Author Topic: “มด” ขอโทษ “แพม” สะบัดผมโดนหน้าทำเจ็บ สุดเศร้ารักล่มแฟนฝรั่ง  (Read 1134 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




“มด ทรีจี” เคลียร์เอามือเบิ๊ดกะโหลก “แพม” เผยสะบัดผมไปโดนทำอีกฝ่ายเจ็บ เอ่ยปากขอโทษยันไม่มีเจตนา เพราะเพื่อนในกลุ่มโดนแบบนี้กันหมด จนถูกทักให้ไปตัดผมทิ้ง สุดเศร้าเพิ่งเลิกแฟนฝรั่ง เหตุฝ่ายชายไม่คิดเรื่องแต่งงานหรือมีอนาคตร่วมกัน
       
       เคยมีข่าวซดเกาเหลากันไปแล้วรอบหนึ่ง ระหว่างสองสาวเซ็กซี่ “มด ทรีจี” หรือ “กัลยา จิรชัยศักดิ์เดชา” กับสาว “แพม ปานพิมพ์ เตชะธนชัยพัฒน์” ที่ฝ่ายหลังเคยตกเป็นข่าวมือที่สาม เข้ามาแทรกกลางฉกดีเจ “กฤษ กฤษกร ภูมิรัตน” จากอกสาว “มด” จนทำให้เกิดข้อพิพาทกันขึ้นมา พอเคลียร์เรื่องนั้นจบ เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวทั้งคู่เกิดกรณีเกาเหลากระพือพัดขึ้นอีกรอบ จากการที่ไปเดินแฟชั่นร่วมเวทีเดียวกัน แล้วสาว “มด” ไม่พอใจที่ “แพม” เดินไม่ดี จึงทำทีเป็นเอามือสยายผมแล้วไปตบโดนหน้าอีกฝ่ายเข้าให้
       
       ซึ่งก่อนหน้านี้ “แพม” ได้ออกมาเผยถึงเรื่องนี้แล้วว่า “มด” เอามือมาโดนหน้าจริง แต่เชื่อไม่ตั้งใจเพราะเวทีแคบและอีกฝ่ายก็เอามือสยายผม เลยอาจพลาดมาโดนหน้าตน คราวนี้ถึงที “มด” เคลียร์เรื่องดังกล่าวบ้าง เจ้าตัวเผยไม่ได้เอามือไปโดนหน้า “แพม” แต่เป็นเส้นผมและไม่ได้ตั้งใจทำจริงๆ
       
       “มดเฉยๆ มาก กับเรื่องนี้ คือมดก็อยู่ตรงนี้มานานแล้ว มันก็มีข่าวมาอยู่เรื่อยๆ เวลามีข่าวมดจะเป็นคนไม่เคยเครียดอะไรเลย มีเครียดเรื่องเดียวที่เคยผ่านมา ก็คือข่าวเรื่องความรัก อันนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เป็นข่าวที่เราเศร้าที่สุด เพราะมันเป็นข่าวที่เป็นความรู้สึกของเรา แต่ถ้าเป็นข่าวเรื่องอะไรก็แล้วแต่มดเฉยๆ มาก เพราะมดเข้าใจว่าบางครั้งอาจจะเป็นจุดขายของหนังสือ เขาก็ต้องทำธุรกิจของหนังสือเขา อีกอย่างคือผู้อ่านมีหลายแบบ บางคนจะเชื่อหรือไม่เชื่อเราก็ไม่สามารถห้ามความคิดใครได้ แต่สุดท้ายแล้วมดรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ และนักข่าวก็สามารถที่จะถามมดได้ว่าอะไรเป็นยังไง ก็แล้วแต่วิจารณญาณว่าเขาจะเชื่อหรือเปล่า”
       
       “แต่เหตุการณ์วันนั้นเล่าแล้วตลกมากเลย คือพอมดเห็นข่าวหน้าปกเขียนว่า มดเบิ๊ดกะโหลก คำว่าเบิ๊ดกะโหลกนี่ตลกมาก คือมันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว มดไม่มีทางทำใครแบบนั้นแน่นอน คือไม่มีไม่ชอบกันหรืออะไรทั้งนั้น มดไปทำงานคือทำงานอย่างเดียว แต่วันนั้นไม่รู้ข่าวออกมาได้ยังไง หรือใครอยากสร้างกระแสข่าวหรือเปล่า เพราะว่ามดเคยมีข่าวเรื่องแพมกับพี่กฤษ ซึ่งมดก็ทราบความจริงทุกอย่างแล้วว่าจริงๆ น้องแพมไม่ได้คบกับพี่กฤษ เขาก็มีคนที่คุยๆ อยู่ ซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนร้านเหมือนกัน แล้วซึ่งอาจจะมีไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ บ้าง ก็เลยเป็นข่าวเข้าใจผิดกัน หลังจากนั้นมดไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้ ก็เลยอาจจะเข้าใจผิดว่าเกาเหลากับน้องแพม”
       
       “ส่วนสาเหตุที่เป็นข่าวเกาเหลาครั้งนี้ ก็คือผมของมดเอง นี่คือผมจริงนะคะ ผมยาวและเส้นใหญ่มากเยอะมาก แล้วไม่ใช่แค่น้องเขาคนเดียวที่โดน ซึ่งเราก็ไม่ได้ตั้งใจ เพื่อนสนิทของมดทั้งกลุ่มเวลาไปไหนด้วยกัน และเวลาที่จะแยกกลับ มดก็สะบัดผมเดินแยกหนีออกไป แล้วปลายผมมันก็สะบัดไปตีเขากัน แล้วเจ็บมากเลยนะคะ เพราะผมมดหนามาก แข็งมาก แล้ววันนั้นเป็นวันที่เดินแบบคู่กันพอดี มดก็เดินนำไปก่อนนิดนึง แล้วมันจะมีช่วงให้เดินโพส ช่วงนั้นแหละที่เกิดมีข่าวว่ามดตั้งใจเอามือสะบัดผมเพื่อไปตีโดนน้องเขา”
       
       “พอมดอ่านก็ลงไปขำกลิ้งกับพื้นก่อนเลย แล้วก็บอกกับเพื่อนว่าเส้นผมของฉันเอาอีกแล้ว เป็นเรื่องอีกแล้ว เพราะตอนที่ถ่ายละครกับมี๊(พิศมัย วิไลศักดิ์) ถามมี๊ได้เลย คือเวลาที่หนูเล่นละครกับเขา หนูจะมัดผมหางม้า แล้วเป็นละครที่ต้องอยู่ใกล้กันตลอดเวลา เพราะมี๊เล่นเป็นแม่หนู แต่ช่วงที่หนูหันผมก็ไปโดนตามี๊ มี๊มาบอกอีกวันนึงว่า มี๊ไปหาหมอไปเช็คว่าตาเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะผมมันบาดตา”
       
       ยืนยันไม่เคยเกาเหลากับ “แพม” บอกเพื่อนทุกคนเจอแบบนี้หมด จนบอกให้ตนไปตัดผมได้แล้ว
       
       “คือเรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ ยิ่งเพื่อนๆ จะรู้ว่าผมของมดสะบัดตีคนอื่นมาเยอะแล้ว โดยที่ไม่รู้ตัวว่าโดน แล้วช่วงที่น้องเขาโดน ก็ไม่รู้ว่าน้องเขาจะคิดหรือเปล่า แต่น้องเขาออกมาบอกว่ามดไม่ได้ตั้งใจก็ขอบคุณมากเลย แต่ถ้าทำให้น้องเขาเจ็บ เราก็ไม่ได้ตั้งใจ มดฝากขอโทษจริงๆ เพราะว่าเพื่อนในกลุ่มโดนหมดแล้ว (หัวเราะ) ตอนนั้นคือช่วงที่มดหันเพื่อจะโพส แล้วเราก็มั่นใจเลยไม่ได้มอง พอดีน้องเขากำลังหันมา มดคิดว่าน่าจะเป็นช่วงนั้น มันก็เลยไปโดน”
       
       “แต่ยืนยันว่าไม่มีการเคืองกันมาก่อนแน่นอน เพราะว่าปลายผมมันไม่สามารถสัมผัสได้ว่ามันโดนอะไรบ้าง มันไม่เหมือนปลายมือที่จะมีความรู้สึกเวลาไปโดนใคร ตอนหลังจากเดินแบบเสร็จเราก็ยังคุยกันอยู่เลยค่ะ แต่เขาไม่ได้มาบอกอะไร ยังคุยขอพินบีบีกันอยู่เลย มดก็ไม่รู้เรื่องเลย แต่ข่าวนี้มันออกมาได้ยังไงมดก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่น้องเขาทราบใช่ไหมคะว่า ผมมดปัดไปโดนจริงๆ คือมดไม่ทราบจริงๆ ฝากขอโทษน้องเขาด้วยที่ทำให้เจ็บ”
       
       “เพื่อนมดยังบ่นกันเลยบอกให้ไปตัดผมเถอะ เพราะผมสะบัดมาโดนตลอดเลย แล้วเจ็บมาก ก็เลยต้องฝากขอโทษเขาจริงๆ ว่ามดโดยนิสัยแล้วไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน ไม่มีเกาเหลากันแน่นอนค่ะ ถึงถ้าสมมติมดอาจจะมีใครในชีวิตข้างหน้า แล้วมีใครที่เราไม่ชอบ มดก็ไม่มีทางที่จะทำแบบนี้แน่นอน แล้วข่าวที่ว่ามดไม่พอใจที่น้องเขาเดินแบบไม่ดี เลยเอามือไปปัดโดนน้องเขา คือมดไม่มีทางไปคอมเม้นท์ว่าน้องเขาเดินดีหรือไม่ดี มดพูดอย่างนั้นไม่ได้อยู่แล้ว และช่วงนั้นมดก็มองไม่เห็นว่าน้องเขาเดินยังไง มันก็ต้องต่างคนต่างทำงาน ซึ่งแคทวอล์กเราก็ต้องเดินไปข้างหน้าใช่ไหมคะ มดคงไม่สามารถมองสังเกตน้องเขาได้”
       
       “โดยส่วนตัวก็สนิทกันไม่มากค่ะ แต่ว่าเจอกันตามงานก็ทักทาย แล้วสายตาก็บ่งบอกได้เลยว่าความรู้สึกไม่มีอะไร น้องเขาก็ไม่มีทางมีอะไร เพราะว่าเขากับพี่กฤษตอนนั้นที่ทราบก็คือไม่ได้เป็นอะไรกัน ตอนนั้นเป็นข่าวสร้างกระแสจริงๆ แต่พอหลังจากเป็นข่าวนี้ก็ไม่ได้คุยกับน้อง เพราะเราต่างรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว และเป็นลูกผู้หญิงด้วยกัน มดไม่มีทางที่จะทำแบบนี้ ถึงแม้สมมติว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง มันคือสิทธิ์ของเขา มันคือชีวิตของเขา เราโตแล้วต้องแยกแยะ ถ้าเกิดว่าเราทำงาน มดจะมุ่งหน้าแค่การทำงานเท่านั้น ไม่มีทางที่จะไปคิดเรื่องพวกนี้แน่นอน”
       
       เผยกลับมาโสดอีกครั้งหลังเพิ่งเลิกกับแฟนฝรั่ง บอกพยายามปรับตัวเองและให้อภัยกันมาโดยตลอด แต่สุดท้ายฝ่ายชายสารภาพไม่พร้อมวางอนาคตร่วมกัน ตนเลยตัดใจเป็นฝ่ายบอกเลิกซะเอง
       
       “ตอนนี้โสดสนิทค่ะ อย่างที่ครั้งก่อนเคยบอกว่า มดไปหาเขามา และรอที่จะให้เขากลับมา คือรักอย่างน้อยมันยังมีคำว่าให้อภัย นั่นคือครั้งแรกที่มดเข้าใจว่า ความรักมันสามารถให้อภัยกันได้ มดก็ให้อภัยในสิ่งที่เขาทำ ที่เขาหายไปเดือนนึง คิดว่าถ้าเรายังรักเขาอยู่ เราก็ลดทิฐิลงดู เพราะเขาก็ลดลงมาพอสมควร เราก็เลยตัดทิฐิก็เลยกลับไปลองดูใหม่ แต่พอกลับไปเราก็พยายามแล้วที่จะปรับตัวทำตัวให้ดีขึ้น แต่เขาเองเหมือนเดิมทุกอย่าง คือมันนิ่งมันเหมือนเดิม เหมือนเรามองตาแฟนเราแล้วมันว่างเปล่า มันไม่เหมือนเดิม”
       
       “พอเขาพูดว่าถ้ามดเจอใครที่ดี เขาก็อยากให้มดไปเจอ เขาพูดเลยว่ายังไม่พร้อมหลายๆ อย่าง แต่มดเองที่ยังรักอยู่ ก็เลยยังดื้อดึงที่เหมือนจะไม่เป็นไร แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้เข้มแข็งพอหรอก คือผู้หญิงทุกคนอย่างน้อยมันมีความหวังอยู่แล้วว่า อยากมีอะไรที่ไปด้วยกันในอนาคต แต่สุดท้ายแล้วเราไม่เข้มแข็งพอ หลายครั้งที่มดหงุดหงิดทำให้ทะเลาะกัน แล้วเห็นเขาต้องหงุดหงิดด้วย ก็เลยมาคิดว่ามดตัดสินใจแล้ว และก็นั่งคิดอยู่นานว่า ถ้าตัดสินใจแล้วคือตัดจริงๆ”
       
       “นี่คือเพิ่งเลิกกันมาเมื่อ 5 วันที่แล้วค่ะ มดตัดสินใจเลย แล้วมดแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก ถามตัวเองว่าถ้าเขาพูดแบบนี้ แล้ววันนึงถ้าเกิดเขาไปเราจะทนได้หรือเปล่า ซึ่งเขาเป็นคนตรง คือฝรั่งก็ดีอย่างที่เขาจะพูดตรงๆ ว่า เขารักมดแต่ว่าเขาไม่พร้อม แล้วเขาก็ไม่คิดที่จะมีชีวิตแต่งงานด้วย นี่คือสิ่งที่ชีวิตเขาเลือก เขาบอกไว้เลยว่าจะไม่แต่งงาน เขาไม่พร้อมพอ คือเขาไม่ชอบ แต่ชอบที่จะอยู่แบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าเขารักอิสระนะคะ แต่นั่นคือสิ่งที่เขาเลือก เขาไม่อยากแต่งงาน”
       
       “แต่ผู้หญิงทุกคนสุดท้ายแล้วแต่งงานไม่แต่งงานไม่รู้นะ แต่ถ้าเราคบคุณมา 10 ปี แล้ววันนึงคุณไปเราจะเจ็บนะ ตอนนี้มดก็เลยตัดสินใจบอกเลิกเขาว่าจบเถอะ เธอก็ไปใช้ชีวิตของเธอ มันคงเป็นไปไม่ได้ ไม่อยากชวนทะเลาะแล้ว บางครั้งเราก็แอบน้อยใจว่าทะเลาะอีกแล้ว แต่เขาก็ยอมนะคะ ไม่มีเสียงดัง ยอมรับฟังทุกอย่าง แต่ในเมื่อเขาพูดมาอย่างนั้นแล้วว่า เรามีสิทธิ์ที่จะเลือก มดก็เลยคิดว่ามดออกมาดีกว่า”
       
       “ซึ่งพอมดบอกว่าขอเลิกไป เขาก็เศร้าเสียใจ เพราะเขาก็ยังรักมดอยู่ เขาไม่มีใครเลย เขาอยู่บ้านทำงานตลอด แต่มดคิดว่าชีวิตมดยังต้องก้าวไปข้างหน้า คุณพ่อคุณแม่มดก็อยากเห็นเรามีอนาคตที่ดี คือคนเราคบกันมันต้องมีอนาคตที่จะไปด้วยกัน แต่นี่มันมองไม่เห็นเลย ก็เลยคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ มันก็ไม่ต่างกับที่มดอยู่คนเดียว คือไม่มีเขามดก็เป็นแบบนี้ ซึ่งระยะเวลาที่คบกันมาอีกประมาณ 1-2 เดือนก็จะครบปี”
       
       บอกหลังเลิกอดีตแฟนหนุ่มแล้วไม่มีการติดต่อกันอีก และกลับมาใช้ชีวิตเพื่อตัวเองเต็มที่ พร้อมเปิดรับกับทุกคนที่เข้ามา
       
       “ตอนนี้มดสนุกสนานอยู่กับเพื่อนๆ และคงทำอะไรเพื่อตัวเองและเปิดตัวเอง ถ้าใครเข้ามาดีๆ เราก็คุย เพราะคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว มดจะยึดคำหนึ่งว่าทำดีไว้ก่อน ทำดีให้มากที่สุดโดยที่ไม่มีทิฐิ อย่างน้อยถ้าเลิกเราก็ไม่ต้องกลับมานั่งเสียใจ แต่นี่พูดได้เต็มปากว่าเราดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันไม่ใช่ มันไม่ได้เอง ฉะนั้นถอยออกมาก็ภูมิใจว่าฉันทำดีที่สุดแล้ว ก็ไม่ต้องมานั่งโทษตัวเอง”
       
       “เราก็ไม่ได้โทรหาอีกเลยค่ะ เพราะว่าหยุดดีกว่า ถ้ายิ่งโทรมันจะยิ่งไม่ขาด ถ้าตัดแล้วก็ตัดเลย ถ้ามดเข้มแข็งอาจจะมีคนใหม่ก็ได้ ถ้าเขากลับมาง้อเหรอคะ จริงๆ เขาเป็นคนรักสันโดษและเป็นคนเงียบ โลกส่วนตัวสูงมาก แต่มดก็เปลี่ยนตัวเองมาก คือมดมีแต่คำว่าให้ แต่สุดท้ายแล้วเราก็อยากมีคำว่ารับบ้าง ตอนนี้มุมมองความรักก็เปลี่ยนนะ เปลี่ยนว่าให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ โดยที่ใครเข้ามาเราคุย ถ้าเรารู้สึกดีกับใครเราก็ไม่ต้องเก็บ ไม่ต้องเก๊ก ไม่ต้องคิดว่าเราเป็นดารา คิดว่าเราก็คือมนุษย์เหมือนกัน”
       
       “บางครั้งการที่เป็นดาราอาจจะมีคิดว่า ลองหยิ่งดูนิดนึง ลองเชิง แต่มดคิดว่าเชิงมันไม่ต้องมีแล้ว ถ้าคนที่เป็นแฟนกัน คำว่าดาราไม่มีนะ แฟนก็คือแฟน ก็ทำดีที่สุด แต่ถ้าต้องง้อก็ต้องง้อให้ถึงที่สุด ไม่ต้องมีฟอร์มแล้ว ฉะนั้นก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร เพราะมดเคยเสียใจมามากแล้ว เสียใจเรื่องความรักมันก็แค่เสียใจมาก อาจจะร้องไห้จนมันไม่ไหวแล้ว แต่สุดท้ายตายไหม ก็ไม่ตายนะก็อยู่ได้ และลองหันกลับไปดูที่บ้านคือ ลืมคนที่บ้านตลอด ก็กลับไปหาความรักจากที่บ้านแทน”
       
       “ตอนนี้ก็เลยกลับไปหาพ่อ อยู่กับพ่อจริงๆ ชีวิตแฮปปี้มาก เพราะความรักมันสอนให้เราเป็นแบบนี้ และถ้าใครคิดแบบนี้จะมีความสุขมาก มีความรักและมีคำว่าให้ โดยที่อาจจะไม่ต้องมีผลตอบแทนก็ได้ แต่ให้เราหวังว่าอาจจะมีอะไรดีๆ ขึ้นมาบ้าง แต่รักกันไว้เถอะค่ะ อย่างน้อยไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน ก็จำสิ่งดีๆ กันไว้ก็ได้"

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)