พิษการเมืองฉุดกำลังซื้อตลาดไอทีทรุด ยักษ์ไอทีหวั่นตลาดชะลอตัวลากยาวถึงกลางปี"53 เหตุภาคธุรกิจหยุดการลงทุน-ใช้จ่าย ขณะที่คอนซูเมอร์ชะลอการตัดสินใจ บริษัทแม่สั่งจับตาสถานการณ์ใกล้ชิด "ซิสโก้" เดินนโยบายรัดเข็มขัด หยุดการลงทุน "เอเซอร์" พร้อมยิงโปรโมชั่น-แคมเปญต่อเนื่องหวังกระตุ้นตลาด ขณะที่ "อัสซุส" คุมเข้มนำเข้าสินค้าลดปัญหาสต๊อกบาน
นายธัชพล โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดไอทีไทย ทำให้ภาวะตลาดซึมยาวต่อเนื่องไปอีก เพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศถดถอย ขณะที่ภาคธุรกิจขาดสภาพคล่องโดยเฉพาะธุรกิจที่มีสายป่านสั้นอาจล้มหายไปจากตลาดได้ รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนที่ชะลอตัวออกไปอีก ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และกลุ่มเอสเอ็มอี เพราะขาดความมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตหรือลดการลงทุน เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต รถยนต์ เป็นต้น
ขณะที่ตลาดคอนซูเมอร์ ปัจจุบันได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจทำให้กำลังซื้อในตลาดลดลงประมาณ 10-20% ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่น่าจะทำให้ตลาดหดตัวลงไปมากกว่านี้ แม้ว่าจะมีภาพกำลังซื้อชะลอตัวไปบ้าง แต่ก็ยังมีการเติบโตอยู่
"ปัจจุบันตลาดไอทีไทยอยู่ระดับ bottom line แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้โอกาสการฟื้นตัวช้าออกไปเป็นช่วงกลาง ปีหน้าหรือปลายปีหน้าแทน จากเดิมที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงปลายปีนี้ เป็นลักษณะกราฟรูปตัวยูช่วงตกท้องยาวนานขึ้น จากเดิมที่กราฟเป็นรูปตัววี"
สำหรับริษัทซิสโก้ได้รายงานให้บริษัทแม่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทแม่ได้ให้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งนโยบายหลักของซิสโก้ขณะนี้คือไม่ลงทุนอะไรที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น หรือมีความเสี่ยงธุรกิจ เช่น การขยายสาขา การเพิ่มบุคลากร หรือการลงทุนทำการตลาดแบบเหวี่ยงแห จะเน้นเฝ้าระวังและโฟกัสการทำธุรกิจเพื่อรักษาฐานลูกค้าประจำ
อย่างไรก็ตาม บริษัทแม่มองว่า เหตุการณ์ทางการเมืองในไทยเหมือนกับที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ซึ่งในทางธุรกิจได้มีการบริหารจัดการเพื่อรับมือปัญหาทางการเมืองอยู่แล้ว ตอนนี้จึงยังไม่มีการดำเนินการใดเป็นพิเศษ และยังมองเห็นว่าประเทศไทยยังมีโอกาสโต
ด้านนายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่าจะกระทบต่อตลาดคอนซูเมอร์อย่างแน่นอน แต่ครั้งนี้ยังถือว่าโชคดีเพราะเกิดในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจไอที ซึ่งปกติยอดขายจะลดลง 10-15% อยู่แล้ว
"ช่วง มี.ค.เห็นสัญญาณบวกของตลาดไอที แต่เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้คาดว่าจะยิ่งแย่ลงไปอีก ได้แต่หวังว่าจะมีข่าวดีเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคให้กล้าตัดสินใจซื้อสินค้าอีกครั้ง โดยคาดว่าตลาดจะชะลอตัวไปถึงปลายปีสถานการณ์น่าจะเริ่มดีขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับภาครัฐบาลด้วยว่าจะมีนโยบายหรือมีแผนเรียกความเชื่อมั่นอย่างไร"
ช่วงไตรมาส 2 คาดว่าตลาดรวมน่าจะยังพอไปได้ แต่ทุกแบรนด์ต้องช่วยกันจัดโปรโมชั่นเพื่อช่วยกระตุ้นตลาด และการเมืองต้องนิ่งด้วย สำหรับแผนการทำตลาดของเอเซอร์ยังคงนโยบายเดิม คือการใช้จ่ายอย่างรัดกุม ขณะที่การเปิดตัวสินค้าใหม่จะเน้นกลุ่มสินค้าโลว์เอนด์เป็นหลัก แต่จะเพิ่มโปรโมชั่นและแคมเปญมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นตลาด
ด้านนายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ ประเทศไทย (จำกัด) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทแม่สอบถามถึงสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสั่งให้ทางบริษัทมอนิเตอร์ตลาดอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบให้ลูกค้ากลุ่มคอนซูเมอร์ชะลอการตัดสินใจซื้อสินค้าแน่นอน แต่จะมากน้อยขนาดไหนขึ้นอยู่กับความคลุมเครือของสถานการณ์
"ในสวนตลาดคอร์ปอเรตจะได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้การลงทุนของภาคธุรกิจลดลง มีความระมัดระวังในการขยายธุรกิจ ส่งผลให้ไม่มีการซื้ออุปกรณ์ไอทีตามมา โดยขณะนี้ตลาดไอทีอยู่ในภาวะทรงตัว โดยที่แนวโน้มการฟื้นตัวชะลอไปถึงในไตรมาส 3 เพราะมีเหตุการณ์การเมืองเข้ามาเป็นตัวเบรก"
นายพรเทพกล่าวว่า แผนของอัสซุสต่อจากนี้จะเน้นการบริหารจัดการสินค้าซัพพลายในตลาดให้สัมพันธ์กับดีมานด์ของลูกค้า เช่น การคัดเลือกโมเดลและจำนวนสินค้าที่จะเข้ามาทำตลาดต้องดูละเอียดมากขึ้น เพราะหากสินค้ามากเกินความต้องการจะก่อให้เกิดปัญหาสต๊อกค้างอยู่ที่ตัวแทนจำหน่ายและหน้าร้านค้า ทำให้ระบายสินค้าไม่ทัน เพราะตลาดไอทีต้องการสินค้าที่มีความสดอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการทำโปรโมชั่นที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เช่น โปรแกรมเงินผ่อน 0% ที่จะมีมากขึ้น เพราะลูกค้ามีความต้องการมากขึ้นในภาวะปัจจุบัน เป็นต้น
ที่มา: matichon.co.th