Author Topic: “เคลลี่” ยอมถอย ประกาศเลิก “บี” ถาวร เผย เสียดายแต่จูนแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น  (Read 900 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“เคลลี่” ยอมถอย ประกาศเลิก “บี” ถาวร เผย เสียดายเวลา 5 ปีที่คบกัน แต่พยายามปรับจูนแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น ย้ำ ยังรักและห่วงใยเสมอ เจ้าตัวยัน ข่าวฉาวของบีไม่มีส่วนในการตัดสินใจ พร้อมปัดกิ๊ก “หญิง พลอยปภัส” สนิทแค่ในกองละครแต่ไม่มีนอกรอบ แย้ม ถ้าโสดแล้วกลับมาเนื้อหอมเหมือนเดิมก็คงจะดี
       
       หลังจากออกมาประกาศถอยห่างความสัมพันธ์เพื่อให้กลับไปทบทวนตัวเอง ล่าสุด “เคลลี่ ธนพัฒน์” ก็ออกมายอมรับแล้วว่าได้เลิกรากับ “บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” แฟนสาวอย่างจริงจังเป็นที่เรียบร้อย โดยให้เหตุผลว่า ช่วงเวลาที่ห่างกันได้ลองปรับจูนกันดูแล้วแต่ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงตัดสินใจเลิกกันถาวรแล้วหันมาคบกันแบบพี่น้องที่ยังรักและหวังดีต่อกันดีกว่า
       
       “ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกันครับ ตอนแรกที่เราห่างกันเราก็ดูนะว่าเราจะยังไง ว่าเราจะคบกันต่อหรือจะคบแบบพี่น้องกัน แต่คิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คงเป็นพี่เป็นน้องกันไปก่อน แต่เราก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน คือเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะหรือปัญหาอะไรเลย แต่มันก็เป็นการตัดสินใจของทั้งคู่ว่าจบลงตรงนี้คงดีที่สุด”
       
       “ถามว่าเสียดายเวลาไหม เราก็คบกันมานานนะ มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน มีแต่ความทรงจำดีๆ ยังไงผมเชื่อว่าผมจะรักเขาตลอด เขาก็คงรักผมมาตลอดเพราะเราคบกัน รักกัน แต่ก็มีเสียดายบ้าง แต่ถ้าคนเรามันไม่ใช่ก็จบตรงนี้ดีกว่าจะฝืนต่อไปแล้วอาจจะมองหน้ากันไม่ติดหรือไม่คบกันไปเลย ซึ่งที่จบแบบนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะห่างกันแล้วคิดว่าตรงนี้คงดีที่สุด มันไม่มีเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งหรอกครับ อธิบายลำบากเหมือนกัน อาจจะความที่เราอยู่กันนาน มันอาจจะอิ่มตัวแล้วมั้ง”
       
       “ถามว่าเฮิร์ทไหม มันก็มีนะ จากการที่มีคนอยู่ข้างเรามา 5 ปี แล้วมันจบลงอย่างนี้ แต่เวลามันก็ผ่านมาพักนึงแล้วจากที่เราใช้เวลาห่างกัน ระหว่างนั้นเราก็คุยและเจอกันบ้าง แต่มันก็เหมือนเดิมไม่ได้ดีขึ้น เราก็คิดถึงกันนะ เวลาอยู่คนเดียวก็เหงา เพราะเราไม่มีแฟนแล้วจากที่เคยมี ครอบครัวผมก็อยู่อเมริกา แต่ยังดีที่เรายังเป็นพี่เป็นน้องยังคุยกันได้ มีอะไรก็โทร.หากันหรือมีข่าวมีอะไร เราก็โทร.ไป คุณแม่เขาก็โทร.มา”
       
       “ตั้งแต่ที่ห่างกันก็หลายเดือนแล้วนะ มันก็คงเป็นความรู้สึกที่ลองดูแล้วว่าถ้าห่างกันจะเป็นยังไง จะคิดถึงกันมากแค่ไหน แต่พอมันคงไม่เหมือนเดิมก็เลยตัดสินใจครั้งนี้ แต่เราก็เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานกันนะ เพราะคบกันมาขนาดนี้ เปิดตัวซะขนาดนี้ว่าเป็นแฟนกัน คบกันก็เกือบ 5 ปีแล้วมันก็ต้องมีเรื่องแต่งงานเข้ามาอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยคุยถึงรายละเอียดว่าจะแต่งปีนี้ จะแต่งอายุเท่านี้ แต่เหมือนรู้ๆ กันว่าถ้าคบกันไปก็ต้องจบลงด้วยการแต่งงาน”
       
       “สภาพจิตใจตอนนี้ของทางบีผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เขาก็ดีนะ เห็นยังทำงานได้ดี เขาก็คงมีเวลาได้ใช้กับตัวเองมากขึ้น มีความเป็นอิสระมากขึ้น ผมก็เห็นว่าเขาก็มุ่งมั่นอยู่แต่เรื่องการงาน เวลาผมเห็นในบีบีเขาก็บอกทำงานตลอด ผมเองก็ดีที่มีเพื่อน มีงาน เราเองก็พยายามจะใช้ชีวิตอยู่กับตรงนี้มากกว่า แต่ระยะห่างมันก็ห่างอยู่แล้วเพราะเราตัดสินใจอย่างนี้ จากเมื่อก่อนคุยกันทุกวัน ตลอดเวลา เวลาว่างได้เจอกันตลอด แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เจอ คุยกันก็แทบไม่ได้คุย นอกจากจะมีธุระหรือไม่ก็นานๆ ทีถึงจะได้คุยกันบ้าง”
       
       “แต่ก็อย่างที่บอกปล่อยให้เขามีชีวิตส่วนตัวบ้าง ถ้าคุยกันทุกวันมันก็จะเหมือนเดิม มันก็จะรั้งกันไว้ แต่ก็โอเคอยู่ ดีที่มีปัญหาอะไรแล้วเราทะเลาะกัน โกรธเกลียดกัน ไม่คุยกันไปเลย อันนั้นจะยิ่งเสียใจมากกว่านี้ โอกาสกลับมาคบกันผมก็ไม่รู้ ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตครับ แต่ทุกคนในครอบครัวผมก็รักเขานะ บ้านผมรักบีทุกคนเพราะบีเขาน่ารัก แต่แม่ผมจะเป็นห่วงผมมากกว่าว่าตอนนี้ผมอยู่คนเดียว เขาก็รู้ว่าเรารักกันมาก ก็แอบเป็นห่วง”
       
       “แต่ช่วงแรกผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับเขามาก ไม่อยากให้แม่ต้องมาคอยเป็นห่วง ช่วงแรกก็อยู่กับตัวเองมากกว่า เจอเพื่อนฝูง พยายามไม่อะไรมากเพราะมันยังแค่ห่างกัน พยายามคิดว่ามันจะเป็นยังไง แต่ก็มีช่วงที่เศร้า ช่วงเสียใจ แต่ตอนนี้ดีขึ้นเมื่อเวลามันผ่านไป ได้คุยกันเข้าใจกันมากขึ้น แต่ตอนแรกที่อาจจะไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่ แต่แน่นอนมันต้องมีความรู้สึกที่เสียใจ คิดถึงกัน แต่ล่าสุดที่คุยกันก็คุยกันดี ก็เป็นกำลังใจกันเรื่องข่าว แต่นานๆ ทีถึงได้คุยกัน เราก็คุยกันเหมือนเพื่อน”
       
       “ตอนคุยกันก็ไม่ได้มานั่งเศร้าเสียใจ แต่อาจจะมีบางช่วงที่แวบเข้ามาว่าเราเคยทำอะไรด้วยกัน ไปไหนด้วยกัน แต่นี่มันก็หลายเดือนผ่านไปแล้ว มันก็เริ่มง่ายขึ้น ดีขึ้น ถ้ามีอะไรจริงๆ ก็ยังติดต่อคุยกันได้ตลอดเวลา ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกที่ดีที่จบกันได้ด้วยดี อย่างที่บอกว่าเวลามันผ่านไปแล้วก็ดีขึ้นแล้วครับ”
       
       เผย เหตุที่เลิกกันไม่เกี่ยวกับข่าวหนุ่มๆ ของ “บี” บอก ยังเชื่อเสมอว่าข่าวที่ออกมานั้นไม่มีอะไรเป็นความจริง เพราะรู้จักแฟนตัวเองดี
       
       “ไม่เกี่ยวกับข่าวเลยครับ ผมเชื่อว่าน้องเขาไม่ใช่คนอย่างนั้น อย่างเรื่องยาเสพติดเขาไม่ใช่คนที่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย คบกันมาไม่เคยมี เรารู้นิสัยเขา อย่างเรื่องมือที่สามผมก็คิดว่าเขาไม่ใช่ ผมเชื่อว่าคนที่รู้จักกับเขา ได้เห็นเขามาตั้งแต่เข้าวงการก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น อาจจะแค่เป็นเพื่อนกันรู้จักกัน แต่ผมไม่รู้ทางฝ่ายโน้นนะ เพราะผมไม่รู้จัก ผมไม่รู้ว่าเขารู้จักกันขนาดไหน แต่บีเขาก็บอก คุณแม่เขาก็บอกว่าไม่ใช่ แค่นี้ผมก็เชื่ออยู่แล้ว เพราะเรารู้จักนิสัยเขาดี”
       
       “มีอีกเรื่องที่ผมว่าแรงเกินที่ว่าขายตัว อันนี้มันก็แรงเกินไป เห็นใจเขามาก ผมว่าไม่มีใครเชื่อหรอก ตัวผมเองฟังก็ไม่ต้องมาถามไม่ต้องคิดเลย เรารู้จักคนของเราดี แต่ผมว่าลงแรงไปนิดนึง คุณแม่เขาก็ไม่หลับไม่นอน เครียดมาก โทร.มาคุยกับผม ผมก็พยายามปลอบใจเขา เพราะตอนแรกข่าวก็ไม่ได้พูดชื่อ แต่พอเขียนทุกอย่างออกมาใครๆ ก็รู้ว่าพูดถึงใคร ก็พยายามให้เขาใจเย็นๆ เอาไว้ ของมันไม่จริงซะอย่างเดี๋ยวมันก็หายไป แต่ผมเข้าใจว่าข่าวมันแรง”
       
       ปัด หันไปกิ๊กดาราสาว “หญิง พลอยปภัส ธนันตชัยกานต์” ที่เล่นละครเรื่อง “เสือสั่งฟ้า” ด้วยกัน
       “เรื่องน้องหญิงไม่ใช่ครับ ก็คงจะมีข่าวผมเรื่อยๆ ตอนนี้ เนื่องจากที่วันนี้ผมก็พูดแล้วว่าตอนนี้โสด ก็คงจะมีเรื่อยๆ แต่กับน้องหญิงเราได้ร่วมงานกันในละคร แต่ถ่ายจบไปแล้วเราก็ไม่ได้คุย ไม่ได้ติดต่อกันอีก แต่ในช่วงที่ยังถ่ายบางทีเขากับคุณแม่ก็เคยติดรถผมบ้าง แต่ไม่ใช่แค่น้องหญิงหรอก มีนักแสดงคนอื่นด้วย บางทีมีแฟนคลับผมไปด้วย คือเราเล่นละครมา 7-8 เดือนด้วยกันก็สนิทกัน เลิกพร้อมกันก็กลับด้วยกันก็ได้ แต่เรื่องข่าวถ้ามันไม่จริงซะอย่างผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง ก็ดูเอาเองแล้วกัน(หัวเราะ)”
       
       “จะกลับมาเนื้อหอมเหรอ ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ถ้ากลับมาอย่างนั้นมันก็คงเป็นอะไรที่ดีนะ(หัวเราะ) แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง แต่ผมก็คอยดูไปเรื่อยๆ ของอย่างนี้ผมก็ไม่ได้มานั่งหามันว่าต้องเป็นอย่างนี้ แต่ถ้ามันเป็นจังหวะของเราที่เราจะได้เจอคนที่จะได้คบกัน เป็นแฟนกัน มันก็คงเป็นจังหวะและดวงของเราแหละ แต่พร้อมไหมก็ไม่รู้ ต้องลองดู”
       
       “จริงๆ ผมก็ไม่เคยมีสเปคอยู่แล้วนะ ชอบคนโดยที่เจอคนที่สะดุดตา สวย น่ารักในสายตาเรา ผมไม่ได้มองว่าต้องขาว เข้ม หมวย ฝรั่ง ไม่ได้มองตรงนี้ แต่มองว่าคนนี้อะไรคือเสน่ห์ แต่ที่สำคัญคือนิสัย อย่างผมกับบีถึงเราจะห่างกัน เลิกกัน แต่ผมรู้จักนิสัยเขาดีว่าเขาเป็นคนดี เพราะฉะนั้นมีข่าวแบบนี้ผมก็เสียใจแทนเขา เพราะเขาไม่ใช่คนที่ข่าวเขียนพูดถึงเลย จริงๆ เราอ่านแล้วก็เครียดไปด้วย แต่เราก็พยายามทำให้ไม่เครียดมากเพราะเราก็อยากจะเป็นกำลังใจให้เขา แต่ถามผมก็คือผมเชื่อว่าคนที่รู้จักน้องเขา ได้เห็น พูดคุยกับเขามาตลอดก็คงเชื่อว่าเขาไม่ใช่อย่างที่ข่าวเขียนไว้”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)