“อีฟ พุทธธิดา” เผยยังไม่เจอหนุ่มคนใหม่ที่ใช่ และไม่อยากขวนขวาย ขอดูแลตัวเองและพ่อแม่ให้ได้ดีก่อน บอกยังติดต่อ “เคน” อยู่แต่ไม่มีโอกาสคืนดี ยันไม่ใช่หาคนที่ดีกว่าไม่ได้เลยไม่มีแฟน แต่ยังไม่เจอคนที่ใช่มากกว่า
ตั้งแต่ทายาทคนสวยของ 2 ดารารุ่นเก๋า “เศรษฐา ศิระฉายา” และ “อรัญญา นามวงศ์” อย่าง “อีฟ พุทธธิดา ศิระฉายา” เลิกรากับหนุ่ม “เคน ปรัชญา มีบำรุง” สมาชิกวง “ซีล” ไปร่วม 2 ปี ดูเหมือนเจ้าตัวยังคงความเป็นสาวโสดมาโดยตลอด ไม่แม้แต่จะมีข่าวกุ๊กกิ๊กกับหนุ่มคนไหนอีก ซึ่งสาว “อีฟ” เผยว่ารักครั้งใหม่ยังไม่ปรากฏ แม้จะเปิดใจรับตลอดเวลา เพราะยังไม่มีใครที่เข้ามาแล้วโดนใจสักคน
“ความรักตอนนี้ไม่มีอะไรเลย ด้วยความที่ชีวิตยุ่งมาก ก็อยู่คนเดียวอยู่แต่กับเพื่อน ทำแต่งาน คือก็มีคนเข้ามาแหละ ได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นแต่ไม่ใช่ในแง่นั้น ไม่ได้มีใครเป็นพิเศษ ก็ไม่ใช่ว่าไม่เปิดใจนะคะ อีฟไม่เคยปิดอยู่แล้ว คืออย่างแรกอีฟไม่เคยรีบในการที่จะเข้าหาความสัมพันธ์แบบนั้น เพราะฉะนั้นเราจะได้มีโอกาสพบใครใหม่ ส่วนมากมันจะไม่ได้ตั้งต้นว่า เราเห็นคนนี้แล้วชอบก็ได้คบเลย ส่วนใหญ่มันเป็นอะไรที่คบกันมานาน แน่ใจแล้วถึงจะคบ แต่ตอนนี้เรายังไม่มีใครที่มองเห็นด้วยซ้ำไปว่าจะคบได้ หรือว่าถูกใจในลักษณะนั้น และไม่ได้มีใครที่ศึกษาอยู่ เพราะมันยังไม่ได้เจอใครเลย”
“จริงๆ อีฟเป็นคนไม่ได้มีสเปคอะไรมากมาย แต่อีฟชอบคนที่คุยกับเรารู้เรื่อง มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เท่าเราหรือกว่าเรา ไม่ได้จำเป็นว่าเขาต้องเด็กกว่าหรือโตกว่า แต่อีฟว่าผู้ชายสำคัญเหมือนกันที่เขาต้องมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเรา เพราะอีฟก็ยังมีความเป็นศิลปินขึ้นๆ ลงๆ อยู่ ก็คงต้องอยู่กับคนที่คุมเราได้ รับผิดชอบได้ก็น่าจะดีกว่า แล้วคนดีมันก็มีหลายแบบนะ แต่มันก็เป็นรายละเอียดที่ต้องลองคบกันไป 2-3 ปีขึ้นไปแล้ว อย่างความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ตอนอีฟคบกับพี่เคน เราก็เป็นอย่างนั้น คือเรารู้จักกันตั้ง 2 ปีกว่าถึงได้คบกัน”
บอกพ่อกับแม่ไม่ได้ออกอาการเป็นห่วงที่ยังไม่มีคู่ ทั้งตนอยากอยู่ดูแลรับผิดชอบครอบครัวให้ดีก่อน
“คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ถึงกับห่วงหรอก เพราะเขารู้ว่าพอมาถึงยุคนี้ถ้ามีแล้วไม่ดีไม่มีก็ได้ เราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เรามีครอบครัวที่รักเรา อีฟเป็นห่วงเรื่องอนาคตครอบครัวและอนาคตตัวเองมากกว่า เพราะจะมีแฟนหรือไม่มี หรือที่สุดแล้วจะได้แต่งงานหรือเปล่า มันก็ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ตัวเราต้องอยู่ได้ด้วยตัวเองก่อนที่จะไปอยู่กับใครก็ตาม อีฟอยากเป็นหลักเป็นฐานดูแลพ่อแม่ให้ได้ ก่อนที่เราตัดสินใจมีชีวิตอยู่กับใคร”
“จริงๆ แล้วในมุมของอีฟที่เห็นพ่อกับแม่ใช้ชีวิตกันมา ใครๆ ก็ถามว่าทำไมพ่อแม่รักกันจัง อีฟมีความรู้สึกว่าแม่เป็นผู้หญิงที่แข็งแรง เก่ง และเขาดูแลตัวเอง คือเขาช่วยเหลือกันในยามที่ลำบาก ซึ่งถ้าเรายังดูแลตัวเองไม่ได้แล้วไปมีชีวิตคู่กับใครสักคน โอเคผู้ชายก็ต้องรับผิดชอบในหน้าที่อยู่แล้วส่วนมาก เขาอาจจะไม่ได้มารับผิดชอบเรา แต่เขาต้องรับผิดชอบครอบครัวโดยส่วนรวม แต่ถ้าเกิดว่าเขาพลาด แล้วเราดูแลตัวเองยังไม่ได้เลย เราจะไปหวังพึ่งจากเขา หรือถึงเวลานั้นแล้วเราช่วยเขาไม่ได้ อีฟก็คงรู้สึกไม่ดี”
“ที่สำคัญคืออีฟอยากดูแลพ่อแม่ตัวเองให้ได้ก่อน คือเราไม่ได้คิดว่ามีแฟนแล้วแฟนต้องมาดูแลพ่อแม่เรา เพราะว่าถ้าแฟนเราไม่ดูแล จะกลายเป็นว่าพ่อแม่เราจะต้องไปดูแลแฟนเรามากกว่า สู้เรารับผิดชอบครอบครัวที่เรามีก่อนที่จะคิดขยาย หรือก่อนที่จะคิดรับใครอื่นเข้ามาน่าจะดีกว่า เพราะพ่อแม่เป็นคนปลูกฝังความคิดพวกนี้ให้เราเอง เขาก็คงรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราพร้อม เราเจอก็คงมีเอง หรือถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร”
“กดดันไหมเหรอ ไม่หรอกค่ะ เพราะว่าพ่อแม่อีฟก็เคยแต่งงานกันมาก่อนที่จะมาเจอกัน เพราะฉะนั้นอะไรๆ ในโลกนี้ก็ทำให้เรามองเห็นอะไรมาเยอะ คนรอบข้างพี่ป้าน้าอาหรือว่าพี่ๆ เพื่อนๆ ที่สนิทกัน มีตั้งเยอะที่คบกันมาเป็น 10 ปีแต่พอแต่งงาน 2 ปีก็เลิก มันก็หลายๆ ปัจจัย เลยทำให้เราคิดว่าอย่าไปคาดหวังอะไรมาก อะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทีเขาไม่ได้เลิกกัน แต่มีใครสักคนตายก็มี บางทีเราอาจจะตายก่อนแฟนเราก็ได้ (หัวเราะ) ไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้นอีฟไม่อยากคิดมาก แค่รู้ว่าทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่ ก็ทำให้ตัวเรามีความสุขและให้คนที่อยู่กับเรามีความสุขด้วยก็น่าจะโอเคแล้ว”
เผยกับอดีตหวานใจ “เคน” ยังได้เจอกันอยู่บ้าง แต่ไม่มีทางกลับไปรีเทิร์น ลั่นที่ยังโสดไม่ใช่หาคนดีกว่าไม่ได้ แค่ยังไม่เจอคนที่ใช่มากกว่า
“กับพี่เคนตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันค่ะ เจอกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้เจอกันบ่อยขนาดนั้น โอกาสกลับมาเหมือนเดิมสำหรับอีฟตอนนี้ก็ยังพูดว่าไม่ เพราะถ้าเกิดว่าเราคบกันแล้วดี เราทำให้กันและกันมีความสุขได้ขนาดนั้น อีฟคงไม่คิดจะหยุดตั้งแต่แรก เพราะคบกันมาตั้ง 6 ปี ฉะนั้นพอตอนที่เราหยุดก็คิดว่าเราจะมีความสุขมากกว่านี้ ซึ่งก็มีจริงๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเราคบกันในวัยที่ยังโตกันไม่เต็มที่ พี่เคนเองก็มีเป้าหมายในชีวิตของเขา อีฟเองก็มีเป้าหมายในชีวิตของอีฟ และการคบกันพอเราต้องมาแชร์ชีวิตเราครึ่งนึงให้กับอีกคน มันเหมือนเราทำได้ไม่เต็มที่ในส่วนที่เราควรจะต้องทำ และพอเราหยุดและเป็นเพื่อนกัน เราก็กลับมาทำอะไรให้ตัวเองได้มากขึ้น ตัวเขาเองก็เหมือนกัน มันก็เลยทำให้อีฟคิดว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วเราอาจจะยังไม่พร้อมที่จะมีใครก็ได้”
“ที่บอกว่าที่ไม่มีใครเพราะยังหาดีเหมือนพี่เคนไม่ได้ ไม่ใช่หรอกค่ะ เพราะว่าอีฟไม่ได้คบกับคนแล้วเอามานั่งเปรียบกันว่า ใครดีเหมือนใครไม่เหมือนใคร แต่เราคงจะรู้เองว่าใครคือคนที่เรารู้สึกด้วย แต่ตอนนี้เรายังไม่เจอก็คือไม่เจอแค่นั้นเอง พี่เคนถึงจะเป็นคนดีก็จริง แต่เขาก็มีข้อบกพร่องของเขา อีฟเองก็เหมือนกัน อีฟไม่ได้เป็นฆาตกรไปฆ่าใครก็จริง แต่ว่าอีฟก็มีข้อดีข้อเสียของอีฟเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็เลยเหมือนกับเรายังไม่เจอคนที่โดน หรืออยู่ด้วยแล้วใช่มากกว่า ก็เลยเรื่อยๆ ไม่ได้ไปคาดหวังอะไรกับมัน”
“แต่เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็เคยคิดนะว่าอยากจะมีครอบครัว แต่พอเห็นสังคมเป็นแบบนี้เราก็กลัว เอาเข้าจริงๆ ถ้ามีครอบครัวแล้วแต่งงาน ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากจะมีลูกไหม ทั้งๆ ที่เป็นคนชอบเด็กมาก แต่เรารู้สึกว่าโลกปัจจุบันมันคาดเดาอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้ทั้งเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ได้ทั้งเรื่องภัยธรรมชาติ ไม่ได้ทั้งเรื่องสวัสดิภาพ (หัวเราะ) มันคาดเดายาก บอกไม่ได้เลยว่าลูกเราจะอยู่ในสภาพแวดล้อมและเติบโตมายังไง หรือว่าต้องเผชิญกับอะไรบ้าง มีแล้วต้องเป็นห่วงอีก เลยไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกันค่ะ ก็ปล่อยไปเรื่อยๆ ดีกว่า”
ที่มา: manager.co.th