"แอนนี่" รับสภาพ กระแสตก งานก็หดตาม เล็งอนาคตพาลูกไปอยู่เมืองนอก

[Nick]

"แอนนี่" รับสภาพ กระแสตกงานก็ลดตาม เผย เคยโทร.หาผู้จัดละครแต่ต้องชวดเพราะบทยังไม่เหมาะ ตอนนี้เลยต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เจ้าตัวลั่น มีสองมือสองเท้าไม่คิดพึ่งใคร เล็งในอนาคตอาจจะหอบลูกไปอยู่เมืองนอก ดีใจลูกชายเรียกแม่ได้แล้ว และไม่กีดกันหาก "ฟิล์ม" อยากเจอลูก บอก ต้องขึ้นศาลอีกครั้ง 12 มี.ค. ฟิล์มก็จะไปด้วย
       
       ก่อนหน้านี้เดินสายออกงานโชว์ตัวโกยเงินอื้อซ่า แต่ดูเหมือนว่าพอกระแสตกงานในวงการของคุณแม่ลูกหนึ่ง "แอนนี่ บรู๊ค" ก็เงียบตามไปด้วย ล่าสุดเจ้าตัวมาร่วมงานประกาศผลรางวัลคนบันเทิงงานหนึ่ง พร้อมกับเปิดเผยถึงชีวตตอนนี้ให้ฟัง โดยยอมรับว่า งานในวงการบันเทิงลดน้อยลงจริง ทำให้ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เผย อนาคตอาจะพาลูกชาย "น้องฑีฆายุ" ไปอยู่เมืองนอก
       
       "ก็เป็นธรรมดาค่ะ เพราะว่าตอนนี้ข่าวก็เงียบๆ ลงแล้ว ถามว่าความสบายใจมันมีมากขึ้นนะคะ งานอาจจะมีน้อยลง แต่คิดว่าต่อไปข้างหน้าหวังว่าจะมีงานเข้ามาค่ะ ส่วนละครที่เคยมีข่าวว่าจะรับเล่นแอนนี่ก็โทร.ไปคุยกับพี่เขา พี่เขาก็บอกว่า เดี๋ยวก็รอระยะเวลาสักแปปนึง เขาก็บอกเดี๋ยวมีบทดีๆ เดี๋ยวส่งให้ไหม่ ซึ่งงานตอนนี้ที่มีก็จะเป็นงานเก่าของเวิร์คพอยท์ค่ะ ทางเวิร์คพอยท์ยังให้ทำอยู่"
       
       "ส่วนเรื่องพ็อกเก็ตบุ๊คยังไม่แน่ใจค่ะ ถ้ามีก็คงจะเป็นเหมือนไดอารี่ของน้องมากกว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น ที่คิดไว้เล่นๆ นะคะ อยากให้ดูวิวัฒนาการของเขาว่า ตั้งแต่แรกจนถึงทุกวันนี้เป็นยังไงบ้าง แต่ถ้าเกิดในอนาคตงานในวงการไม่มี เราก็ต้องทำงานอื่นสิ เราก็ยังมีสองมือสองเท้าเรายังทำมาหากินอย่างอื่นได้ ก็ต้องทำ เรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้ขอเพิ่มเติมจากใคร เพราะว่าคงไม่พึ่งใคร เพราะว่าตอนนี้ทางของแอนนี่คือเลี้ยงเองได้ ก็ต้องดูแลเองให้ได้ ให้รอด ถึงแม้ว่างานจะน้อย แต่ที่เห็นว่าน้อยลงคืองานในวงการบันเทิงนะ แต่ว่างานข้างนอกอาจจะเพิ่มขึ้น"
       
       "ตอนนี้เรื่องค่าใช้จ่ายก็ประหยัดเอาค่ะ ถ้าเกิดว่าเรายังไม่มีงานอะไรมากมายก็ประหยัดเอา ส่วนเรื่องโรงเรียนยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย อีกตั้งสามปีกว่าน้องจะเข้าโรงเรียน ค่อยๆ คิดค่อยๆ ดูกันไป อาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วก็ได้ แต่ก็แพลนไว้ว่าถ้าเกิดว่าอีกหน่อยในอนาคต ถ้าเกิดน้องโตแล้วอาจจะไปอยู่เมืองนอก คือคิดว่าเฉยๆ นะคะ คงจะเป็นไม่สวิตเซอร์แลนด์ก็อเมริกา พอดีมีญาติๆ อยู่ค่ะ ยังไม่ได้คิดว่าจะต้องไป แค่คิดว่าถ้าเกิดมันมีโอกาสที่ดีกว่าในเรื่องของหน้าที่การงาน หรือว่าการเรียนของลูก ก็น่าไป"
       
       โว ตอนนี้ลูกชายเรียกแม่ได้แล้ว
       "ถ้าถามถึงน้องทีฆายุตอนนี้พูดได้แล้วค่ะ พูดคำว่าแม่ได้แล้ว (หัวเราะ) 7 เดือนกว่าค่ะ พอพูดคำว่าแม่ได้ ก็ดีใจมากเลยค่ะ เขาก็จะเรียก แม่ อย่างนี้ค่ะ แล้วก็เรียก มัมๆ แล้วก็เรียก ป้า พูดได้แล้ว เขาหัวเราะเก่งมากเสียงดังมาก อารมณ์ดีค่ะ ตอนนี้ถ้าเกิดไม่มีงานก็จะอยู่กับเขาตลอด"
       
       บอก ถ้า "ฟิล์ม" กลับมาแล้วอยากเจอลูกก็จะให้เจอ โนคอมเม้นต์กรณีอีกฝ่ายออกพ็อกเก็ตบุ๊ค
       "ถ้าเขาอยากเจอก็ให้เจอค่ะ เพราะว่าตอนนี้ก็ กำลังน่ารักน่าชังเลยแหละ ใครเห็นก็หลง ถ้าถามว่า มีการเตรียมใจไหมวันนึงจะบอกลูกว่าใครคือพ่อ นั่นเป็นเรื่องของอนาคตค่ะ ก็ยังต้องค่อยๆ ดูกันต่อไป คิดว่าเดี๋ยวเวลามันผ่านไป อะไรดีๆ คงจะตามมา คงจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น"
       
       "ส่วนที่ฟิล์มเขียนหนังสือไว้ก็มีคนอ่านให้ฟังค่ะ แต่ถ้าถามว่าอ่านแล้วรู้สึกยังไงก็เป็นเรื่องราวของเขานะ ไม่มีคอมเม้นต์ และจริงๆ แล้วแอนนี่ไม่ได้อ่านเองนะ ก็ไม่อยากจะออกความเห็นมากว่ารู้สึกยังไง ก็ฟังเขามาอีกทีค่ะ แต่ว่าอะไรที่เขาเขียนไป แอนนี่ก็คิดว่าเขาก็คงจะทำดีที่สุดแล้ว คือไม่อยากอ่าน อยากรู้ความจริงจากใจ เขาด้วยจากปากมากกว่าตัวหนังสือค่ะ เขาพูดว่าอะไร ก็เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้างไง เพราะว่าแอนนี่ไม่ได้อ่านไง ก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี"
       
       เจ้าตัวเผย คดีที่ฟ้องฟิล์มศาลนัดไต่สวนอีกรอบวันที่ 12 มี.ค. บอก ฟิล์มจะมาขึ้นศาลด้วยตัวเอง
       "ศาลเลื่อนไปนัดหน้าอีกนัดนึง วันที่ 12 มีนาคม ตอน 09.00 น. เขาบอกว่าเขาจะพาฟิล์มมาขึ้นศาล ส่วนเราเป็นโจทย์เราก็ต้องไปอยู่แล้วค่ะ ถ้าเกิดถึงวันแล้วฟิล์มไม่มา ก็ถ้าเกิดทนายเห็นว่าไม่มา แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็คงไม่ไปค่ะ ถามเรื่องการไกล่เกลี่ยไม่มีค่ะ เพราะคิดว่าคดีนี้มันกระทบต่อสภาพจิตใจเหมือนกัน ก็เลยอยากไปให้มันเต็มที่ แต่ถ้าถามว่าใจแอนนี่อยากให้มีการยอมความไหม ในใจแอนนี่ก็อยากทำให้ดีที่สุด เพราะแอนนี่ก็คิดว่าเขาก็ทำให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้นก็ต่างคนต่างทำให้ดีที่สุดดีกว่า"


ที่มา: manager.co.th