"เลอโนโว" ปรับโครงสร้างผสานกลุ่มธุรกิจคอร์ปอเรตและคอนซูเมอร์เข้าด้วยกัน ตั้งทีมงานใหม่กลุ่มไฮบริดดูแลการขายและการตลาดร่วมกัน เตรียมส่งสินค้าไลน์ใหม่เจาะตลาดเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ พร้อมปรับโฟกัสลดบทบาทการทำตลาดเน็ตบุ๊กหลังความต้องการหดตัว ตั้งเป้ายอดขาย 3 ปี ติดท็อปไฟฟ์ในไทย
นายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กร บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยประจำปี 2552 (เม.ย.-มี.ค.) บริษัทได้มีการปรับแนวทางการทำตลาดใหม่ คือการทำตลาดร่วมกันระหว่างกลุ่มสินค้าคอร์ปอเรตและคอนซูเมอร์ให้มีความผสมผสานมากขึ้น จากเดิมที่ทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจจะแยกกันอย่างชัดเจน ทำให้ต่อจากนี้มีความยืดหยุ่นในการเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น เช่น สินค้ากลุ่มคอนซูเมอร์สามารถเข้าสู่ตลาด
เอสเอ็มอีหรือ โปรเจ็กต์ต่างๆ ได้
ขณะที่สินค้ากลุ่มคอร์ปอเรตสามารถกระจายอยู่ตามร้านรีเทลได้เช่นกัน หากมีสินค้าที่ลงตัวและร้านค้านั้นมีทำเลที่เหมาะสมสำหรับวางขาย เพราะปัจจุบันลูกค้า
เอสเอ็มอีไม่นิยมสั่งซื้อสินค้าทางโทรศัพท์ แต่จะเดินตามร้านไอที ดังนั้นการมีสินค้าโชว์ตามหน้าร้านจะทำให้ลูกค้ามีโอกาสเห็นสินค้าเพิ่มมากขึ้นและบางครั้งสินค้ากลุ่มคอร์ปอเรตอาจจะแพงไป ไม่เหมาะกับเอสเอ็มอี ทำให้ไม่สามารถสู้กับคู่แข่งได้
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้เกิดการประสานงานกันระหว่างสองกลุ่มธุรกิจมากขึ้น และมีโอกาสเพิ่มยอดขายให้ทั้งสองกลุ่มด้วย และล่าสุด บริษัทได้เพิ่มทีมงานใหม่เป็นกลุ่มไฮบริดเพื่อทำหน้าที่ส่วนกลางที่ดูแลด้านฝ่ายขาย การตลาดและการประสานงานเรื่องสินค้าของทั้งสองกลุ่ม เพื่อให้มีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น และเร็วๆ นี้เลอโนโวมีแผนที่จะนำสินค้ารุ่นใหม่ซึ่งเจาะกลุ่มเอสเอ็มอีโดยเฉพาะเข้ามาทำตลาดในไทย
นอกจากนี้เมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาเลอโนโวได้ปรับการยืดระยะเวลาเครดิตเปย์เมนต์ให้กับพาร์ตเนอร์จาก 30 วันและ 45 วัน เป็น 60 วันและ 90 วัน เพื่อช่วยพาร์ตเนอร์ในกลุ่มคอร์ปอเรตมีกระแสเงินสดในมือมากขึ้น
"2-3 ปีที่ผ่านมาเลอโนโวไม่ได้โฟกัสตลาดเอสเอ็มอี มีแต่กลุ่มคอร์ปอเรตและคอนซูเมอร์เท่านั้น และหากอยู่ภายใต้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งสินค้าอาจจะไม่ตอบโจทย์ ทำให้ต้องผสมผสานกันและให้ลูกค้าเป็นผู้เลือกเอง และปัจจุบันตลาดเอสเอ็มอีมีขนาดตลาดที่ใหญ่เท่ากับตลาดเอ็นเตอร์ไพรส์ ดังนั้นบริษัทน่าจะมีโอกาสทำตลาดได้จากเดิมที่ไม่มีส่วนแบ่งตลาดเลย"
ด้านนายขจรเกียรติ อร่ามรัศมีกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท เลอโนโว กล่าวเสริมว่า ปีนี้เลอโนโวจะเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งกลุ่ม
คอนซูเมอร์และเอสเอ็มอีประมาณ 30 รุ่น เน้นสินค้าพรีเมี่ยมเพื่อสร้างมูลค่ายอดขายให้มากขึ้นและช่วยดีลเลอร์ให้มีมาร์จิ้นในการขายด้วย โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยสินค้าของเลอโนโวประมาณ 2 หมื่นบาทขึ้นไป ขณะที่ราคาเฉลี่ยในตลาด 1.5-2 หมื่นบาท
รวมถึงการหาตลาดบลูโอเชี่ยน โดยล่าสุดได้เปิดตัวสินค้าเดสก์ท็อปออลอินวัน IdeaCenter A600 ราคา 42,900 บาท เนื่องจากความต้องการเดกส์ท็อปทั่วไปมีแนวโน้มลดลง พร้อมเปิดตัวโน้ตบุ๊ก IdeaPad Y650 หน้าจอขนาด 16 นิ้ว ราคา 52,900 บาท IdeaPad Y550 ราคา 32,900 บาท และ Y450 ราคา 32,900 บาท
พร้อมกันนั้นบริษัทปรับสัดส่วนยอดขายจากเมื่อปลายปีที่มีรายได้จากโน้ตบุ๊ก 60% เน็ตบุ๊ก 40% เปลี่ยนเป็น 80% กับ 20% ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการเน็ตบุ๊กในตลาดลดลงเพราะการใช้งานที่จำกัด อย่างไรก็ตามเลอโนโวมีแผนที่จะเปิดตัว
เน็ตบุ๊กเพิ่มอีก 3 รุ่นในครึ่งปีแรกนี้ ขณะเดียวกันมีแผนที่จะนำอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ภายใต้แบรนด์เลอโนโวเข้ามาทำตลาดเพิ่มด้วย เช่น เมาส์ แรม เป็นต้น เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายอีกทางหนึ่ง โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปีจะมีส่วนแบ่งตลาดติดในกลุ่มท็อปไฟฟ์ และล่าสุดเลอโนโวได้ปรับภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าเลอโนโวกลุ่ม
คอนซูเมอร์ใหม่ทั่วโลก จากสีดำเป็นสีส้ม
ที่มา: matichon.co.th