดูแลบริการเทคโนโลยี เครือข่าย สตอเรจ และเซิร์ฟเวอร์สำหรับองค์กร รวมถึงทีมซอฟต์แวร์และทีมขายทั่วโลกจะสามารถรายงานตรงต่อซีอีโอเอชพีได้โดยไม่ต้องผ่านหัวหน้าเก่าอีกต่อไป
      
       ที่น่าสนใจคือ มีผู้บริหารเอชพี 2 รายที่ได้รับมอบหมายงานเพิ่มเติม ได้แก่ทอดด์ แบรดเลย์ (Todd Bradley) รองประธานฝ่ายระบบส่วนบุคคลซึ่งเคยเป็นหนึ่งในผู้ชิงชัยตำแหน่งซีอีโอ จะดูแลการขยายตลาดจีนของเอชพีอย่างจริงจังมากขึ้น
      
       ยังมี วโยเมซ โจชิ (Vyomesh Joshi) รองประธานฝ่ายธุรกิจการพิมพ์ที่ถูกวางหมากเพื่อขยายตลาดเอชพีในอินเดียอย่างจริงจัง
      

แท็บเล็ตจากเอชพี "ทัชแพ็ด" ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการจากปาล์ม

       Company Related Link :
       HP

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)