สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ซีอีโอแอปเปิลกับ iPhone ล่าสุดนักวิจัยพบว่าแอปเปิลออกแบบให้ไอโฟนบันทึกพิกัดตำแหน่งการใช้งานของเจ้าเครื่อง ซึ่งยังไม่มีการยืนยันว่ามีผลในไอโฟนทุกรุ่นหรือไม่
นักวิจัยด้านความปลอดภัยของอังกฤษพบว่าสมาร์ทโฟนยอดฮิตของแอปเปิลอย่างไอโฟน (iPhone) นั้นติดตามเก็บข้อมูลว่าเจ้าของเครื่องเดินทางไปที่ไหนบ้าง โดยจะบันทึกข้อมูลลงในเครื่องก่อนจะอัปโหลดอัตโนมัติลงในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เมื่อโทรศัพท์ถูกเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ผ่านโปรแกรมไอจูนส์ (iTune) เบื้องต้นพบข้อมูลที่ถูกเก็บประกอบด้วยพิกัดเส้นรุ้ง-เส้นแวงของตำแหน่งใช้งานเครื่อง พร้อมด้วยวันเวลาโดยประมาณ ทั้งหมดถูกซ่อนไว้ในไฟล์ลับซึ่งยังไม่ได้รับการปกป้องที่รัดกุมพอ
Pete Warden นักวิจัยชาวอังกฤษให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ว่า การกระทำของแอปเปิลครั้งนี้ทำให้เจ้าของไอโฟนมีโอกาสถูกสอดแนม ซึ่งในทางทฤษฎี ข้อมูลความเคลื่อนไหวของผู้ใช้ไอโฟนที่ถูกเก็บไว้ในเครื่องนั้นสามารถนำไปเป็นข้อมูลชั้นยอดให้กับทั้งสามีภรรยาที่ระแวงกันอยู่ พ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากรู้ความเป็นไปของบุตรหลาน ไม่เว้นนักโฆษณาที่ต้องการสอดแนมพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อนำเสนอโฆษณาที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายให้ตรงเป้าที่สุด
รายงานย้ำว่า ข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกส่งไปที่แอปเปิลหรือบริษัทรายอื่น (third party) แต่จะถูกเก็บไว้บนอุปกรณ์ส่วนตัวของเจ้าของไอโฟนเท่านั้น โดยเก็บข้อมูลต่อเนื่องนานเป็นเดือนปี จุดนี้เองที่ทำให้เจ้าของเครื่องมีโอกาสถูกสอดแนมมาก หากมีบุคคลอื่นสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของเจ้าของไอโฟน
Warden และเพื่อนนักวิจัย Alasdair Allan ระบุว่าได้พยายามค้นหาชุดคำสั่งติดตามพิกัดการใช้งานลักษณะนี้ในสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) แต่กลับไม่พบข้อมูลใดๆ เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนจากผู้ผลิตอื่นที่ไม่ใช่แอปเปิล ก็ไม่พบการเก็บข้อมูลลักษณะนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สื่อต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า กูเกิล ผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้นวางนโยบายการเก็บพิกัดที่อยู่สมาร์ทโฟนของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้ยืดหยุ่นกว่า โดยในแอปพลิเคชัน Latitude ซึ่งจะทำให้กลุ่มเพื่อนฝูงสามารถเห็นตำแหน่งที่อยู่ของอีกฝ่ายได้บนแผนที่นั้น ผู้ใช้จะสามารถเลือกได้เองว่าต้องการให้ระบบติดตามเก็บข้อมูลพิกัดหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ ยังไม่มีคำชี้แจงใดๆจากแอปเปิลว่าไฟล์พิกัดลับเหล่านี้ถูกสร้างมาเพื่ออะไร หรือจะมีทางใดที่ให้ผู้บริโภคเลือก"ไม่เก็บ"ข้อมูลพิกัดเหล่านี้หรือไม่ เนื่องจากการวิจัยพบว่า หากผู้ใช้ไอโฟนเปลี่ยนไปใช้ไอโฟนรุ่นใหม่ ไฟล์นี้ก็จะถูกส่งต่อไปยังไอโฟนเครื่องใหม่อยู่ดี ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ช่วยยืนยันว่า การเก็บข้อมูลเหล่านี้เป็นเรื่องที่แอปเปิลตั้งใจ ไม่ใช่อุบัติเหตุพลั้งเผลอแต่อย่างใด
Warden นั้นมีดีกรีเป็นอดีตพนักงานของแอปเปิล โดยขณะนี้ Allan นั้นลงมือสร้างแอปพลิเคชันขึ้นมาเพื่อให้สาธารณชนร่วมวิจัยและตามแกะรอยไฟล์ข้อมูลพิกัดลับอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยทั้ง 2 ได้สร้างเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่แอปพลิเคชันของ Allan ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจหาไฟล์ข้อมูลพิกัดเหล่านี้และกำหนดจุดไว้บนแผนที่ ยังไม่พบการใช้ประโยชน์ด้านการพาณิชย์ที่ชัดเจนในขณะนี้
นักวิจัยยังบอกด้วยว่า ข้อมูลพิกัดเหล่านี้คำนวณจากเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเป็นวิธีการที่สิ้นเปลืองพลังงานน้อยกว่าการระบบพิกัดผ่านดาวเทียมหรือ GPS แต่มีความแม่นยำน้อยกว่า โดยขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าข้อมูลพิกัดเหล่านี้ถูกเก็บไว้เพื่ออะไร สิ่งเดียวที่ชัดเจนคือการไม่มีทางหลีกเลี่ยงการเก็บข้อมูลพิกัดเหล่านี้ได้เลย
จุดนี้นักวิจัยระบุว่าแม้จะสามารถเข้ารหัสไฟล์เพื่อให้ป้องกันผู้ไม่ประสงค์ดีตามแกะรอยข้อมูลได้ แต่เป็นเป็นการป้องกันชั่วคราวที่ทำให้การแกะรอยทำได้ยากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการมีตัวไฟล์พิกัดอยู่นั้นก็ยังเป็นช่องโหว่ที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งหมดนี้สาวกแอปเปิลได้แต่หวังว่าแอปเปิลจะออกมาชี้แจงในอนาคต ซึ่งทุกคนควรระวังเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียที่ไม่คาดคิดในอนาคต
รายงานการค้นพบของนักวิจัยอังกฤษนี้เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับการประกาศความสำเร็จของแอปเปิล โดยแอปเปิลระบุว่าตลอดเดือนมกราคม-มีนาคม (ไตรมาสที่ 2 ปีการเงิน 2011 ของแอปเปิล) แอปเปิลสามารถกำไรสุทธิ 5.99 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.79 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 3.07 พันล้านเหรียญเท่านั้น โดยยอดขายรวมทั้งไตรมาสคือ 2.467 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 7.4 แสนล้านบาท)
เฉพาะไอโฟน แอปเปิลระบุว่าสามารถจำหน่ายได้ 18.65 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 113% จากไตรมาสเดียวกันในปี 2010 โดยยอดขายในสหรัฐฯนั้นเติบโต 155% เพราะการวางจำหน่ายผ่านเครือข่ายของ Verizon ขณะที่ตลาดจีน สามารถทำยอดขายไอโฟนเพิ่มขึ้นถึง 250%
สำหรับไอแพด (iPad) แท็บเล็ตยอดฮิตของแอปเปิลสามารถจำหน่ายได้ 4.69 ล้านเครื่องตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา (ไม่มีการแบ่งยอดขายตามรุ่น) ขณะที่ไอพ็อด (iPod) เครื่องเล่นมัลติมีเดียพกพาสามารถจำหน่ายได้ 9.20 ล้านเครื่อง ลดลง 17% จากปี 2010
Company Related Link :
Apple
ที่มา: manager.co.th