หลังจากเว้นวรรคทำตลาด โน้ตบุ๊กในเมืองไทยมา 3-4 ปี ล่าสุด บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด หยิบโปรดักต์โน้ตบุ๊ก มาปัดฝุ่น เพื่อกลับคืนสังเวียนอีกครั้ง เพื่อเติมเต็มกลุ่มสินค้าไอทีของซัมซุง และจะเป็นสินค้าเรือธงใหม่ที่ซัมซุงต้องการจะปลุกปั้นให้กลับมาผงาด ท่ามกลางการแข่งขันที่ร้อนแรงของตลาดโน้ตบุ๊กในปัจจุบัน
โดยคาดหวังว่าจะเป็นตัวผลักดันยอดขายสินค้ากลุ่มไอทีของซัมซุงให้มีการเติบโตถึง 35% จากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 3,500 ล้านบาท
ปัจจุบันกลุ่มสินค้าไอทีของซัมซุงนั้นมี ทั้งสิ้น 11 หมวด จึงไม่ใช่เรื่องง่ายในการบริหารจัดการสินค้าที่มีความหลากหลาย บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด จะมีทิศทางอย่างไรต่อการขับเคลื่อนธุรกิจไอที "บุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ" ในฐานะหัวหน้ากลุ่มธุรกิจไอทีมีคำตอบ
- ทำไมถึงกลับมาทำตลาดโน้ตบุ๊กอีกครั้ง
ซัมซุงกลับมาทำตลาดโน้ตบุ๊กอีกครั้ง เพราะหากดูสินค้ากลุ่มไอทีซัมซุงมีทั้งสิ้น 10 หมวด มีครบเกือบทุกอย่างแล้ว เช่น จอมอนิเตอร์ พรินเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ แต่กลับไม่มีตัวกลางในการเชื่อมต่อ คือ โน้ตบุ๊กและพีซีตั้งโต๊ะ การทำตลาดโน้ตบุ๊กครั้งนี้จะเข้ามาเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของซัมซุงให้ครบมากยิ่งขึ้น ลักษณะเป็นโทเทิลโซลูชั่น ตอบสนองลูกค้าแบบครบวงจรและสามารถคอนเวอร์เจนซ์ได้
ประกอบกับภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กในไทยมีขนาดใหญ่ขึ้น ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเครื่อง และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ซัมซุงตัดสินใจนำโน้ตบุ๊กเข้ามาทำตลาด เพื่อช่วยขยายตลาดของซัมซุงให้ใหญ่ขึ้น
นอกจากนี้โน้ตบุ๊กของซัมซุง 60-70% เป็นชิ้นส่วนที่ซัมซุงผลิตเอง และบริษัทประกอบเครื่องเองทั้งหมดไม่ได้จ้างผลิต ทำให้เราสามารถควบคุมคุณภาพได้ เราจึงมั่นใจในคุณภาพสินค้า แม้ว่าตลาดโน้ตบุ๊กจะมีความท้าทายอย่างสูง แต่เรามีสินค้าที่หลากหลาย มีนวัตกรรมและการสนับสนุนจากพาร์ตเนอร์
- การทำตลาดโน้ตบุ๊กครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมาอย่างไร
ครั้งนี้มาแบบครบไลน์ไม่ใช่ 2-3 โมเดล ถึงสิ้นปีคาดว่าจะมี 20 โมเดล ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่กลุ่มพรีเมี่ยม (X series) ราคา 5.8 หมื่นบาท กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป นักเรียนนักศึกษา (R series) กลุ่มดีไซน์ (Q series) ราคาประมาณ 2 หมื่นบาท และมินิโน้ตบุ๊ก ราคาเริ่มต้น 1.8 หมื่นบาท ขณะที่เมื่อก่อนจะมีแต่กลุ่มไฮเอนด์อย่างเดียว แต่ครั้งนี้ก็ไม่ใช่มาด้วยราคาต่ำ สำหรับตลาดที่ต้องการโฟกัสหลักๆ คือกลุ่มมินิโน้ตบุ๊ก และรุ่น R series เพราะเป็นตลาดขนาดใหญ่
ซัมซุงมีสินค้าทุกเซ็กเมนต์ หากเทียบกับคู่แข่งบางรุ่นสูสีกัน บางรุ่นถูก บางรุ่นแพงกว่า
- นโยบายด้านช่องทางจำหน่าย
กลุ่มสินค้าไอทีของซัมซุง ทำตลาดผ่านดิสทริบิวเตอร์ 3 ราย คือ อินแกรมไมโคร ซินเน็ค และเอสไอเอส ปัจจุบัน ดีลเลอร์รายหลักของซัมซุง
ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้จำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ พรินเตอร์ มอนิเตอร์ หรือกลุ่มเครื่องประกอบ ดังนั้นการนำโน้ตบุ๊กเสริมเข้าไปทำตลาดไม่ยาก ซึ่งปัจจุบันมีดีลเลอร์ที่ขายโน้ตบุ๊กซัมซุงประมาณ 50 ราย รวมถึงจะนำโน้ตบุ๊กไปวางจำหน่ายในคอนเวอร์เจนซ์ ช็อปของซัมซุงด้วยประมาณ 10 แห่ง
นอกจากนี้ต้องการขยายไปยังกลุ่ม ดีลเลอร์ที่ขายโน้ตบุ๊กอย่างเดียว ซึ่งเราไม่เคยมีมาก่อน จึงต้องสร้างตรงนี้ขึ้นมา โดยร่วมมือกับดิสทริบิวเตอร์ เลือกคู่ค้าที่จะร่วมมือดูแลกันไปตลอด โดยจะคัดเลือกดีลเลอร์ประมาณ 100 รายหลัก ที่สามารถสร้างยอดขายขนาดใหญ่ให้ซัมซุงได้ โดยเราจะเข้าไปช่วยบริหารจัดการ โดยมีทีมเซลส์และทีมส่งเสริมการขายของซัมซุงเข้าไปช่วยเสริม กับดิสทริบิวเตอร์
ซัมซุงมีความได้เปรียบเพราะแบรนด์ ซัมซุงที่เป็นที่รู้จักครอบคลุมทั้งประเทศจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตั้งแต่ทีวี ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้า แทบทุกบ้านมีสินค้าซัมซุง โดยเฉพาะต่างจังหวัดไม่มีใครไม่รู้จัก แต่สำหรับคู่แข่งที่เป็นแบรนด์สินค้าไอที ตลาดต่างจังหวัดอาจไม่รู้จักด้วยซ้ำ
- เป้าหมายการทำตลาดโน้ตบุ๊ก
ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ 25,000 เครื่อง แต่ปีนี้ยังไม่ได้ตั้งเป้าเรื่องมาร์เก็ตแชร์ แต่เน้นที่การพัฒนาช่องทางจำหน่าย ทั้งการตกแต่งดิสเพลย์ให้กับร้านค้า รวมถึงเซอร์วิส โดยใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนปีหน้าค่อยมาเน้นเรื่องมาร์เก็ตแชร์
วันนี้ซัมซุงอยู่ในฐานะเพิ่งเริ่มทำตลาด มีส่วนแบ่งตลาดในไทย 0% แต่ในต่างประเทศทำมานานแล้ว ทั้งในยุโรป สหรัฐ รัสเซีย และเอเชียบางประเทศ แต่ในอาเซียนไทยเป็นประเทศแรกที่เปิดตัวโน้ตบุ๊ก
- มองตลาดโน้ตบุ๊กในไทยเป็นอย่างไร
ตลาดโน้ตบุ๊กในไทยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ กลุ่มมินิโน้ตบุ๊ก มีสัดส่วนประมาณ 10-15% ตลาดเมนสตรีม หรือกลุ่มผู้ใช้ตามบ้าน นักเรียน ประมาณ 75-80% ที่เหลือคือกลุ่มพรีเมี่ยม แม้ว่าสัดส่วนกลุ่มนี้จะมีไม่มากแต่มีมูลค่าสูง ซึ่งซัมซุงโฟกัสตลาดทุกกลุ่ม
สำหรับการแข่งขันมีความรุนแรงมากโดยเฉพาะด้านราคา แต่หากดูจะพบว่าสินค้าที่ขายดีไม่ใช่รุ่นถูกเสมอไป แต่จะเป็นรุ่นราคาประมาณ 2-3 หมื่นบาท ทำให้ โพซิชั่นของซัมซุงไม่ได้แข่งที่ราคา เรามีความแตกต่างที่ดีไซน์และคุณภาพ
- ปีนี้ซัมซุงไอทีเพิ่มสินค้าภายในกลุ่มมากเป็นพิเศษ
สาเหตุที่ซัมซุงเพิ่มไลน์สินค้าไอทีในปีนี้มาก เพราะบางส่วนย้ายมาจากกลุ่มอื่น ขณะที่สินค้าใหม่ที่ทำตลาดปีนี้เป็นครั้งแรก คือ โน้ตบุ๊ก โปรเจ็กเตอร์ และโฟโต้เฟรม เพราะปีที่ผ่านมาซัมซุงไอทีมีการเติบโตเยอะมาก และมั่นใจในแบรนด์ซัมซุง การเพิ่มสินค้าใหม่จะช่วยเพิ่มการเติบโตของรายได้และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ
- มีหลักการบริหารสินค้าอย่างไร
สำหรับโน้ตบุ๊กเราได้จัดทีมงานบางส่วนลักษณะเป็นไฮบริด จากปัจจุบันที่เซลส์ 1 คนดูแลดีลเลอร์ 3-4 รายตามรายชื่อลูกค้า แต่สำหรับโน้ตบุ๊กเราจะแบ่งให้มีเซลส์โฟกัสตามตลาดไอทีฮับเพิ่มขึ้นมา คือ พันธุ์ทิพย์ ไอทีมอลล์ เสรีเซ็นเตอร์จะมีเซลส์เข้าไปดูแลในแต่ละพื้นที่ เพื่อเข้าถึงลูกค้าที่ไม่เคยขายสินค้าของซัมซุงด้วย ไม่ได้มองที่ลูกค้าแต่ละรายเหมือนที่ทำมา เพราะตลาดหลักของโน้ตบุ๊กอยู่ที่ตลาดคอนซูเมอร์ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ดีลเลอร์และโมเดิร์นเทรด
จากนั้นปีหน้าเราค่อยขยายสู่ตลาดคอร์ปอเรตเพิ่มขึ้น โดยจะมีสินค้าไลน์ที่เหมาะสมออกมาจับลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย
- ให้น้ำหนักในการทำตลาดของสินค้าแต่ละประเภทอย่างไร
จอมอนิเตอร์ยังเป็นสัดส่วนใหญ่ของ ซัมซุง และยังให้ความสำคัญมากที่สุด แต่โน้ตบุ๊กเป็นน้องใหม่ที่ไฟกำลังแรง และคาดว่าในอนาคตจะเป็นคีย์สำคัญของซัมซุงและเป็นเรือธงต่อไป ในอนาคตรายได้อาจแซง มอนิเตอร์ก็ได้ โดยปัจจุบันรายได้ของจอ มอนิเตอร์มีสัดส่วน 50% ของกลุ่มธุรกิจไอที รองลงมาคือพรินเตอร์และกล้องดิจิทัล
- ทิศทางของกลุ่มธุรกิจไอทีซัมซุงต่อจากนี้
ปี 2551 เราอยู่ในช่วงการวางพื้นฐาน มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร เช่น การรวมกลุ่มดิจิทัลแก็ดเจต ทำให้มีคนเพิ่มจาก 20 คนเป็น 50 คน แต่ปีนี้หลายบริษัทเจอ วิกฤต คู่แข่งอาจมีการเลย์ออฟ แต่เราไม่ทำเพราะเราพร้อมแล้วสำหรับการเปิดตลาด ปีนี้เรายังอยากโต เพราะความมั่นใจของช่องทางจำหน่ายทั้งดีลเลอร์และดิสทริบิวเตอร์ยังมั่นใจในแบรนด์ซัมซุง ช่วงเวลาที่ผ่านมาพรินเตอร์มีการเติบโต 100% มอนิเตอร์ก็โต รวมถึงกล้องดิจิทัลมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 15% ซึ่งเหนือความคาดหมายมาก
ที่มา: matichon.co.th