กอล์ฟ พิชญะ" แถลงข่าวร้องไห้ ยอมรับว่าทำผิดที่ออกจากบ้านไปอยู่คอนโดโดยไม่ได้บอกแม่ เผย 6 เดือนที่ผ่านมารับรู้ว่าแม่เสียใจ แต่ไม่อยากใช้อารมณ์ก็เลยไม่คุยกันจนเรื่องบานปลาย ยันออกไปอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่กับ "ดิว อริศรา" และไม่อยากให้ดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้อง สัญญาต่อไปนี้จะใส่ใจครอบครัวมากขึ้น และขอให้ทุกคนดูตนเป็นตัวอย่างอย่าปล่อยให้อะไรค้างคา ด้านแม่ก็กล่าวทั้งน้ำตายอมรับเป็นคนขี้งอนทิฐิชอบเอาชนะลูก แต่ทำไปเพราะความรักและไม่เสียใจที่ให้สัมภาษณ์ต่อว่าลูก เพราะทำให้ลูกกลับมาเหมือนเดิม
หลังจากที่ "ปราศรัย นิธิไพศาลกุล" แม่ของ "กอล์ฟ พิชญะ นิธิไพศาลกุล" นักร้องดูโอค่ายแกรมมี่ ออกมาให้สัมภาษณ์กับทีวีพูลร้องห่มร้องไห้ว่า ลูกชายเก็บข้าวของออกจากบ้านไปอยู่คอนโดเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว โดยไม่มีการติดต่อกลับแม้แต่ครั้งเดียวให้เหตุผลว่าโตแล้วอยากจะดูแลตัวเอง ท่ามกลางกระแสข่าวว่ากอล์ฟไปอยู่กับ "ดิว อริศรา ทองบริสุทธิ์" แฟนสาว ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่าดิวกับแม่ของกอล์ฟไม่ค่อยจะลงลอยกันซักเท่าไหร่ ซ้ำพอแม่ของกอล์ฟบังเอิญไปเจอกับกอล์ฟกับดิวที่เซ็นทรัลชิดลม ทั้งคู่ก็ทำเป็นเมินมองไม่เห็น เล่นเอาแม่ของกอล์ฟเสียอกเสียใจ จำต้องออกมาเปิดอกแบบหมดเปลือก ชนิดภาพลักษณ์คนเป็นลูกแหลกภายในพริบตา
ล่าสุดแกรมมี่ต้นสังกัดก็เลยเป็นเจ้าภาพจัดงานแถลงข่าว เพื่อให้เรื่องทุกอย่างกระจ่างแจ้ง โดยงานนี้กอล์ฟก็ได้ออกมาแถลงข่าวร่วมกับแม่ และพ่อ "พิเชษฐ์ นิธิไพศาลกุล" ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งน้ำตา อ้างว่าที่ผ่านมาไม่ค่อยได้สื่อสารกันกับแม่ แต่ได้แจ้งพ่อเรื่องย้ายไปอยู่คอนโดเพื่อสะดวกในการทำงานแต่ไม่ได้บอกแม่ ส่วนพ่อก็บอกว่าผิดเองที่ไม่ได้บอกแม่เพราะไม่มีเวลาบอกเนื่องจากเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ด้านแม่ที่เคยออกมาดับเครื่องชน ก็บอกว่า เป็นคนขี้งอนทิฐิชอบเอาชนะลูก แต่ก็ไม่เสียใจที่ได้ให้สัมภาษณ์แบบนั้นออกไป เพราะทำให้ลูกกลับมาเหมือนเดิม
สรุปว่าต่างฝ่ายต่างยอมรับว่าตนเองผิด และกอล์ฟให้สัญญาว่าถ้าไม่ได้เรียนหรือทำงานจะกลับมาอยู่บ้าน ส่วนที่มีข่าวว่าดิวเป็นสาเหตุทำให้กอล์ฟไม่กลับบ้านกลับช่องนั้น ทางพ่อและแม่ของกอล์ฟไม่ขอพูดถึง อยากจะเคลียร์เฉพาะเรื่องของตนเองเท่านั้น
กอล์ฟ “ก็อยากบอกว่ามันเป็นความผิดของกอล์ฟด้วยส่วนนึงที่กอล์ฟไม่ได้สื่อสารกับทางคุณแม่ เหมือนที่ผ่านมาคุณแม่อาจจะเสียใจ น้อยใจ เราก็รู้ แต่สถานะ ณ ตรงนั้นเราก็ไม่กล้าเปิดเข้าไปคุยแล้วก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปคุยด้วย"
พ่อ “เนื่องจากคุณพ่อทำงานทางด้านแฟชั่น จำเป็นต้องเดินทางบ่อยไม่ค่อยได้อยู่ในประเทศไทย ที่กอล์ฟเขาย้ายไปอยู่คอนโดเนื่องจากกอล์ฟต้องมีเรียนและทำงานอยู่ใกล้ๆตึกแกรมมี่ ซึ่งหากเดินทางจากที่บ้านก็จะไกลเพราะบ้านเราอยู่ตลิ่นชัน ถ้ามีเรียนเช้ากอล์ฟต้องตื่นตั้งแต่ตี5 กว่าจะฝ่ารถติดมาถึง และในเรื่องของการทำงานเพลงเขาต้องทำงานดึกๆดื่นๆอยู่แล้ว ตรงนี้เราก็เป็นห่วง เมื่อกอล์ฟมาบอกกับพ่อว่าอยากจะออกมาอยู่คอนโด คุณพ่อก็เป็นคนพาเขามาเอง
“ขณะเดียวกันพ่อก็เข้าใจว่าเดี๋ยวจะไปบอกคุณแม่ แต่ด้วยคำว่าเดี๋ยวนี่เองจึงทำให้เรื่องราวปัญหาเกิดขึ้น พ่อจำเป็นต้องเดินทางอยู่บ่อยๆจึงไม่มีโอกาสได้บอกคุณแม่เรื่องกอล์ฟขอย้ายไปอยู่ข้างนอก จึงทำให้เรื่องราวบานปลายเกิดความเสียใจกันขึ้น ในฐานะพ่อก็ต้องยอมรับว่าเป็นส่วนนึงที่อาจจะทำไม่ถูกต้องเลยทำให้เรื่องราวบานปลายแบบนี้จริงอยู่ในครอบครัวทุกวันนี้สังคมเราต้องยอมรับว่าทุกคนต่างก็ต้องมีภาระงานหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำ พ่อเองมองว่ามันไม่ได้สำคัญมากในแง่ของผู้ชายเราก็ไม่ได้คิดอะไรตรงจุดนี้ก็เลยไม่ได้ไปแจ้งให้คุณแม่ทราบก่อน"
แม่ “เรื่องของเรื่องที่เกิดขึ้นคือคุณแม่เดินทางไปออสเตรเลียเป็นเดือน คุณพ่อมาบอกเรื่องของกอล์ฟตอนคุณแม่จะขึ้นเครื่องพอดี แล้วคุณแม่ไม่ทันตั้งตัว ความจริงแล้วเขาไม่ได้ออกจากบ้านไปต้องใช้คำว่าเขาขออนุญาตพ่อคนเดียวในการที่เขาออกไปอยู่ข้างนอก โดยที่แม่ไม่ได้รับรู้”
พ่อ “คือพ่อเพิ่งมานึกได้ตอนที่แม่จะไปออสเตรเลีย ไหนๆเดี๋ยวจะลืมกันอีกก็บอกเขาซะเลยว่าแม่พอดีกอล์ฟเขาจะขอออกไปอยู่ข้างนอกนะ แล้วเขาก็รีบขึ้นเครื่องด้วย”
แม่ “ด้วยความที่พ่อเองเขาอาจจะกลัวแม่คิดมาก แม่เองค่อนข้างที่จะสนิทกับกอล์ฟ ก็รักเขามาก ทำให้เราไม่ได้ถามเหตุผลอะไรทั้งสิ้น วันนั้นคุณพ่อมาบอกตรงประตูทางออก ต้องบอกตามตรงว่าวินาทีนั้นโกรธ น้อยใจ รู้สึกแย่ (กอล์ฟร่ำไห้)คืออย่างน้อยน่าจะมีการคุยกันก่อนหน้านั้น เลยกลายเป็นว่าตอนนั้นเราโกรธลูก ไม่อยากจะคุยกับลูก พอเขาออกไปแล้ว ด้วยความที่เราโกรธเราก็ไม่อยากจะถามอะไรแล้ว ก็เลยเลือกที่จะไม่คุยดีกว่าปล่อยให้มันคาราคาซังไปตอนนี้ประมาณ6เดือน แล้วด้วยนิสัยแม่เป็นคนที่ขี้งอน ชอบเอาชนะลูก กอล์ฟจะรู้ว่าแม่เป็นยังไง แล้วกอล์ฟจะกลัวแม่มาก แม่จะเป็นคนที่ค่อนข้างจะดุลูกนิดนึง”
พ่อ “ระหว่างที่กอล์ฟออกมาเขาก็รู้ว่าคุณแม่โกรธเขาก็เลยไม่กล้าที่จะเข้าไป พ่อก็บอกกอล์ฟว่าใจเย็นนิดนึงให้เวลามันผ่านไปอีกหน่อย แต่อย่างที่บอกว่าพ่อทำงานบินไปบินมาตลอด สุดท้ายกว่าจะรู้ตัวอีกทีเวลามันก็เลยมาถึง6เดือนแล้ว ระหว่าง6เดือนกอล์ฟเองเขาก็พูดตลอดว่าอยากจะไปคุยกับแม่นะ แต่พ่อก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกกอล์ฟใจเย็นๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพ่อเดี๋ยวพ่อจะจัดการคุยกับแม่ให้เอง สิ่งนึงคือเราไม่อยากให้ลูกเสียใจและไปกระทบกับงานของเขาเพราะแม่เขาจะเข้มงวดกับลูกมาก”
“ เราก็บอกแต่ว่าตั้งใจทำงานให้ดีเถอะ เพราะระยะเวลาที่มีมันสั้นแล้วอัลบั้มใหม่เป็นอัลบั้มที่เขาจะต้องดำเนินการทำอะไรด้วยตัวของเขาเองเกือบจะทั้งหมด ซึ่งปกติเด็กที่ไม่เคยทำงานในลักษณะนี้มาก่อนเป็นอะไรที่ยากและโหดร้ายมาก “กอล์ฟเองเป็นเด็กที่ตั้งใจทำงานมาก บางทีพ่อกลับมาบ้านตี2-3ก็ยังเห็นเขานั่งทำงาน พ่อก็จะบอกว่าแล้วจะเหลือเวลาได้พักผ่อนกี่ชั่วโมง พ่อก็เลยบอกให้เขาตั้งใจทำงานไปดีกว่าเดี๋ยวทางนี้พ่อจะเคลียร์กับแม่ให้ ตลอดเวลา6เดือนเขาโทรคุยกับพ่อตลอดเวลาว่าเขารู้สึกเสียใจ เขาจะทำยังไงดี พ่อก็บอกว่าพ่อเขาใจเดี๋ยวรอให้เขากลับมาก่อน”
กอล์ฟ “คือถ้ามีการพูดคุยกันมันก็จะมีอารมณ์เกิดขึ้น เหมือนงอนๆกัน แต่ตลอดระยะเวลาที่กอล์ฟอยู่ข้างนอกกอล์ฟก็ติดต่อกับพ่อตลอด ถามถึงแม่ว่าเป็นยังไงบ้างหายโกรธรึยัง จริงๆก่อนที่แม่จะบินไปออสเตรเลียกอล์ฟก็ส่งแมสเมสไปหาแม่นะครับ”
ทำไมกอล์ฟถึงเลือกไม่คุยกับแม่ให้จบ?
กอล์ฟ “อย่างที่บอกคือบางทีแม่เป็นคนที่ขี้งอน กอล์ฟเองก็มีจุดตรงนั้นเหมือนกัน เวลาคุยกันมันก็จะใช้อารมณ์ กอล์ฟก็เลยคิดว่ารอให้เวลาผ่านไปก่อน หลังจากที่เวลาผ่านไปแล้วกอล์ฟคิดว่ามันน่าจะมีอะไรดีขึ้นกอล์ฟก็เลยส่งแมสเสจไปหาแม่ว่ากอล์ฟขอโทษถ้าที่ผ่านมาทำให้รู้สึกไม่ดี เมื่อวาน(21 เมษายน) เราก็ได้เคลียร์กันแล้ว ก็อยากจะบอกแม่ว่ากอล์ฟขอโทษอะไรที่ทำให้แม่รู้สึกไม่ดี ทำให้แม่เสียใจ กอล์ฟเองก็ไม่ได้รู้สึกดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา”
แม่ “ตัวแม่ก็เคลียร์กับกอล์ฟไปแล้วที่บ้าน ด้วยความที่เราเป็นแม่เรารักเขามาก แต่พอเรารู้สึกเสียใจเราก็เลยเสียใจมาก ความเสียใจมันก็เลยมากเท่ากับรักเขา จริงๆแต่ก่อนแม่สนิทกับกอล์ฟมาก กอล์ฟเป็นเด็กดีเป็นเด็กขี้เล่น แต่พอ…”
ดิวเป็นสาเหตุรึเปล่าทำให้สัมพันธ์แม่ลูกต้องห่างกัน?
กอล์ฟ “กอล์ฟว่าอย่าไปพูดถึงเรื่องคนอื่นเลยครับ จริงๆแล้วมันคงจะเป็นที่กอล์ฟเองที่กอล์ฟไม่สื่อสารแล้วกอล์ฟเองก็ไม่กล้าพอที่จะเผชิญโดยการเข้าไปเคลียร์กับแม่ให้จบ อาจจะด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากอล์ฟมีงานต้องทำด้วย บางครั้งพอเราโฟกัสเรื่องของงานเพลงมากเกินไปเลยทำให้เรื่องที่จะเคลียร์กับแม่หลุดไป ทุกอย่างทั้งหมดทั้งมวลมันเป็นที่ตัวกอล์ฟเองที่กอล์ฟไม่กล้าเขามาเคลียร์กับแม่”
แม่ “แม่ขอตอบในเรื่องของลูกแม่แล้วกันค่ะ แม่มีปัญหากับลูกแม่เองแม่ก็เลยอยากจะเคลียร์เฉพาะในครอบครัวเรา”
พ่อ “จริงๆวันนี้เราพ่อแม่ลูกได้สื่อสารกันแล้ว เราได้คุยกันในครอบครัวอย่างเข้าใจแล้วว่าเกิดจากการสื่อสาร คุณพ่อเองเป็นส่วนนึงซึ่งพ่อยอมรับว่าพ่อทำงานจนลืมนึกถึงสิ่งที่จะเกิดปัญหาขึ้นในครอบครัว พ่อยอมรับว่าพ่อเองก็มีส่วนผิดในเรื่องตรงนี้ด้วย”
กอล์ฟ “กอล์ฟว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับตัวกอล์ฟเอง ถ้ากอล์ฟเคลียร์กับแม่เร็วกว่านี้ทุกอย่างคงลงเอยด้วยดี พอเกิดเรื่องกอล์ฟเองก็คุยกับดิวครับ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเองก็อยากให้เคลียร์กันอยู่แล้ว กอล์ฟเองไม่”
แม่ “หลังจากเคลียร์กันแล้วเราตกลงกันไว้ว่า วันไหนที่เขาไม่มีเรียนก็ให้กลับบ้าน”
พ่อ “ตอนนี้พ่อก็พยายามจัดเวลาให้ครอบครัวมากขึ้นเพื่อให้ลูกๆทุกคนมีเวลามารวมตัวกัน อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งเรามาทานข้าวกันสักมื้อนึง พ่อว่าอันนี้น่าจะทำให้ครอบครัวเราอบอุ่นขึ้น”
แม่เสียใจไหมกับการที่ออกเปิดเผยเรื่องราวจนทำให้มันบานปลาย?
แม่ “ไม่มีแม่คนไหนอยากทำร้ายลูกหรอก เรารักเขาแล้วเราเสียใจมาก เราก็แค่อยากให้เขารู้ว่าเราเสียใจ พอดีสื่อมาสัมภาษณ์เราก็เลยอยากให้เขารับรู้เท่านั้นเอง เพราะตัวแม่เองก็เป็นคนที่มีอีโก้สูงเหมือนกอล์ฟ ถ้าลูกไม่คุยแม่ก็จะไม่คุยก่อนลูกเองเขาก็จะรู้ดีว่าเราต่างคนต่างดื้อ เรารู้สึกว่าเขาจะต้องทำตามที่เราต้องการได้บ้างในบางครั้ง แต่กรณีนี้มันเป็นความรู้สึกเสียใจมากกว่า เหมือนเราเองก็ตั้งตัวไม่ติด”
“พอเรื่องราวมันบานปลายถามว่าเสียใจไหมมันก็คงต้องเสียใจแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ลูกเข้าใจ แล้วครอบครัวเราก็กลับมาเหมือนเดิม พูดถึงถ้าแลกมันก็คุ้มที่เราแม่ลูกได้กลับมาคุยกันเหมือนเดิมแม่ว่ามันก็คุ้มกับสิ่งที่ทำ แต่กอล์ฟก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดี เพียงแต่บางสิ่งบางอย่างเรามองกันคนละมุม แล้วเราเองก็มีทิฐิกัน แล้วด้วยพ่อก็แปลผิดไปไงค่ะคิดว่ามันอาจจะไม่สำคัญ เพราะการที่กอล์ฟออกไปอยู่ข้างนอกเขาไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดี”
พ่อ “คิดว่าเรื่องนี้คงจะเป็นอุทาหรณ์ว่าไม่ใช่เราในครอบครัวจะมีความคิดยังไงแล้วจะต้องเป็นไปตามนั้น แม่ก็ต้องยอมรับในความคิดของลูก ลูกเองก็ต้องยอมรับในความคิดของแม่ แล้วถ้ามีอะไรขัดแย้งก็คิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือคนในครอบครัวหันหน้าคุยกัน ทุกอย่างมีทางออกมีทางแก้ไขได้
เหตุการณ์นี้ก็เป็นอุทาหรณ์ให้กับตัวพ่อเหมือนกันว่าถึงแม้จะมีงานเยอะขนาดไหนเราก็จะต้องให้เวลา และใส่ใจกับเรื่องราวรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในครอบครัว ต้องยอมรับผิดจริงๆครับว่าในเรื่องงานเราอาจจะแม่นทุกอย่าง แต่เรากลับละเลยรายละเอียดเรื่องของครอบครัวไปจนสุดท้ายพอเกิดเรื่องขึ้นถึงรู้ว่ามันไม่ได้นะ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆเราคนในครอบครัวควรจะหันหน้าเข้ามาคุยมาปรับจูนกันอย่างรวดเร็ว”
นอกจากอยากให้กอล์ฟกลับบ้านแล้วอยากได้อะไรจากกอล์ฟอีก?
แม่ “แม่ก็มีแต่ความหวังดีให้ลูก สิ่งที่อยากได้ก็อยากให้เขามีอนาคตที่ดี”
พ่อ “ให้เขาตั้งใจทำงานในสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของเขา ขอให้เขาเป็นคนที่ดีเป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชน นี่คือสิ่งที่เราคิดว่าสำคัญ”
กอล์ฟ “หลังจากนี้ก็อยากจะทำให้ดีที่สุด เราอาจจะทำงานหนักไปด้วยจนละเลยจุดนี้ไปต่อไปก็ควรใส่ใจเรื่องตรงนี้ให้มากขึ้นเวลามีปัญหาคับข้องใจก็คุยกัน อย่าปล่อยให้เรื่องในครอบครัวค้างคา เพราะพอมันยาวเราอาจจะลืม”
มีข่าวทะเลาะกับไมค์จนต้องแยกกันทำงาน?
กอล์ฟ “เรื่องไมค์ไม่มีอะไรเกี่ยวกับตรงนี้เลย อย่างกอล์ฟกับไมค์เราทำโปรเจ็กต์แยกเพราะเป็นความต้องการของทางบริษัท แต่เดี๋ยวยังไงก็ต้องกลับมาทำคู่กันอยู่แล้ว ทางทีมงานก็อยากให้เราเก่งขึ้นด้วย ไม่เกี่ยวกับเรื่องทะเลาะกันในครอบครัวไม่ใช่ครับ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม อย่างช่วงที่มีปัญหากับแม่เราก็เจอกันตามงาน เจอที่ตึกแกรมมี่บ้างก็คุยกันปกติ แต่ไม่ได้ปรึกษาอะไรมากมายกอล์ฟเองก็ไม่อยากเอาไมค์เข้ามาเกี่ยวข้องให้เขาคิดมากไปด้วย ส่วนมากกอล์ฟจะคุยกับพ่อไม่ก็พี่แซน”
พ่อ “แต่อย่างว่าครับเราเองก็เป็นปุตุชนธรรมดาคงไม่มีพี่น้องครอบครัวไหนที่ไม่มีการถกเถียงกัน แต่นั่นก็เป็นในส่วนของงานเท่านั้นเอง”
ที่มา: manager.co.th