“วู้ดดี้” โวช่อง 9 ไว้ใจให้เวลาทำรายการเพิ่ม บอกทำจริงคงทำรายการทอล์ก ปั้นพิธีกรหน้าใหม่ดำเนินรายการแทน พร้อมเล็งขยายงานไปสื่ออื่น แย้มปีหน้าปรับ “วู้ดดี้ เกิดมาคุย” ให้ดารามาสารภาพความในใจ พร้อมน้อมรับเสียงด่าใส่โฆษณาแฝงมากไป อ้างเป็นการตลาด
เพิ่งจัดงานฉลองวันเกิดครบรอบ 34 ปีไปอย่างยิ่งใหญ่สุดเวอร์ มีเหล่าดารามาทำเซอร์ไพร์สเดินขบวนพาเหรดร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง ทำเอาพิธีกรมากความสามารถอย่าง “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” ถึงกับน้ำตาปริ่ม พร้อมคุยฟุ้งอีกว่า ผู้ใหญ่ทางช่อง 9 ให้โอกาสในการผลิตรายการเพิ่ม แต่ตนทำไม่ไหว เลยเล็งขยายสื่อด้านอื่นแทน พร้อมแง้มมีความใฝ่ฝันอยากปั้นพิธีกรหน้าใหม่
“ผู้ใหญ่ทางช่อง 9 ก็ให้โอกาสเราเยอะ คือเขาก็ป้อนงานให้เรื่อยๆ บางทีมันก็เป็นไอเดียที่เราคิดเล่นๆ เขาเอามาให้ก็เลยสนใจ ถือว่าบ้าจี้กันทั้งช่องนะเรา เห็นแบบนี้อะไรสนุกก็จะทำ ก็ขอให้คนดูมีความสุขไว้ก่อน ช่องก็มอบให้ตลอดเวลา บางทีก็ต้องเบรกกันบ้าง ผมว่าแค่นี้ก็แย่แล้ว แค่นี้คนก็หมั่นไส้แล้ว มัน 6 วันต่อสัปดาห์แล้ว แค่นี้ผมก็ไม่ไหวแล้ว ถ้าจะมีเพิ่มเติมก็เป็นเรื่องของมีเดียอื่น อินเทอร์เน็ตก็ดี ดาวเทียมหรือดูว่ามันจะไปทางไหนได้อีก”
“เรื่องจะขยับขยายรายการ ทีมงานผมจะบอกตลอดเวลาที่จะให้ทำรายการเพิ่ม ผมก็จะเฮ้ย (เสียงสูง) จะเอาเวลาที่ไหนมาทำเพิ่ม แต่หากจะเพิ่มก็เป็นรายการที่เราถนัดคือทอล์ก แต่ไม่ใช่เราเป็นพิธีกร ความฝันของผมคือสร้างพิธีกรเจนเนอร์เรชั่นใหม่ ไม่ใช่แค่เจนเนอร์เรชั่นใหม่หรือรุ่นใหม่ แต่เป็นรุ่นใหม่ที่มาหลายรุ่น มีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ เราก็อยากจะนำเสนอรายการทอล์กใหม่ๆ สำหรับหลายๆ กลุ่มเป้าหมาย นั่นก็คือความฝันที่จะทำ”
โวเรตติ้งรายการดีผู้ใหญ่ทางช่องไว้ใจ แย้มปีหน้าจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการ “วู้ดดี้ เกิดมาคุย” ให้เข้มข้นขึ้น
“ปีหน้าเข้าสู่ปีที่4 ผ่านไปเร็วเหมือนกัน ก็ดีใจที่ช่องให้ความไว้วางใจ วู้ดดี้ เกิดมาคุย จะลึกซึ้งมากขึ้นปีหน้า เรามีธีมเกิดมาคุยทุกสัปดาห์ มันจะเป็นเรื่องของการสารภาพ คือคนที่มานั่งต่อหน้าเราจะมีเรื่องราวชีวิตที่เราไม่เคยรู้มาก่อน หรือว่ามีเรื่องที่อยากจะสารภาพความในใจ เราวางวีคแรกไว้แล้วคือมกราคมจะเป็นเรื่องลับสุดยอดของผู้หญิงคนหนึ่งในวงการบันเทิง ฮอตมาก เขาจะมาเปิดใจ เราอาจจะได้รู้ครั้งแรกเกี่ยวกับข่าวที่เขาไม่เคยบอกใคร คือจะมีกั๊กๆ อะไรเล็กๆ น้อยๆ หยอดเข้าไปในทุกสัปดาห์ คือธีมของปีหน้าจะเป็นสารภาพ เป็นเซ็คชั่น”
“ถามว่าต้องการเปิดประเด็นใหม่ๆ หรือเปล่า ไม่ใช่เปิดประเด็น มันอาจจะเป็นประเด็นที่มีอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่แบบรุนแรง จะเป็นแบบเขามาเปิดใจมากกว่า แต่ประเด็นใหม่ๆ มีด้วย มันเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะทุกคนมีโจทย์บังคับว่าเราจะเอาอะไรให้คนดู และแน่นอนกับกระแสข่าวของคนโน้น คนนี้ คนนั้นที่เกิดขึ้น เราก็ต้องนำเข้ามา แล้วเขาก็ต้องมาเปิดใจให้เรา มันท้าทายดี แต่ทีมงานเขาวางไว้หลายเทปเหมือนกันสำหรับปีหน้า”
“วู้ดดี้ว่ามันไม่ยากหรอกครับที่จะล้วงเอาข้อมูลจากเขา เพราะทุกคนพร้อมที่จะเปิดใจ แล้วก็เราทำมา 3 ปีแล้ว และก็ไม่ใช่เป็นอะไรที่เด็กๆ เราก็คิดเหมือนกันว่าปีหน้าอยากจะลงลึกกว่านี้ คนดูของผม ก็เหวี่ยงมาเยอะเหมือนกัน ผมลองมาเยอะมาก แล้วถ้าเรารู้ตัวแล้วว่าจุดเด่นของเราคืออะไร ปีที่ 4 เราก็ทำให้มันชัดมากขึ้น ไม่ใช่ถามตรงถามแรง แต่คือถามแล้วก็ให้เขาพูดในสิ่งที่คนไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วอารมณ์การเสพการทอล์กต้องให้มันบันเทิงหน่อย ดังนั้นเราก็จะมีการปรับสองอย่างนี้”
“ส่วนเรื่องเวลาผมอยากปรับเปลี่ยนให้เร็วขึ้นนะ ตอนแรกอยู่ตอนสี่ทุ่ม ปัญหาคือมันติดข่าวต้นชั่วโมง และคนจะเข้าใจว่าข่าวต้นชั่วโมงคือจบแล้วรายการ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของอสมท. ของกรมประชาสัมพันธ์ เราก็ต้องพยายามทำให้มันดีที่สุด พูดถึงมันก็ดี คือดูละครเสร็จก็ดูต่อเลย แต่ว่าขยับมาทุ่มหนึ่งก็ดี (หัวเราะ) มาทันข่าวเลยก็ดี ใครๆ ก็ฝันว่าอยากจะได้สองทุ่ม แต่ได้แค่นี้ก็โอเค”
ยอมรับในรายการมีการโฆษณาแฝงมากเกินไป บอกเป็นเรื่องของการตลาด น้อมรับทุกคำวิจารณ์หากทำให้เสียอรรถรสในการรับชมไป
“ผมคาดหวังกับเรื่องเรตติ้งแน่นอน ด้านการตลาดนะคนชอบวู้ดดี้มาก (ยิ้ม) วู้ดดี้จะดูว่าคนชอบหรือเปล่า กระแสตอบรับดีหรือเปล่า คนดูเมาท์ถึงเยอะๆ มันก็โอเค แต่ถามว่าเขาได้ความสุขหรือความบันเทิงจากเทปนั้นหรือเปล่า นั่นคือความคาดหวังของผม ผมดูแล้วผมชอบหรือเปล่ามากกว่า แต่การตลาดมันก็ต้องมีตัวเลข ก็ต้องมีการขายต้องดูบ้างบางครั้ง แต่ผมจะไม่สวมหมวกการตลาด แต่จะเป็นครีเอทีฟ”
“เรื่องโฆษณาแฝงในรายการก็ยอมรับว่าขาย วู้ดดี้ก็ต้องทำมาหากิน เพราะฉะนั้นจะไม่พูดอ้อมค้อมว่า เราไม่ได้บอกคนดูหรอก แต่มันแปลตรงที่ว่าบางช่วงผมให้คุณเต็มๆ เลยนะ แล้วถ้าผมจะไม่ขายเลย คือมันก็ต้องมีรายได้ ผมจะต้องมีเงินในการลงทุนเพิ่มเติม บางอย่างเราก็พลาดจริงๆ บางอย่างกับการตลาดมันมาชนกัน แต่เราไม่สามารถบอกคนดูได้ ช่วงจังหวะทุกอย่างมันมาชนกันหมด บางเทปมันก็เลยรู้สึกว่าโอ้โห...หนักมาก ผมเองดูก็ไม่ได้แฮปปี้ยอมรับ แต่บางครั้งผมก็คิดว่าคนดูให้อภัยวู้ดดี้มาตลอด 2-3 ปี แต่วู้ดดี้คิดว่ามันเป็นช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมันมีบางเหตุการณ์ที่มีอะไรที่มันไม่ลงตัว ทำให้ทุกอย่างมารวมในเทปๆ หนึ่ง มันก็เลยรู้สึกหนักมากกว่าคนอื่น ก็ยอมรับคำติชมทั้งหมด”
“แล้วเดือนพฤศจิกายนนี้ผมก็ล้างบาปทำดี ตั้งแต่คุณเนวิน ชิดชอบ, ธัญญ่า (ธัญญาเรศ เองตระกูล), พี่มาช่า (วัฒนพานิช) ทุกอย่างมันเป็นเพียวทอล์กหมด มันก็มีทั้งการให้และเอาด้วย แต่เราไม่ได้เอาอะไรมากมาย เราให้มากกว่าเอา เพราะเราต้องมีเงินถึงจะอยู่รอด อันนี้คือพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ใครที่โดนวิจารณ์เราต้องรู้สึกต้องฟัง แล้วก็ต้องมองว่าจริงไหม ถ้ามันเป็นเรื่องจริงก็ต้องแก้ เราจะไม่ไปนั่งคิดมาก ปัญหามีไว้ให้วิธีแก้ เราก็ต้องมองจุดยืนเราด้วย เราต้องเข้าใจการตลาดเข้าใจความเป็นอยู่ มันมีเกมชง เราต้องเปรียบเทียบ เราไม่ได้เปิดแผ่นป้าย แต่บางครั้งมันต้องมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามา ผมก็รู้สึกอึ้งมากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่เราก็ต้องเดินต่อไป”
“ซึ่งตั้งแต่ต้นพฤศจิกายนก็เริ่มซอฟท์ๆ ลงแล้ว คลีนหมดแล้ว(หัวเราะ) เท่าที่ทำได้ แต่มันอาจจะกลับมาอีกก็ได้ (หัวเราะ) คือเรากำลังมองการตลาดใหม่ กำลังคิดหาวิธีให้มันสมูทที่สุด คนดูของผมเขาก็บ้าไปกับผมจริงๆ บางทีเขาก็ด่าวู้ดดี้มันบ้า มันหน้าด้านมาก แต่เขาก็ชอบดูความด้านของผม เราก็มานั่งคิดดูว่าเออมันก็เป็นประเด็นนะ มันก็มีอะไรให้คนวิจารณ์ได้ มันก็เป็นความสุข ผมไม่เคยว่า เพราะที่ด่าก็เพราะรักนะ อยากด่าก็เป็นความสุขของเราที่ได้ด่าวู้ดดี้ เราก็มองว่าโอเค เราทำให้เขาสุขมีอารมณ์ร่วมก็โอเค”
ที่มา: manager.co.th