“ซี ศิวัฒน์” เผย “เอมี่” มีความผิดปกติที่ปากมดลูก หมอแนะนำมีลูกถึงจะหาย เจ้าตัวเตรียมบวชต้นปีหน้าแล้วค่อยเบียด แต่จริงๆ แล้วอยากอยู่ก่อนแต่งเพราะโตแล้วมีปัญญาหาเงินได้เองแล้ว และก็มั่นใจในตัวเอมี่ แต่คงขัดประเพณีไม่ได้
เป็นคู่รักคู่หวานที่หลายคนลุ้นว่าเมื่อไหร่จะมีข่าวดีกันเสียที สำหรับพระเอกหนุ่มแห่งวิก 7 สี “ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์” และนางเอกสาวหน้าหวาน “เอมี่ กลิ่นประทุม” ที่คบหาดูใจกันมาถึง 5 ปีแล้ว แถมฝ่ายชายเองก็เคยลั่นวาจาไว้แล้วว่า อีก 2 ปีจะแต่งงานแน่นอน งานนี้เจ้าตัวบอกแต่งแน่แต่ขอบวชทดแทนคุณให้กับบิดามารดาเสียก่อน
“เรื่องสุขภาพของเอมี่ผมก็กังวลเหมือนกันแบบว่าเซลล์ที่ปากมดลูกเขาผิดปกติ ถ้าถึงขั้นที่ไปตัดส่วนนั้นออกมันก็จะมีลูกค่อนข้างยาก เราก็ต้องดูแลเขาให้ดี อย่างทุกวันนี้ผมก็ต้องพาเอมี่ไปหาหมอทุก 3 เดือนอยู่แล้ว หมอเขาแนะนำอยู่แล้ว เพราะล่าสุดก็พาไปหาหมอ หมอบอกว่ายังไม่ต้องเครียด”
“คือตอนนี้ผมรู้เรื่องมดลูกเยอะมากครับ(หัวเราะ) ถามผมได้ใครมีปัญหาเรื่องมดลูกรู้ทุกเรื่องเลยรู้หมด อ่านหนังสือเอาด้วยตั้งแต่ที่ทราบมี่มีความผิดปกติเกี่ยวกับมดลูก ผมก็เริ่มศึกษามามันเกิดจากอะไรมีแก้ไขยังไง รักษายังไง เพราะมันอาจจะกลายเป็นมะเร็งได้ ซึ่งมะเร็งมันจะบอกก็ต่อเมื่อคนจะตายแล้ว”
“คือหมอเขาก็บอกว่าถ้าแต่งงานแล้วมีลูกเลยมันจะแก้อาการป่วยได้ แต่ตัวผมไม่อยากมีลูกเลย ผมอยากจะใช้ชีวิตกับเขาไปก่อนซัก 2 ปีอย่างนี้มันจะได้มีเวลาให้กับเราสองคนได้ไปเที่ยวกัน”
“แต่ก่อนจะแต่งผมอยากจะบวชก่อน คือผมตั้งใจจะบวชนานแล้ว และตั้งใจว่าจะบวชปีนี้แต่เพราะว่ารายการมันเยอะ มันยังไม่เข้าที่ต้องทำไปก่อน ตอนแรกตั้งใจจะเป็นปลายปีนี้ แต่ว่าปลายปีนี้คงไม่ได้แน่เพราะว่ามันวุ่นวายมาก ละคร 2 เรื่องด้วย ต้นปีหน้าละกัน”
“คือเอมี่เขาก็แล้วแต่เราครับ เขาไม่มีปากมีเสียงไรมากก็พูดอยู่บ้างว่าจะบวชเมื่อไหร่ คือมันไม่ใช่เป็นการถกเถียงแต่มันเป็นการแคร์กันมากกว่า แล้วเวลาบอกไปผมทำไม่ได้มันก็ไม่ดีกับตัวผมเขาก็ต้องเป็นห่วง คือการแต่งงานมันต้องตามความจริงครับ ผมพูดไปความพร้อมไม่ได้อยู่ที่คำพูด ความพร้อมมันอยู่ที่ตัวเรา ผมต้องพร้อมจริง คือถ้าผมแต่งกับเขา ผมก็คงต้องดูแลเขาให้ดีกว่านี้ แล้วผมมั่นใจว่าผมดูแลเขาได้คือผมพร้อมทุกอย่างแล้วจริงๆ เขาไม่ต้องทำอะไรแล้วแต่ถ้าเขาอยากทำก็ไม่ได้ว่าไรนะ”
“เรื่องที่ผมบอกว่าอีก 2 ปีจะแต่งเอมี่ทำให้ผมค่อนข้างกดดันมาก เพราะผมเป็นคนพูด ผมไม่กลัวด้วยว่าเราจะต้องเลิกกัน เรื่องอาถรรพ์ 7 ปีผมก็ไม่กลัว ซึ่งไม่แน่นะผมอาจจะอยู่ก่อนแต่ง มันคือชีวิตของเราไง ผมบอกว่าทุกวันนี้ผมว่ามันก็โตเพียงพอแล้ว ผมมีความรู้สึกว่าผมเป็นเยาวชนที่ดี ผมเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่และตอนนี้ผมก็มีปัญญาหาเงินได้เอง ผมว่านะตัวผมชอบอยู่ก่อนแต่งคืออันนี้ผมคิดด้วยตัวผมยังไม่ได้ไปคุยกับครอบครัวเขา”
“เพราะยังไงถ้าสมมุติว่าผมจะอยู่ก่อนแต่งกับเอมี่ ผมก็ต้องเชื่อแล้วว่าคนนี้แหละที่ผมจะแต่งงานด้วย ยังไงก็ใช่ไม่เป็นอื่นแน่นอน แต่ความคิดที่จะอยู่ก่อนแต่งสำหรับตัวผม ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นสิ่งถูกต้องเพราะประเทศไทยมีขนบธรรมเนียมประเพณีผู้หญิงมีแม่ก็ต้องไปขอ และเราจะต้องอยู่ด้วยกันและต้องมั่นใจในตัวของผู้หญิงคนนั้น”
“การแต่งงานมันคือความฝันในชีวิตของผู้หญิง แต่ผมว่าการแต่งงานมันเปลืองตังค์นะ แต่ผมไม่ได้งกคือเอาตังค์ไปทำอย่างอื่นดีกว่าอย่างเค้กบ้าอะไรก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร แต่ถ้าจะให้ผมจัดให้เกียรติกับทางผู้หญิงผมก็สามารถจัดให้ได้เต็มที่อยู่แล้วเพื่อคนที่ผมรักอยากจะมีไอ้เค้ก 9 ชั้น 7 ชั้นก็เอา แต่ที่ผมพูดมานี่คือความเห็นของผม”
“ผมเองอยากแต่งแบบเรียบง่าย งานอาจจะแบบสไตล์ยุโรปนิดๆ ประมาณว่าแต่งในสวน ทุกคนแต่งชุดสบายๆ ไม่ต้องมีพิธีการมาก เรื่องซองผมไม่เอาเลยก็ได้นะอันนี้ผมไม่ซีเรียส แต่งหรูๆ อาจจะแต่งมานั่งเครียดว่าจะได้ทุนคืนไหม 6 ล้านนะวันนี้กูลงทุนไป 6 ล้านบาท แขกจะมาเยอะไหม จะใส่ซองให้คนละเท่าไหร่ (หัวเราะ) คือถ้าแต่งเรียบๆ ง่ายๆ ก็โอเคแล้วไม่ต้องมานั่งเครียด”
“ผมไม่มัดมือชกแบบพี่ป๋อ(ณัฐวุฒิ สกิดใจ)หรอก ผมคงไม่แต่งธีมงานวัด ไอ้พวกบ้านๆ อย่างนั้นแหละเด็กบ้านนอก อย่างเราเด็กเกาะเอาแบบนั่งเครื่องไปลงเกาะเลย (หัวเราะ)คอยดูนะธีมงานเขาเป็นงานวัด ผมจะกางเกงนักเรียนขาสั้นไปงานเลย (หัวเราะ)”
ที่มา: manager.co.th