"ชิมฮยองเร" ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ซึ่งโด่งดังจาก D-War หนังขายเทคนิคพิเศษ ที่สามารถตีตลาดสหรัฐฯ สำเร็จ กลับมาอีกครั้งพร้อมกลับเปลี่ยแนวไปทำหนังตลก แนวทางดั้งเดิมของเขาในงานที่ชื่อว่า The Last Godfather ซึ่งมีนักแสดงฮอลลีวูด "ฮาร์วีย์ ไคเทล" ร่วมรับบทเด่นอยู่ด้วย
"อันที่จริงแล้ว ความเป็นดาวตลกมันฝังอยู่ในกระดูกของผม เป็นความภูมิใจของผม" ชิมฮยองเร วัย 53 ปี ผู้กำกับชื่อดังเจ้าของหนังอย่าง D-War และ Yonggary กล่าว "คุณเคยดู Mr. Bean กันบนแทบจะทุกเที่ยวบินทั่วโลก งั้นทำไมจะมีดาวตลกเกาหลีบ้างไม่ได้"
ชิมฮยองเร แจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์ตั้งแต่ปี 1982 ในฐานะดาวตลกและมีภาพยนตร์ที่ทั้งแสดง และกำกับมาแล้วกว่า 80 เรื่อง จนกระทั่งสามารถสร้างชื่อในฐานะผู้กำกับกิมจิอินเตอร์ ด้วยความทะเยอทะยานถึงขั้นพยายามทำหนังเพื่อขายตลาดนานาชาติ ด้วยนักแสดงชาวตะวันตก ในหนังที่มีบทพูดภาษาอังกฤษตลอดทั้งเรื่อง และเน้นจุดขายด้านเทคนิคพิเศษเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในภาพยนตร์เรื่อง D-War หรือ Dragon Wars ที่สร้างสถิติเป็นหนังเกาหลีที่ได้โรงฉายในสหรัฐฯ ถึง 2,227 โรงในสัปดาห์แรกเลยทีเดียว
Dragon Wars มีผู้ชมถึงกว่า 8.4 ล้านคนเฉพาะในเกาหลีใต้ แต่หนังกลับถูกโขกสับจากนักวิจารณ์ทั่วโลก ชิมฮยองเร ยอมรับว่านั่นเป็นบทเรียนที่ดี โดยเฉพาะสำหรับหนังเรื่องต่อไปทั้ง The Last Godfather และ Dragon Wars 2
"นักวิจารณ์ หรือนิตยสารภาพยนตร์บางเล่ม ใช้ถ้อยคำรุนแรงอย่าง 'หนังขยะ' กันเลย แต่ตอนนี้ผมสามารถรับกับเรื่องแบบนั้นได้แล้ว มันทำให้ผมทราบถึงความสำคัญของบทหนังดี ๆ ผมถึงว่าจ้างนักเขียนมืออาชีพฝีมือดี สำหรับบทหนัง Dragon Wars 2 ที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้จัดจำหน่ายอย่าง Sony สำหรับการสร้างภาคต่อไปด้วย"
ขณะเดียวกันยังมีข่าวลือว่าเขาต้องขาดทุน จากหนังทุนสร้าง 32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เรื่องนี้ไปเล็กน้อย "ถึงแม้ผมจะไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขที่แท้จริงได้ แต่สามารถบอกคุณได้นิดหน่อยว่ามันน่าผิดหวัง"
"แต่ก็ต้องขอบคุณความโด่งดังจากหนัง Dragon Wars ที่ทำให้ผมสามารถเปิดกล้องหนังเรื่องใหม่ The Last Godfather ได้ ถ้าไม่มีเครดิตจาก Dragon Wars คุณคิดว่าผมจะได้ร่วมงานกับนักแสดงที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์อย่าง ฮาร์วีย์ ไคเทล เหรอ"
สำหรับผลงานเรื่องล่าสุด The Last Godfather ชิมกล่าวว่า หนังตลกเจ็บตัวเป็นแนวทางที่สามารถสร้างความบันเทิงให้กับทุกคน ในทุกภาษาได้ และเขาก็จะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร "คุณจำพี่จ้องตระกูลไรท์ ที่สร้างเครื่องบินลำแรกได้ไหม? ในตอนแรกพวกเขาล้มเหลว แต่ก็ยังพยายามต่อไป ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีเครื่องบินมาจนถึงทุกวันนี้"
และดูเหมือนว่าความพยายามครั้งล่าสุดของ ชิมฮยองเร จะประสบความสำเร็จด้วยดี The Last Godfather เข้าฉายไปตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. และสามารถทำยอดผู้ชมทะลุหลัก 1 ล้านคนได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น เฉพาะวันที่ 1 ม.ค. 2011 ก็มีผู้ชมกว่า 400,000 แล้ว แม้ยังถือว่าน้อยกว่า Dragon War ที่มียอดผู้ชมทะลุ 3 ล้านคนใน 5 วันเท่านั้น แต่ก็ยังเป็นเรื่องน่าพอใจอยู่ดี
The Last Godfather เป็นเรื่องราวของ ยังกุ (รับบทโดย ชิมฮยองเร เองกับบทบาทตัวละครที่สร้างชื่อให้กับเขามาตั้งแต่หลายสิบปีก่อนสมัยเป็นนักแสดงตลก ในภาพยนตร์นับ 10 เรื่อง) บ้านนอกชาวเกาหลีที่ต้องกลายเป็นมาเฟียในนิวยอร์กอย่างไม่ตั้งใจ โดยหนังมีเจตนาที่จะล้อเลียนงานแก๊งสเตอร์คลาสสิคอย่าง The Godfather
ซึ่งนอกจากตัวผู้กำกับ และ ฮาร์วีย์ ไคเทล แล้ว หนังยังประกอบไปด้วยดาราฮอลลีวูดอย่าง ไมเคิล ริสโฟลี และ เจสัน เมเวส ขณะเดียวกันเกิร์ลกรุ๊ปสุดดังที่ไปเปิดตัวในตลาดเพลงสหรัฐฯ Wonder Girls ก็มาร่วมปรากฏตัวอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วย
ที่มา: manager.co.th