ดูเหมือนว่าการพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถควบคุมการทำงานด้วยการสัมผัสและการเคลื่อนไหว แทนการใช้เมาส์และคีย์บอร์ดนั้นจะเริ่มล้าสมัยไปแล้ว เพราะบริษัทสัญชาติสวีเดนกำลังพัฒนาส่วนติดต่อผู้ใช้งานหรือคอมพิวเตอร์อินเทอร์เฟสที่สามารถควบคุมได้ด้วยการเคลื่อนไหวของดวงตา ตั้งป้อมพัฒนาร่วมกับยักษ์ใหญ่โลกคอมพิวเตอร์พีซีอย่างเลอโนโว เพื่อแจ้งเกิดคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องแรกของโลกที่สามารถใช้ดวงตาของ"คนตาดี"ควบคุมได้ และไม่ใช่การหวังเติบโตในเวทีผู้พิการอย่างที่เป็นในหลายงานวิจัย
บริษัทสวีเดนซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีระบบติดตามและสั่งการด้วยดวงตานี้มีชื่อว่าโทบี (Tobii) ขณะนี้เป็นพันธมิตรกับบริษัทเลอโนโว (Lenovo) ในการสร้างคอมพิวเตอร์รุ่นต้นแบบที่สามารถตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของดวงตาได้เหมือนการตอบสนองต่อการคลิกเมาส์ด้วยมือแบบปกติ โดยมีการยกตัวอย่างการใช้งานน่าประทับใจว่า เครื่องรุ่นต้นแบบจะมาพร้อมไอคอน (icon) พิเศษที่สามารถแสดงข้อมูลรายละเอียดไฟล์ได้ทันทีหากผู้ใช้ตั้งใจมอง รวมถึงแอปพลิเคชันแผนที่หรือภาพที่สามารถปรับเลื่อนภาพไปแสดงจุดกึ่งกลางพอดีหากระบบพบว่าผู้ใช้จับตามองอยู่
บาร์บารา บาร์เคลย์ ผู้จัดการทั่วไปของโทบีภูมิภาคอเมริกาเหนือ ให้ความเห็นกับสื่อต่างประเทศว่า เทคโนโลยีของโทบีจะช่วยให้ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์พกพาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผู้บริหารของโทบีมองว่าผู้บริโภคจะได้รับความสะดวกสบายมากหากเพียงมองหน้าจอส่วนที่ต้องการเลื่อนเมาส์ไป แล้วตัวกะพริบหรือเคอร์เซอร์ (cursor) ก็สามารถปรากฏในบริเวณนั้นได้ทันที
บาร์เคลย์ระบุว่าระบบของโทบีจะไม่ได้ทำให้ไอคอนทั้งหมดถูกเลือกคลิกเพียงเพราะผู้ใช้มองจ้องนานเกิน 2 วินาที แต่จะเปิดทางให้ผู้ใช้มีวิธีการเลือกที่สะดวกกว่าเดิม โดยโทบีมองว่าการมองเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่เร็วที่สุดที่มนุษย์ทำได้ จึงเลือกใช้ประโยชน์จากการมองในการพัฒนาหนทางที่ดีกว่าดังกล่าว
ความสะดวกสบายในการใช้งานคอมพิวเตอร์ถือเป็นส่วนหนึ่งของประโยชน์จากระบบติดตามการเคลื่อนไหวดวงตาที่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนในขณะนี้ โดยที่ผ่านมา ระบบติดตามการเคลื่อนไหวดวงตาถูกมองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อระบบหน้าจอสามมิติในอนาคต เพราะหากผู้ผลิตพัฒนาให้หน้าจอสามมิติสามารถเรนเดอร์หรือประมวลผลภาพสามมิติตามการเคลื่อนไหวของดวงตาได้ ก็จะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องสวมแว่นตาพิเศษใดๆ ขณะเดียวกัน ระบบติดตามการเคลื่อนไหวดวงตายังสามารถเป็นประโยชน์ต่อวงการรถยนต์อัจฉริยะ เพราะสามารถแจ้งเตือนให้ผู้ใช้เพิ่มความระมัดระวังหากระบบพบว่าผู้ขับขี่เริ่มไม่มีสมาธิกับการขับรถ
อย่างไรก็ตาม โทบียืนยันว่าไม่ได้หวังให้ระบบติดตามความเคลื่อนไหวดวงตาในคอมพิวเตอร์พกพาของบริษัท มาแทนที่การควบคุมดั้งเดิมของคอมพิวเตอร์ แต่จะเป็นส่วนเสริมที่ทำให้การใช้งานเป็นไปได้โดยสะดวกกว่าเดิม โดยบอกว่าระบบของโทบีสามารถรองรับการใช้งานบางอย่างได้ดีหากถูกประสานเข้ากับรูปแบบการควบคุมเครื่องดั้งเดิม
ผู้บริหารโทบียกตัวอย่างด้วยว่า ระบบของบริษัทสามารถทำให้การสกรอล (การเลื่อนดูหน้าจอขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว) สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้นิ้วมือเลื่อนลูกกลิ้งบนเมาส์คอมพิวเตอร์ รวมถึงการปิดคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในโหมดพักชั่วคราว (sleep mode) โดยไม่ต้องเอื้อมมือไปหยิบเมาส์คอมพิวเตอร์ แต่ใช้การมองในหลากหลายรูปแบบ เช่นการขยิบตาข้างเดียวในจังหวะที่ต่างกัน ก็ทำให้ระบบสามารถรับรู้คำสั่งที่ต่างกันได้
บาร์เคลย์ยอมรับว่าบริษัทยังรอกำลังเสริมจากนักลงทุนและนักพัฒนาจำนวนมากเพื่อร่วมกันสร้างความสามารถใหม่บนระบบของโทบีในอนาคต โดยขณะนี้โทบีได้เผยแพร่ชุดเครื่องมือพัฒนาโปรแกรมหรือ SDK เพื่อให้นักพัฒนารายอื่นนำไปร่วมกันพัฒนาต่อยอดแล้ว ซึ่งคาดว่าโลกจะได้เห็นความสามารถใหม่จากระบบติดตามความเคลื่อนไหวดวงตาบนคอมพิวเตอร์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
"นี่คือการเริ่มต้นเท่านั้น ลองนึกภาพดูว่าหากคุณกำลังดูภาพสิ่งของชิ้นหนึ่งบนหน้าจอ 3 มิติ ทันทีที่คุณยกศีรษะหรือส่ายหน้าจากซ้ายไปขวา จะดีเพียงไรหากภาพสิ่งของ 3 มิตินั้นสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามองศาการมอง"
รายงานระบุว่าขณะนี้ เลอโนโวและโทบีเริ่มพัฒนาต้นแบบคอมพิวเตอร์พกพาที่สามารถควบคุมด้วยดวงตาแล้วราว 20 เครื่อง บนจุดประสงค์เพื่อสาธิตและทดลองการใช้งาน โดยอุปสรรคที่พบในขณะนี้คืออุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหวหรือเซ็นเซอร์จำนวนมากในระบบทำให้คอมพิวเตอร์พกพามีความหนาตัวเครื่องมากขึ้น ทำให้บริษัทเชื่อว่ายังต้องใช้เวลาอีก 1-2 ปี และความร่วมมือกับพันธมิตรที่มากขึ้น จึงจะสามารถวางตลาดคอมพ์พกพาอัจฉริยะนี้ได้
Company Relate Link :
Lenovo
ที่มา: manager.co.th