นายพอล มาริทซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท วีเอ็มแวร์
วีเอ็มแวร์ จับมือยักษ์ใหญ่ สิงเทล เปิดบริการ Power ON Compute โซลูชั่นคลาวด์แบบออนดีมานด์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นแห่งแรก เพิ่มทางเลือกในการก้าวสู่โลกของคลาวด์ มั่นใจความต้องการมีสูง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายถึง 73%
นายพอล มาริทซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท วีเอ็มแวร์ กล่าวว่าการลงทุนด้านไอทีขององค์กรธุรกิจ ส่วนใหญ่หมดไปกับเรื่องของการดูแลโครงสร้างพื้นฐานถึง 42% ขณะที่การลงทุนทางฮาร์ดแวร์มีพียง 5% ที่เหลืออีก 23% เป็น การลงทุนทางด้านแอปพลิเคชัน และอีก 30% เป็นเรื่องของการลงทุนทางด้านดูแลรักษาแอปฯต่างจากในอดีตที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ จึงเป็นโอกาสดีที่องค์กรเหล่านั้น หันมาใช้คลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อเปลี่ยนโมเดลระบบไอทีที่แตกต่างออกไป ตั้งแต่เรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน แอปฯ แม้กระทั่งการให้บริการกับผู้ใช้ปลายทาง ซึ่งเวอร์ชัวรไลเซชันถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวไปสู่โลกของคลาวด์ และเพื่อให้เป็นการง่ายที่จะช่วยให้องค์กรตัดสินใจก้าวสู่โลกของคลาวด์แต่ยังต้องการบริการจัดการระบบไอทีของตนเองอยู่ในรูปแบบเดิม
วีเอ็มแวร์จึงได้เสนอโซลูชั่นการประมวลผลไฮบริด คลาวด์ (Hybrid Cloud) ระดับองค์กรขึ้นมา ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถอัปเกรดทรัพยากรไอที โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากหรือรับมือกับปัญหาความยุ่งยากซับซ้อนในการจัดซื้อและจัดการเซิร์ฟเวอร์และระบบต่างๆ เพิ่มเติม โดยวีเอ็มแวร์ได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอย่าง สิงเทล เปิดให้บริการที่ไฮบริด คลาวด์เป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้ชื่อบริการ Power ON Compute หมายถึง องค์กรที่ใช้บริการ Power ON Compute จะสามารถขยายทรัพยากรของโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์แบบส่วนตัวที่มีอยู่ไปสู่ระบบคลาวด์สาธารณะได้ทันที ไม่ต้องวุ่นวายกับการติดตั้งและเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์แอปฯแต่ประการใด ทำให้องค์กรธุรกิจจะสามารถใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้านี้ ควบคู่ไปกับการใช้ทรัพยากรคลาวด์คอมพิวติ้งแบบออนดีมานด์บนระบบสาธารณะโดยเสียค่าใช้จ่ายตามปริมาณการใช้งานจริง ทำให้เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยความสามารถในการจัดสรรทรัพยากรไอทีได้ทันทีภายในเวลาไม่กี่นาที แทนที่จะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการติดตั้ง นอกจากนี้ยังสามารถเปิดใช้งานได้ในแบบเรียลไทม์บนระบบควบคุมที่ครบวงจรผ่านทางพอร์ทัลออนไลน์ที่ใช้งานง่าย
วีเอ็มแวร์และสิงเทลต่างมีมุมมองที่สอดคล้องกันว่า สภาพแวดล้อมคลาวด์จะต้องได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อให้สอดรับกับความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละองค์กร ซึ่งขัดกับความเชื่อทั่วไปของอุตสาหกรรมไอทีที่ว่า ทุกองค์กรต้องการระบบคลาวด์ที่เหมือนกัน ขณะที่ยังช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรไอทีที่มีอยู่เดิม
“การโยกย้ายไปสู่ระบบคลาวด์ควรจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงทั้งระบบในคราวเดียวกัน และควรจะเปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ ได้ใช้งานทรัพยากรทั้งภายในและภายนอกองค์กรได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัยอีกด้วย”
นายบิล ชาง รองประธานบริหารกลุ่มธุรกิจ บริษัท สิงเทล กล่าวว่า สิงเทลทำงานร่วมกับวีเอ็มแวร์ในการพัฒนาบริการใหม่ Power ON Compute เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ ในภูมิภาคนี้สามารถเปิดใช้งานทรัพยากรประมวลผลได้อย่างง่ายดายเหมือนกับการ เปิดก๊อกน้ำประปา ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเปลี่ยนย้ายการดำเนินงานไปสู่ระบบไฮบริดคลาวด์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัย การควบคุมประสิทธิภาพ และลูกค้าจะเสียค่าใช้จ่ายตามปริมาณการใช้งานจริงสำหรับทรัพยากรไอที
'ด้วยเทคโนโลยีของสิงเทล ผนึกประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานของวีเอ็มแวร์ VMware vCloud Datacenter Services ที่นำเสนอโครงสร้างพื้นฐานคลาวคอมพิวติ้งแบบไฮบริด ประสิทธิภาพทางด้านเน็ตเวิร์กของซิสโก้ และสตอเรจของอีเอ็มซี ทำให้ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นองค์กรระดับเอนเตอร์ไพรซ์ หรือเอสเอ็มอีที่เชื่อว่าจะมีการใช้งานถึง 120,000 รายช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ โดยสามารถโฟกัสที่กิจกรรมหลักๆ ทางด้านธุรกิจแทนและลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 73%'
นอกจากนั้น เครือข่ายไอพีระหว่างประเทศของสิงเทลจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใช้แอปฯและบริการต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น โดยครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
“ระบบไฮบริดคลาวด์ ช่วยให้ลูกค้ามีอิสระในการเลือกใช้เทคโนโลยี โดยจะสามารถลากและปล่อยแอปฯระหว่างระบบคลาวด์หลายๆ ระบบ และจัดส่งแอปฯดังกล่าวไปยังอุปกรณ์ประมวลผลทุกประเภทได้ทุกที่ทุกเวลา”
Company Related Link :
VM Ware
ที่มา: manager.co.th