ชูสุดยอดนวัตกรรมทัชโฟนมัลติมีเดีย ด้วย S-Class UI ตอบสนองการใช้งานกับเมนูทรงลูกบาศก์ พร้อมทุ่มงบการตลาด 50 ล้านบาทเน้นสร้าง Touch Experience เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์จริงกับตัวผลิตภัณฑ์ ตั้งเป้ายอดขายปี 52 30,000 เครื่อง...
นายเฮียน วู ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาโทรศัพท์มือถือแอลจีสร้างกระแสความนิยมแก่ผู้บริโภคทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย จากการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นต่างๆ ที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ หรือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งแรกของโลก แม้กระทั่งการนำเสนอไลฟ์สไตล์การใช้งานโทรศัพท์มือถือในรูปแบบใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้จริง จึงต้องมุ่งมั่นค้นคว้าและวิจัย ถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้นโยบายต่อเนื่องในการปรับภาพลักษณ์แอลจีทั่วโลกในแนวคิด “Stylish Design and Smart Technology that fit your life”
กก.ผจก.บริษัทแอลจีฯ กล่าวต่อว่า ในปี 2552 นี้ แอลจีฯ ได้เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามาสร้างกระแสความน่าสนใจให้กับผู้บริโภคได้สัมผัสกันอีกครั้ง ภายใต้ชื่อรุ่น LG ARENA(KM900) มือถือหน้าจอสัมผัสรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด “S-Class UI” ด้วยเมนูทรงลูกบาศก์พร้อมกราฟิกที่มีลูกเล่นสีสัน เพื่อความสะดวก และความสนุกในการใช้งานระบบปฏิบัติการ S-Class UI จะกลายเป็นมาตรฐานการใช้งานของมือถือแอลจีระดับพรีเมี่ยมในรุ่นต่อๆ ไปอีกด้วย โดยจากแผนงานด้านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้กำหนดไว้ทั้งหมดกว่า 30 รุ่นภายในปีนี้ โดยหลังจากเปิดตัว LG ARENA แล้วทางบริษัทฯ มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นรุ่นหลักที่ใช้ทำการตลาดในกลุ่ม Smart Phone และ Design Phone สู่ตลาดประเทศไทยอีก 2 รุ่น เพื่อให้ครอบคลุมต่อความต้องการที่แตกต่างของผู้บริโภค
นายลี ได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานของแอลจี โมบาย ในไตรมาสแรกปีนี้ที่ผ่านมาว่า ยอดขายมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 กล่าวได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะกระแสการตอบรับของผู้บริโภคจากการเปิดตัว Cookie หรือ LG KP500 และ Ice cream หรือ LG KF350 ทั้งนี้ จากปัจจัยหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาดที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มากขึ้น และผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจคลอบคลุมทุกกลุ่ม ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันให้บรรลุเป้าหมายด้านยอดขายที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 1,000,000 เครื่องขึ้นไป หรือส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% ของตลาดรวมในปี 2552ที่คาดว่าจะมีอยู่ประมาณ 9.5 ล้านเครื่อง
นายทวีโชค ลลิตศศิวิมล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์มือถือ บ.แอลจีฯ กล่าวว่า LG ARENA ถือวเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น และตอบทุกองค์ประกอบของการสร้างแบรนด์ในปีนี้ได้อย่างลงตัว โดยได้สร้างกระแสการตอบรับอย่างสูงจากยอดจองถึง 1 ล้านเครื่องจากทั่วโลก หลังจากการเปิดตัวสู่ตลาดยุโรปครั้งแรกในงาน Mobile World Congress 2009 ที่จัดขึ้นที่กรุงบาร์เซโลน่าประเทศสเปน และวางตลาดในยุโรปในเดือนมี.ค.2552 ที่ผ่านมา จากความโดดเด่นการทำงานของทุกฟังก์ชั่นของ LG ARENA(KM900) ที่ถูกออกแบบให้มีสีสัน และการตอบสนองที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะนำระบบปฏิบัติการ S-Class UI มาใช้เป็นครั้งแรก
ผจก.อาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์มือถือ บ.แอลจีฯ กล่าวต่อว่า ด้วยการออกแบบเมนูทรงลูกบาศก์ เลือกใช้งานและจัดการเมนูต่างๆ เพื่อใช้งานได้อย่างอิสระจากทั้ง 4 หน้าเมนู คือ Short cut, Widget, Phone book และ Multimedia จึงทำให้การใช้งานมีความสะดวกง่ายมากขึ้น อาทิ การใช้ 2 นิ้วควบคุมการเลื่อนหน้าจอแทน Scroll bar หรือใช้ขยายและย่อรูป นอกจากนี้แต่ละฟังก์ชั่นก็ได้รับการออกแบบธีมให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อสร้างความรู้สึกตอบสนอง และการใช้งานที่สะดวก อาทิ กล้องดิจิตอลหน้าจอจะได้รับการออกแบบให้มีปุ่มควบคุมแบบ Dial Control เหมือนกับกล้องดิจิตอล และฟังก์ชั่น MP3 จะถูกออกแบบให้หน้าจอเป็นตู้เพลง เป็นต้น
นายทวีโชค กล่าวอีกว่า LG ARENA(KM900) ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานมัลติมีเดียได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็น Dolby Mobile ที่นำมาใช้บนโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งแรกของโลก และหน้าจอสัมผัสขนาด 3 นิ้ว แบบ WVGA ทำให้ความคมชัดในการแสดงผลมากกว่าหน้าจอแบบ QVGA ถึง 4 เท่า อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่โดดเด่น คือ กล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ระดับมืออาชีพ Schneider-Kreuznach จากประเทศเยอรมนี และยังบันทึกภาพวิดีโอด้วยคุณภาพระดับ DVD ได้ไม่จำกัดเวลา และมีหน่วยความจำภายในเครื่องถึง 8 GB เพิ่มหน่วยความจำภายนอกถึง 32 GB ส่วนด้านการเชื่อมต่อเลือกใช้งานได้ ทั้งการใช้งานอินเทอร์เน็ต WiFi, GPRS, 3G หรือการต่อ TV out และการใช้สัญญาณ FM Transmitter
ผจก.อาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์มือถือ บ.แอลจีฯ กล่าวถึงแผนการตลาดของ LG ARENA ว่า แอลจีฯ ได้จัดงบการตลาดไว้ที่ 50 ล้านบาท โดยจะเน้น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายผ่านพันธมิตรหลัก คือ ร้านเจมาร์ท และผู้จัดจำหน่ายต่างๆ ในการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ สำหรับด้านการโปรโมทผลิตภัณฑ์นั้น บริษัทฯ จะเน้นไปที่การสร้าง Touch Point สู่สายตาผู้บริโภคด้วยการตลาดแบบ 360 องศาผ่านการโฆษณา รวมถึงการจัดกิจกรรมโรดโชว์เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์สู่พื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศหรือการรวมมือกับกลุ่มพันธมิตรในการจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ
นายทวีโชค กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาแอลจีมีส่วนแบ่งการตลาดมือถือในปี 2551 ประมาณ 4-5% และเมื่อผ่านไตรมาสที่ 1 ปี 2552 แอลจมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 6% จากตลาดมือถือรวม 9.5 ล้านเครื่อง เท่ากับเป็นอันดับ 3 ในตลาดมือถืออินเตอร์แบรนด์ เพราะโมโตโรล่า และโซนี่อีริคสันตกลงไป โดยจากการจัดกิจกรรม Pre Booking มีลูกค้าที่สนใจจองทางเว็บไซต์กว่า 1000 เครื่อง ในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และบริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ไว้ที่ 30,000 เครื่องภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ โทรศัพท์รุ่นนี้จะมีวางจำหน่ายในประเทศไทยในราคา 17,900 บาทและมีให้เลือก 2 สีคือ Silver และ Black titanium
ที่มา: thairath.co.th