อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม
"ดี้" เชื่อกรณี "อากู๋" ออกมาฉะพวกแต่งเพลงปีละเพลงแต่ยังมาขอเงินเดือนขึ้นคงไม่ได้หมายถึงตน เผยปัญหามี 2 เรื่องคือเงิน-งาน ยันไม่ใช่การต่อรอง ก่อนบอกบริษัทรับที่จะไม่ลดเงินแล้วแต่ต้องรอดูว่าจะทำได้หรือไม่?
คงจะยังไม่จบง่ายๆ เสียแล้วสำหรับกรณีของนักแต่งเพลงชื่อดัง "ดี้ นิติพงษ์" กับบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ หลังเจ้าตัวออกมาเปิดเผยอย่างต่อเนื่องถึงการที่ต้นสังกัดได้มีการปลดพนักงานออกไปเป็นจำนวนมากรวมถึงการปรับลดอัตราการว่าจ้างลงถึงขนาดที่ใช้คำว่า "รู้สึกเวทนา" และนั่นเองที่ทำให้ตนจำเป็นที่จะต้องทบทวนถึงอนาคตกับค่ายเพลงที่ทำงานมาร่วมกันกว่า 25 ปีแห่งนี้
ล่าสุดในช่วงเย็นของวันนี้(19)ทางด้านของนักแต่งเพลงชื่อดังก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ผ่านรายการ "เรื่องเด่น เย็นนี้" ทางช่อง 3 อีกครั้งโดยเผยว่าสิ่งที่ตนพูดไปนั้นเหมือนกับการบ่นและไม่คิดว่าจะกลายเป็นประเด็นสำคัญ พร้อมกับบอกว่าสาเหตุที่ต้องพูดถึงเรื่องดังกล่าวก็มาจากสาเหตุ 2 ประการด้วยกัน หนึ่งคือเรื่องของรายได้ที่ลดลงและรูปแบบของการทำงานที่เปลี่ยนไปอันเนื่องจากพฤติกรรมเสพงานเพลงของคนส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนไปนั่นเอง
"คือต้องยอมรับว่าการเสพเพลงของคนแตกต่างไปจากเดิมมาก แต่ก่อน เทป ซีดี ขายกันทีละเป็นล้าน ขายได้ 5 แสน นี่ค้อนเลยนะ แต่เดี๋ยวนี้หมื่นก็เลี้ยงฉลองแล้ว แล้วเดี๋ยวนี้คนชอบของฟรี อย่างมีเว็บไซต์ที่เขาเอาเพลงมาแชร์กัน บางทีเพลงของผมนะ แต่กลับขอบคุณกันเอง ขอบคุณนะที่เอาเพลงมาโพสต์ให้ฟัง"
"การฟังเพลงฟรีมันเยอะ การซื้อน้อยลง ทำให้ภาพรวมของวงการเพลงมันเล็กลง เม็ดเงินมันก็น้อยลงในธุรกิจนี้ โดยเฉพาะพวกซีดี ขณะที่การดาวน์โหลดแม้มันจะมาแต่มันก็ยังไม่สามารถที่จะทดแทนกันได้นะ เพราะฉะนั้นรายได้ของนักแต่งเพลงที่ผ่านมาจากบริษัทก็ลดลง ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดของผู้ใดผู้หนึ่ง"
"ประเด็นมาถึงวันนี้คือรายได้ที่เป็นส่วนแบ่งลดลงกว่าครึ่ง แต่ละคนที่เคยทำงานกันมาคือเราจะได้เงินเดือนส่วนหนึ่งและก็จากส่วนแบ่งจากผลงานอีกส่วนหนึ่ง ส่านแบ่งนั้นหายไปเกินครึ่งเลย ก็เลยมีการทำให้ธุรกิจลดลง มีการลดคน ลดเงือนเดือน 3 ปีที่แล้วก็มีการปรับลดเงินเดือนมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเราก็เข้าใจดี"
"รอบนี้ก็มีการพูดถึงอีก (ผู้ดำเนินรายการถาม-เท่าไหร่?) ครึ่งหนึ่ง ครั้งที่แล้วหนึ่งในสาม ตอนนี้ลดอีกครึ่งหนึ่ง ไม่มีกิน แต่เราก็ต้องดูแลซึ่งกันและกัน ก็มีคนอื่นๆ อีกจำนวหนึ่งก็หลายๆ คนไม่ได้ทำงานก็สมควรให้ออกก็ถูก แต่ว่าอีกส่วนหนึ่งจำนวนหนึ่ง เราอยากให้มาพูดคุยกันมากกว่าว่าการทำงานปรับแต่งกันได้มั้ย ให้คนพวกนี้ได้ทำงานมากขึ้นแทนที่จะไปลดเงิน ส่วนที่เหลือนั้นมันเป็นเรื่องของการบ่นมากกว่า"
เมื่อถูกถามว่าเหมือนจะเป็นการออกมาพูดด้วยอารมณ์ นักแต่งเพลงชื่อดังบอกในทำนองว่าก็มีบ้าง ก่อนบอกคนที่จะตกงานถูกลดเงินเดือนคงไม่มีใครมีความสุข ส่วนกรณีที่ประธานกรรมการของแกรมมี่ฯ "ไพบูลย์ ดำรงชัยธรม" หรือ "อากู๋" ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าการปรับลดจำนวนคนของบริษัทนั้นไม่เกี่ยวข้องกับสถานะของบริษัท เนื่องจากเป็นส่วนของฝ่ายผลิตซีดีที่ไม่มีความจำเป็น ขณะที่บางส่วนก็เป็นพนักงานที่เกษียณอายุ
พร้อมบอกว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีที่แกรมมี่รุ่งเรือง บริษัทต้องการคนเลือดใหม่เข้ามา มีไม่กี่คนที่เสียผลประโยชน์อาจจะโวยวาย บางคนปีนึงแต่งเพลงแค่เพลงเพียว มันน่าให้ออกมั้ย ก่อนยืนยันว่าที่นี่ดูแลกันเหมือนพี่-น้องนั้นเรื่องนี้ตนไม่เคยได้ยินมาก่อนแต่เชื่อว่าประธานแกรมมี่ฯ คงไม่ได้หมายถึงตนแน่นอน
"ก็มีจริงครับกับคนที่น่าจะให้ออก แต่คือมันก็มีหลายคนที่ต้องพูดคุยกัน พี่ก็ดูแลน้อง น้องต้องดูแลพี่ เพียงแต่ช่วงนี้พี่น้องอาจจะพูดคุยเจอกันน้อยไปหน่อย ล่าสุดก็คุยกับอากู๋ไปบ้าง แล้วก็เจอกับคุณบุษบา (ดาวเรือง) ก็คุยกันก็น่าจะเป็นไปได้ด้วยดีกลับมาทบทวนกันใหม่ จะดูแลกันอย่างไร เพราะหลายๆ คนเขาก็ยังทำงาน อีกหลายๆ คนที่ไม่ได้ทำงานก็มีออกไปแล้ว ก็มีเหตุผล"
"อีกปัญหาหนึ่งก็คือเรื่องของวิธีการทำงานที่คิดไม่เหมือนกันแต่ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนสามารถมาพูดคุย-ตกลงกันได้...ตอนนี้ขึ้นอยู่กับทำความเข้าใจตรงกัน เราไม่ได้มีอะไร...(ผู้ดำเนินรายการ-ปีนึงแต่งกี่เพลงที่บริษัทเอา?)...แต่ง 10 เขาเอา 9 แต่คือวันนี้บางอย่างเราก็ไม่ถนัด"
"อย่างเพลงประเภทตึ๊ดๆ ทำได้แต่ไม่ถนัด แต่ว่าอย่างปีที่แล้วเพลงตับไตไส้พุงอะไรก็โอเคนะ แสดงว่าเราก็ยังเข้าใจอารมณ์วัยรุ่นอยู่ คือเพลงอาจจะเปลี่ยนไป วิธีการทำงานที่คิดไม่เหมือนกันนอกจากเรื่องสตางค์ เดี๋ยวนี้มันมีเพลง 3 วินาทีที่ลงมือถือ ก็เป็นพฤติกรรมใหม่ แต่เราก็ยังเชื่อว่ามีคนจำนวนหนึ่งฟังเพลงเต็มเพลง ทำไมเราไม่มีโอกาสได้ทำให้ตรงนี้ล่ะ"
เผยตอนนี้ได้มีการพูดคุยกับทางบริษัทแล้วและสามารถตกลงกันได้ในเรื่องของหลักการว่าจะไมีมีการลดจำนวนเงินเดือนในส่วนของคนที่ตนดูแลอยู่ ส่วนภาคปฏิบัติจะเป็นเช่นไรนั้นก็คงจะต้องรอดูกันต่อไป..."ก็รับหลักการดูแลกันตามปกติอะไร แบบไหน ก็มาคุยกัน เรื่องงานจะคุยกันอย่างไรจะเปิดอะไรใหม่หรือเปล่าต้องรอคุยกันในระยะหลักการจนถึงปฎิบัติ"
"บางทีมันอาจจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ ปีหน้า จะอะไรอย่างไร แต่ว่าผมเองอาจจะรู้สึกว่าอายุมากแล้ว ผมขอไปทำอะไรที่อยากทำบ้างดีมั้ย ซึ่งมันยังไม่ไปถึงขนาดนั้น มันไม่ใช่การต่อรองนะ แต่ทำอย่างไรให้อยู่ด้วยกันได้ เงินไม่ลด ไปดูแลทบทวนกันใหม่ เอาคนที่ผมมีความสัมพันธ์และดูแลมา"
"ส่วนที่ผมดูแลอย่าไปลดเขาเลย ก็รับหลักการไปแล้ว คุยกันเมื่อวาน จบด้วยดีในหลักการ แต่ในรายละเอียดเอาเข้าจริงๆ สิ่งที่ผมรับปาก สิ่งที่พี่รับปากมันทำได้จริงหรือเปล่าก็ต้องรอดูกัน"
ส่วนกรณีการออกจากแแกรมมี่ฯ ของเพื่อนร่วมอาชีพอย่าง "ธนวัฒ (อนุวัฒน์) สืบสุวรรณ" อดีตหนึ่งในสมาชิกวงบัตเตอร์ฟลายและโปรดิวเซอร์มือเก่งอีกคนของแกรมมี่โดยมีข่าวว่าเป็นการเกษียณการทำงนานนั้น ดี้ นิติพงษ์ บอก...
"ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรนะ บางข่าวก็ว่าแฮปปี้ บางข่าวก็ไม่แฮปปี้ เขาอาจจะความสุขก็ได้ อายุ 60 กว่าอาจจะอยากพักผ่อน...คือผมว่าปัญหาทุกอย่างมันไม่ได้อยู่ที่เพลง เพราะเพลงมันปรับสไตล์กันได้ แต่มันเป็นเรื่องของพฤติกรรมที่การตลาดยังไม่สามารถแก้ไขหรือทำให้มันเติบโตงอกเงยได้ มันเลยปั่นป่วน จับโน่นชนนี่"
ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค
ที่มา: manager.co.th