คำว่า "อลังการงานสร้าง" หรือ "จัดเต็ม" ที่เคยใช้ๆ กันมาทั่วไป คงต้องถูกนิยามความหมายกันใหม่ก็คราวนี้ !!! หลังจากที่ได้เห็นกับตา ได้พิสูจน์กับตัวมาแล้ว ต้องยกนิ้วแม่โป้งสองมือพร้อมทั้งยกใจให้เขาเลยจริงๆ สำหรับ "โทโมฮิสะ ยามาชิตะ เอเชีย ทัวร์ 2011 อิน แบงคอก ซูเปอร์ กู๊ด ซูเปอร์ แบด" (Tomohisa Yamash*ta Asia Tour 2011 in Bangkok Super Good Super Bad) ทัวร์คอนเสิร์ตในทวีปเอเชียครั้งแรกของไอดอลซูเปอร์สตาร์สุดหล่อแดนปลาดิบ โทโมฮิสะ ยามาชิตะ หรือ ยามะพี ศิลปินในสังกัด จอห์นนี่ส์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Johnny’s Entertainment หรือ JE) แห่งประเทศญี่ปุ่น งานนี้จัดโดยมือหนึ่งของวงการคอนเสิร์ตเอเชียนเมืองไทยอย่าง อาวาลอน ไลฟ์ (AVALON LIVE) ซึ่งครั้งนี้ทวงความยิ่งใหญ่ของกระแสเจ-ป็อปกลับคืนสู่เมืองไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ พลิกสู่ปรากฏการณ์ใหม่ของวงการคอนเสิร์ตเอเชียนอย่างสวยงาม จนต้องชวนจับตาดูครั้งต่อไปแบบไม่กระพริบตา
งานนี้ อาวาลอน ไลฟ์ และ จอห์นนี่ส์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ร่วมกันเนรมิตภาพใหม่ของ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นจอ LED ที่ถูกติดตั้งไว้โดยรอบด้านในธันเดอร์โดม ซึ่งเวลาเข้าไปอยู่ในฮอลล์ให้ความรู้สึกเหมือนคนดูได้รับการโอบล้อมอย่างอบอุ่นจริงๆ ประกอบกับการใช้เลเซอร์ที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน ไม่ได้ยิงแสงกันแบบธรรมดาๆ ทำให้ระบบแสงสีตระการตาแบบที่ไม่เคยมีงานไหนทำได้ขนาดนี้ เฉพาะไฟและโครงสร้างพิเศษที่แขวนเหนือเวทีกลางนั้นก็มีน้ำหนักกว่า 3 ตันเข้าไปแล้ว ยังมี special effect เช่นพลุ และไพโรเทคนิคต่างๆ ร่วมด้วยอุปกรณ์ที่ยกชุดมาจากญี่ปุ่นถึง 3 ตู้คอนเทนเนอร์เต็มๆ เล่นเอาทีมงานผู้จัดคอนเสิร์ตละแวกใกล้เคียงที่แวะมาดู ถึงกับทึ่งกันไปเลยทีเดียว ทั้งหมดนี้ช่วยกันเติมเต็มให้โปรดักชั่นคอนเสิร์ตสมราคา "คอนเสิร์ตที่มีเพียงจอห์นนี่ส์ของญี่ปุ่นเท่านั้นที่สามารถทำได้" อย่างแท้จริง และที่ขาดไม่ได้คือความสามารถระดับท็อปฟอร์มของเอเชียที่ "ยามะพี" พระเอกของงานได้แสดงให้เห็นอย่างเต็มพลังในการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม
เพียงแค่เปิดตัว "โทโมฮิสะ ยามาชิตะ เอเชีย ทัวร์ 2011 อิน แบงคอก ซูเปอร์ กู๊ด ซูเปอร์ แบด" ก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงแล้ว เพราะใช้โครงสร้างพิเศษที่รวมจอ LED ไว้ 4 ด้าน น้ำหนักรวม 3 ตันครอบเวทีกลาง แล้วเปิดตัว ยามะพี พระเอกของงาน ณ จุดกึ่งกลางธันเดอร์โดมแบบสุดเซอร์ไพส์ ประเดิมเพลงแรกด้วยเพลงประกอบละครสุดฮิตอย่าง 'Daite Senorita' ท่ามกลางเสียงกรี๊ดต้อนรับจากแฟนๆ กระหึ่มลั่นธันเดอร์โดม และเปิดตัว เอบีซี-ซี (ABC-Z) ซึ่งมาร่วมเป็นแด๊นเซอร์ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ยามะพี กล่าวภาษาไทยคำแรก 'สวัสดีครับ' ก่อนที่จะเข้าสู่เพลง 'Fever to Future' พร้อมกับเดินไปทักทายทั้งด้านซ้ายขวาตามด้วย 'Seishun Amigo' ที่แฟนๆร้องตามกันได้แม่นเป๊ะ แต่ที่มากกว่านั้นคือ ยามะพี ขึ้นรถเลื่อนพิเศษเคลื่อนตัวเองไปพบปะแฟนๆได้อย่างทั่วถึงทั้งฮอลล์ แถมมีโบนัสให้แฟนๆได้จับมืออย่างใกล้ชิด เล่นเอาเกิดความโกลาหลขนาดย่อม เพราะใครๆก็อยากสัมผัสยามะพีใกล้ๆแบบนี้สักครั้งในชีวิต หลังวนครบรอบฮอลล์กลับมาที่เวทีกลาง ยามะพี ก็กล่าวทักทายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง "สวัสดีครับ, I hope you enjoy today concert, I'm so happy. Arigatou. Let's having fun tonight"
ตัดภาพต่อเนื่องไปที่เวทีหลัก ไฟรูปมังกรสีแดงโลโก้ของทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ก็สว่างชัดขึ้นมา ดวงตาของมังกรยิงแสงเลเซอร์ไปทุกทิศทาง เล่นเอาแฟนๆโห่ร้องอื้ออึงตกตะลึงในความอลังการกันสุดขีด ยามะพี ปรากฏตัวอีกครั้งในชุดเสื้อคลุมกำมะหยี่สีดำอย่างเท่ห์ในเพลง 'Tokyo Sinfonietta' เดินขึ้นเครนที่สามารถยกแล้วหมุนไปรอบทิศ 360 องศา ต่อกันด้วยเพลง 'MOLA' ในเวอร์ชั่นรีมิกซ์ และ 'One in a million' ที่แฟนๆกรี๊ดตั้งแต่อินโทรขึ้น มีการใช้แสงเลเซอร์ร่วมกับ LED อย่างกลมกลืนเข้ากันทั้งจังหวะและท่าเต้น แถมแฟนๆก็เล่นโค้ดเชียร์กันอย่างน่ารัก ลดบีทเพลงมาต่อกันที่เพลง 'Yours Baby' ยามะพี กลับไปร้องเวทีหลัก LED ทุกจอที่ติดตั้งไว้รอบผนังฮอลล์ยิงเป็นภาพเปลวไฟลุกพรึบ ทำให้คนดูสัมผัสได้เต็มๆว่าอยู่ท่ามกลางวงล้อมของความร้อนแรงจริงๆ มีการส่งช่วงแนะนำวงดนตรีแบ็คอัพรุ่นพี่อย่าง FiVe รวมถึงงานนี้ยังมีคณะคอรัสและนักดนตรีเครื่องสายที่เป็นคนไทยขึ้นร่วมแสดงอีกด้วย ตามมาติดๆกับเพลง 'Gomen ne' และ 'ADAMAS' ยามะพี เดินไปที่โซฟาสีขาว ค่อยๆถอดเสื้อนอกออก เหลือแต่เพียงเสื้อกล้าม ก่อนที่จะนำสูทสีขาวมาใส่ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในสเต็ปไหนก็เรียกเสียงกรี๊ดได้ทุกอิริยาบท หลังนั่งร้องเพลงชิลล์ๆที่โซฟาได้ซักพัก ก็ออกมาแด๊นซ์ต่อกับน้องๆวง ABC-Z ในเพลง 'My Dear' และ ‘Dance Jam’ ที่มูฟมาแด๊นซ์กันถึงขอบเวทีหน้าสุด เรียกว่าเอาใจแฟนครบทุกโซน คุ้มค่าทุกราคาบัตรเลยทีเดียว
เริ่มต้นช่วงพูดคุยด้วยการแนะนำตัววง ABC-Z ทีละคน พร้อมแสดงความสามารถทั้งโชว์เต้นของรุ่นพี่วง อาราชิ และพูดภาษาไทยเรียกเสียงกรี๊ด ไม่ว่าจะเป็น "ช่วยเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วย", "พวกเราขอบคุณครับ", "ผมชอบแกงเขียวหวาน" ตามด้วยช่วงพิเศษถาม-ตอบกับ ยามะพี เปิดให้แฟนๆสามารถถามคำถามได้เอง ซึ่งพระเอกของเราก็เดินเก็บคำถาม และโปรยคำตอบและพูดคุยกับแฟนๆอย่างทั่วถึงและใกล้ชิด ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้มากที่สุดเห็นจะเป็นคำถามที่ว่า "ช่วยกอดฉันได้ไหม" ยามะพี ไม่รอช้า ขอมาก็จัดไป "ได้ครับ" พร้อมกระโดดลงไปโอบแฟนผู้โชคดีสุดๆคนนั้น เล่นเอาแฟนๆคนอื่นกรี๊ดสลบไปด้วยความอิจฉา ปิดช่วงเอ็กซ์คลูซีฟอินเทอร์วิวกันด้วยความประทับใจ จากนั้นสนุกต่อในโชว์สไตล์ญี่ปุ่นของ ABC-Z ที่ทั้งเล่นตีเคาะอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น บันได, เก้าอี้, ถัง, ราวแขนเสื้อ แล้วแทรกโชว์เด็ดให้เห็นถึงวัฒนธรรมตะวันออกด้วยการเล่นหน้ากาก, รำพัด และ การต่อสู้ด้วยดาบซามูไร
ยามะพี ปรากฏตัวอีกครั้งในชุดเสื้อคลุมสีทองพร้อมเพลง 'TOMO' ได้สักพัก ไฟในฮอลล์ก็ดับวูบลง เหลือเพียงลำแสงเลเซอร์จากปลายดาบของ ABC-Z ทุกคน สลับกันสาดเป็นจังหวะรอบทิศทาง แต่ที่เล่นเอาฮือฮาไปทั้งฮอลล์ก็คือฉากที่ 1 ในสมาชิก ABC-Z ยิงเลเซอร์จากปลายดาบไปที่จอ LED บนผนังฮอลล์ แล้วลากยาววนครบ 360 องศาจบซีนด้วยไฟระเบิดตู้ม สร้างความตื่นตาตื่นใจเล่นเอาขนลุกกับโปรดักชั่นระดับเทพนี้กันไปอย่างเอกฉันท์ ต่อด้วย 'Dekiai ROBOT' ที่มีแท่งไฟโผล่ขึ้นมาจากพื้น แล้วขยับสู่เพลงจังหวะสนุกสนานอย่าง 'Tsumitobatsu' ยามะพี ออกตัวก่อนว่า "This is Johnny’s style!" แล้วขึ้นเครนหมุนตัวเองไปรอบๆ กระจายเซอร์วิสใกล้ชิดแฟนๆแบบเน้นๆ แถมมีการเล่นโค้ดเชียร์ "Go Go YamaP" กันอย่างน่ารัก ก่อนที่จะมาถึงเพลงซึ้งๆอย่าง '最后的 love song' ยามะพี ยังอยู่บนเครน ร้องไปโบกมือทักทายไป บนจอก็ฉายภาพละครเก่าๆที่ ยามะพี แสดงมาตั้งแต่เด็กจนโตคือ Nobuta Wo Produce, Dragon Sakura, Kurosagi, Code Blue เรียกเสียงกรี๊ดและน้ำตาจากคนดูเป็นระยะ เมื่อได้ย้อนดูภาพความหลังเก่าๆร่วมกันกับ ยามะพี อีกครั้ง เหมือนเป็นการรำลึกถึงเส้นทางชีวิตและพัฒนาการของ ยามะพี จนเติบโตมาถึงทุกวันนี้
ตัดภาพความซึ้งมาที่เพลงสนุกๆอย่าง 'Hadakanbo' กับธีมไฟสีทองและสีแดงทั่วฮอลล์ พร้อมฉากหลังที่ฉายเอ็มวีเพลงนี้ประกอบไปด้วย ราวกับว่าคนดูได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ ตามด้วยเพลง 'Crazy you' ที่พ่อหนุ่มเน้นเอาใจโซนริมขอบทั้งซ้ายและขวาแบบสุดๆ ทั้งร้องทั้งเต้นโชว์กระจายเซอร์วิสโดยทั่วถึง ระหว่างเพลงก็มีซีนแนะนำชื่อสมาชิกนักดนตรีวง FiVe ทีละคน, คอรัส, สตริง และ ทีมแดนเซอร์ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงโชว์ของ ABC-Z ซึ่งก็ขนความสามารถทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งตีลังกาผาดโผน มาแบบไม่ให้เสียชื่อสังกัดค่าย จอห์นนี่ส์ฯ ในเพลง ‘Vanilla' และ 'Star Seeker' ยามะพี กลับออกมาอีกครั้งในเพลง 'Friday night' ในมาดชายชุดดำลึกลับนั่งครวญเพลงอยู่ที่เวทีหลัก แล้วค่อยเร่งจังหวะด้วย 'Blood Diamond' ที่ ยามะพี ดึงฮู้ดที่คอเสื้อขึ้นมาปิดคลุมศรีษะไว้อย่างสุดเท่ห์ คนดูต่างรู้สึกไปตามๆกันว่าผู้ชายคนนี้ช่างมีเสน่ห์น่าค้นหาจริงๆ เพลงต่อมา 'One Girl' ที่บุกไปร้องประชิดตัวแฟนๆ โดยฉากหลังฉายเป็นภาพบรรยากาศสดของแฟนๆในฮอลล์ ราวกับจะสื่อว่าเหล่าแฟนๆ ทุกคนคือ One Girl ของยามะพี นั่นเอง ต่อเนื่องแบบไม่มีเบรคด้วยเพลง 'Touch You' ที่สุดหล่อก็โดดลงมาขอทัชกับแฟนๆถึงด้านล่าง เข้าสู่เพลง 'Party Don’t Stop' ฮอลล์ถูกเปลี่ยนเป็นสนามยิงเลเซอร์อีกครั้ง คราวนี้สาดใส่กันไม่ยั้งและไม่ซ้ำวิธีกับที่สาดไปในช่วงต้น ตกตะลึงกันไปอีกตามระเบียบ ในที่สุด ยามะพี ก็กล่าวขอบคุณทุกคนในธันเดอร์โดม ที่มาชมการแสดงของเขาในวันนี้, ขอบคุณ FiVe, String, Dancer, Chorus, ABC-Z ขอบคุณทุกท่าน แล้วโบกมือลาเข้าหลังเวทีไป
แฟนๆ ชาวไทยไม่รอช้า เริ่มดำเนินโปรเจ็คท์ที่ตระเตรียมกันไว้ โดยพร้อมใจกันร้องเพลง Happy Birthday สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังให้กับ ยามะพี เจอแบบนี้เข้าไปมีหรือที่ ยามะพี จะทนไหว โผล่ออกมาอังกอร์อีกครั้งพร้อมพูดภาษาไทยอย่างชัดถ้อยมากๆว่า 'ขอบคุณครับ' รอบนี้โชว์เพลง 'Loveless' และ 'AO' พร้อมด้วยปฏิบัติการซูเปอร์เซอร์วิสขึ้นรถเลื่อนพิเศษอีกครั้งวนครบรอบฮอลล์จากขวาไปซ้าย แถมรอบนี้มีลูกบอลมาโยนให้แฟนๆเก็บกลับไปเป็นที่ระลึก แล้วกลับมายืนเด่นเป็นสง่าที่เวทีกลาง ทีมงานยิงริบบิ้นสายรุ้งพิเศษ(สกรีนข้อความชื่อคอนเสิร์ต)ระเบิดตูมใหญ่ออกมาจากจุดที่ยามะพียืนเป็นศูนย์กลาง ได้ภาพที่สวยงามอลังการมากมายไปอีกซีน พร้อมกล่าวขอบคุณอีกครั้ง "I’m so happy today, Thanks for coming today, Thank You, Bye Bye" แล้วลงเวทีไป
สาวๆแฟนคลับชาวไทยยังคงช่วยกันร้องตะโกน "โมอิไกๆๆ" (เอาอีกๆๆ) ซ้ำไปซ้ำมา !!!! ในที่สุด ยามะพี ก็กลับออกมาอังกอร์อีกรอบในชุดเสื้อยืดสีแดงสกรีนลายชื่อคอนเสิร์ตนี้ และอดไม่ได้ที่จะกล่าวขอบคุณแฟนๆ ที่เรียกเขาขึ้นมาอีกครั้ง ปิดท้ายของจริงด้วยเพลง 'Gomenne Juliet' พร้อมเดินไปให้แฟนจับมือกันอย่างทั่วถึงก่อนลาจากกัน พีคสุดตรงที่มีถอดเสื้อโยนให้แฟนคลับเก็บไปนอนกอดนอนกรี๊ดแบบชื่นมื่น ถึงเวลา ยามะพี กล่าวลาจริงจังเป็นภาษาไทยชัดๆ "ขอบคุณครับ, See you soon" ถือเป็นการปิดฉากคอนเสิร์ตรอบวันเสาร์ที่ 23 เม.ย. ให้กับแฟนๆ เมืองไทยอย่างเต็มอิ่มจุใจ
ในขณะที่คอนเสิร์ตรอบวันอาทิตย์ที่ 24 เม.ย.นั้นก็มันส์หยดไม่แพ้กัน ช่วงถาม-ตอบเอ็กซ์คลูซีฟอินเทอร์วิว มีแฟนขอให้ถอดเสื้อ ยามะพีก็มิมีอิดออด ถอดเสื้อสูทสีขาว โชว์กล้ามขาวๆเฟิร์มๆกันกลางเวที หรือแฟนๆ ขอให้ทำท่า ฮัลเลลูย่า เช้นจ์!! ท่าประจำของยามะพีในละครเรื่อง Proposal Daisakusen สุดหล่อคนนี้ก็จัดให้แบบไม่ห่วงแอ๊บ ในตอนท้ายของคอนเสิร์ต แฟนๆทั้งธันเดอร์โดมร่วมใจกันทำโปรเจ็คท์พิเศษเซอร์ไพรส์ยามะพี โดยทุกคนตะโกนชื่อ "ยามะพีๆๆๆ" เพื่อขออังกอร์ และชูแผ่นกระดาษที่มีข้อความว่า "TOMO ♥ Thank you for coming" ภาพในฮอลล์ตอนนี้เล่นเอา ยามะพี อดใจไม่ไหวกลับขึ้นเวทีอีกครั้ง เพื่อขอบคุณแฟนๆเช่นกันด้วยประโยค "Thank you for amazing message" ยัง..ยังไม่พอ มีอังกอร์รอบ 2 ด้วย 'One in a Million' เพลงฮิตที่แฟนๆ ร้องตามกันได้ทั้งฮอลล์ จบแล้วจึงโบกมือลากลับเข้าหลังเวทีไป
กระนั้นแฟนๆก็ยังไม่ยอมกลับ ร้องเรียก "ยามะพีๆๆๆ" จนพ่อหนุ่มกลับขึ้นมาอีกเป็นรอบที่ 3 โดยยกมือไหว้ขอบคุณ จากนั้นแฟนคลับทั้งฮอลล์ตะโกนว่า เลิฟซองๆๆๆ ขอร้องให้ยามะพีร้องเพลง 'Love Song' เพลงแรกในการเป็นนักร้องของยามะพี ซีนนี้ทำเอาซาบซึ้งน้ำตาปริ่มกันไปทั้งคนร้องคนดู ลาอังกอร์ในรอบที่ 4 ด้วยประโยคว่า "I want to come back too" แล้วโบกมือลาลงเวทีไปอีกครั้ง แฟนๆ ยังร้องเรียก "ยามะพีๆๆๆๆ" กันไม่หยุด จนเกิดอังกอร์รอบที่ 5 ยามะพี ซึ่งถอดเสื้อยืดตัวนอกออกไปแล้วเหลือแต่เสื้อกล้าม ก็เดินกลับขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกล่าวประโยคสำคัญว่า "I promise, I will come back ขอบคุณครับ" แล้วโยนเสื้อที่ถอดพาดบ่าไว้ลงไปให้แฟนๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก ปิดท้ายทัวร์คอนเสิร์ต โทโมฮิสะ ยามาชิตะ เอเชีย ทัวร์ 2011 อิน แบงคอก ซูเปอร์ กู๊ด ซูเปอร์ แบด ในบ้านเราอย่างบริบูรณ์แบบดีสุดๆจริงๆ
เชื่อแล้วว่า... ยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือ ‘คอนเสิร์ตที่มีเพียงจอห์นนี่ส์ของญี่ปุ่นเท่านั้นที่ทำได้’ ทั้งเทคนิคเวทีฉากแสงสีเสียงที่จัดกันมาแบบเต็มเปี่ยมขนานแท้ ทั้งการใส่ใจในทุกรายละเอียดของคอนเสิร์ตที่ผสมผสานกลิ่นอายของความเป็นเอเชียเข้าร่วมไว้อย่างลงตัว อีกทั้งการเอ็นเตอร์เทนขั้นเทพและเซอร์วิสพิเศษสุดของ ยามะพี ที่จัดให้แฟนๆ ได้อย่างคุ้มเกินมูลค่าราคาบัตร ทวงความยิ่งใหญ่ของกระแสเจ-ป็อปกลับคืนสู่เมืองไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ที่มา: manager.co.th