“โบ” ประกาศแต่งวิศวกรรุ่นน้องปลายปีที่เชียงใหม่ หลังคบ 3 ปี ประทับใจฝ่ายชายเข้าใจตนทุกอย่าง และเป็นคนดีที่สุดที่เคยเจอ เผย ตอนนี้เข้าคอร์สใช้ชีวิตคู่ทำให้มั่นใจกันมากขึ้น แพลนไม่มีทายาทเหตุอยากเที่ยวกันสองคน กลัวมีห่วง
มีข่าวออกมาให้เตรียมตัวร่วมแสดงความยินดีอีกแล้ว สำหรับอดีตนักร้องสาว “โบ สุรัตนาวี สุวิพร” หรือ “โบ TK (Triumph Kingdom)” ที่ออกมาเปิดตัวแฟนหนุ่มวิศวกร พร้อมประกาศแต่งงานรับลมหนาวกันปลายปีนี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังคบหาดูใจกันมา 3 ปี ชมแฟนหนุ่มเป็นคนดีชนิดที่ว่าไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งยังเข้าใจตัวเองมาก บอก ตอนนี้เข้าคอร์สใช้ชีวิตคู่เตรียมพร้อมมีครอบครัวแล้ว
“แฟนโบเป็นวิศวกรค่ะ เขาอายุ 25 ปี คบกันมาประมาณ 3 ปี ถ้าถามว่าเจอกันยังไง เจอกันครั้งแรกเนี่ย ที่เชียงใหม่ คือโบก็ไปงานที่โบสถ์ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คุย ก็คนนี้ดูน่ารักนะ ดูแบบมารับใช้คนอื่นอะไรแบบนี้ แต่ก็คงแบบ คุยยากเพราะเขาดูเรียบร้อยมา ดูเรียบร้อยจนแบบไม่กล้าคุยน่ะ แต่โบไม่ได้จีบนะ ก็คือว่ารู้จักแหละ แล้วหลังจากนั้นนานเลย ประมาณสองสามปีก็มาคุยกัน แต่ว่ามาเจอกันอีกทีที่กรุงเทพ ก็มาคุยกัน แล้วก็เล่นเฟซบุ๊คกันไป โทรศัพท์ แมสเสจไป ก็ประมาณปีหนึ่ง”
“แต่งงานกันปลายปีนี้ค่ะ เขาขอแต่งงานยังไงเหรอคะ คือไม่ได้เป็นการขอแบบโรแมนติกเหมือนคนอื่นนะคะ คือตอนนี้เรายังแค่ไปเข้าคอร์สเรียนการใช้ชีวิตคู่กันค่ะ เพราะพอเริ่มเรียนไปเริ่มรู้จักกันมากขึ้น เริ่มรู้สึกว่าเราต้องวางแผนในชีวิตมากขึ้น ก็เลยโอเค แต่งงานกันไหม แต่ตอนนั้นที่พูดคือสองปีที่แล้วนะคะ มันเป็นการวางแผนกันมากกว่าค่ะ คือไม่มีแบบคุกเข่าอะไรขนาดนั้น แต่ไม่รู้ ยังไม่ถึงตอนนั้น (หัวเราะ)”
“ที่ตัดสินใจไปเรียนเข้าคอร์สใช้ชีวิตคู่ เพราะว่าโบจะอยู่ที่โบสถ์ แล้วโบจะสนิทกันอาจารย์ที่โบสถ์ แล้วเหมือนอาจารย์ก็แนะนำ แนะนำว่าเราควรจะวางแผนในการใช้ชีวิต แล้วก็จะได้รู้จักกันมากขึ้น เหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นในชีวิตหลังแต่งงานเราไม่เคยรู้อยู่แล้ว เราก็เลยเออตัดสินใจไปเรียน ของโบเรียนตั้งแต่เป็นแฟนค่ะ แล้วก็พัฒนามา อย่างเป็นเพื่อน คบกัน เป็นแฟน แล้วก็มาแต่งงานกันอะไรอย่างนี้”
เผย แฟนหนุ่มเป็นคนดี และเข้าใจตัวเอง มั่นใจมากขึ้นหลังได้เข้าคอร์สใช้ชีวิตคู่จึงตัดสินใจแต่งงาน
“คือต้องบอกว่าตอนแรกๆ เนี่ยก็ยังไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไง ถูกไหมคะ แต่ว่าเราเริ่มคบกัน เราก็อยากจะให้มันอยู่ในสายตา เราทำงานที่โบสถ์ด้วย ก็ใช้เวลาอธิษฐานร่วมกันบ่อยมาก เราก็อยากรู้ว่าเขาจริงจังแค่ไหน เขามีทัศนะคติในการเดินชีวิตแค่ไหน ก็เลยจูนโดยการมาเรียนกันเนี่ยแหละ”
“พอเรียนแล้วเรามาเห็นถึงความมั่นคงทางอารมณ์ของเขาน่ะ เขาดูโตกว่าที่เราคิดมากค่ะ แล้วเขาเป็นคนดีมาก คือเราไม่เคยเจอคนดีแบบนี้มั้ง คือเราเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ขี้งอน เขาก็เปลี่ยนจนเราดีขึ้นค่ะ เพราะว่าเราอยากดีกับเขาเพราะว่าเขาดีกับเรามาก คือเขาไม่ได้ยอมเราค่ะ เขาเข้าใจมากๆ แล้วก็เขาจะรู้เวลาที่สมมติว่าเราอารมณ์ร้อนมากๆ เขาก็จะนิ่งก่อน เขาก็จะดูว่าพอเราอยู่ในสภาวะที่คุยด้วยได้แล้ว เขาก็จะมาอธิบายด้วยเหตุผล เราก็ฟังค่ะ ก็เลยเข้าใจกันมากขึ้น”
“เรื่องที่ว่าเขามาขอยังไง ต้องบอกว่า คือที่บ้านโบจะกินข้าวด้วยกันบ่อย เขาก็มาร่วมนานแล้วค่ะ ประมาณสองปีแล้วที่เขามาร่วมกินข้าวด้วยกัน ก็เลยมันเหมือนเป็นการพูดคุยกันค่ะ เขาไม่ได้แบบ โอ้โห ขอลูกสาว อะไรอย่างนี้ แต่ว่าเดี๋ยวมันก็คงมีแบบว่าเป็นเรื่องเป็นราวค่ะ แต่ก็คงเป็นภายใน”
“เรื่องฤกษ์ด้วยความที่เป็นคริสเตียนแล้วเราคิดว่าทุกวัน วันไหนก็ได้ค่ะ แต่ว่าด้วยความที่เราอยากได้เป็นอากาศเย็นๆ เราก็เลยคิดว่าจะเป็นปลายปีที่เชียงใหม่ ส่วนเรื่องทายาทก็คุยกันว่าไม่มีค่ะ ที่วางแผนไว้คือว่าไม่มี เรื่องนี้คิดทั้งคู่เลยค่ะ เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราอยากจะเดินทางไปหลายที่มากเลย ก็รู้สึกว่าถ้าท้องขึ้นมา ถ้ามีลูกขึ้นมามันคงลำบากที่จะต้องไปไหนมาไหน คุณพ่อคุณแม่ก็ทราบค่ะว่ายังไม่อยากมี ทุกคนก็เถียงแบบว่าไม่ได้ ต้องมี แต่ก็เดี๋ยวรอดู แต่ว่าไม่รู้ว่ายังไง เดี๋ยวคุยกันอีกที อาจจะมีเปลี่ยนแปลงก็ได้”
ที่มา: manager.co.th