“ฟิล์ม” ปัดบวชล้างซวยลบล้างความผิดพลาดในอดีต แจงเป็นการบวชเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่และผู้มีพระคุณทั้งหลาย ส่วนมรสุมข่าวร้ายๆ ที่ผ่านมามองเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่า โต้ทำให้เสียโอกาสในการโกอินเตอร์ ลั่นไม่ขอพูดถึง “ฝ้าย” หลังอีกฝ่ายโฮเปิดใจเป็นแฟนเก็บฟิล์มมา 8 ปีเต็ม ย้ำแค่เพื่อนเจอก็ทักทายได้ เชื่อเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คำพูด
ผ่านมรสุมชีวิตอันหนักหน่วงมาได้พักใหญ่แล้ว สำหรับนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกแถลงข่าวขอลาบวชตามที่ตั้งใจ หลังจากที่ต้องเลื่อนไปหลายครั้งหลายครา แต่ก็มีประชาชนบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า การบวชครั้งนี้ของหนุ่มฟิล์ม เป็นการบวชเพื่อต้องการล้างซวย ลบล้างความผิดของตนเองที่เคยกระทำพลาดมาหรือไม่ ซึ่งงานนี้เจ้าตัวได้ชี้แจงว่าไม่ได้มองเช่นนั้น ตนเลือกมองเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้ทดแทนคุณพ่อแม่ ส่วนเรื่องร้ายที่ผ่านเข้ามานั้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดี
“ครั้งนี้ที่บวช ผมไม่ได้ต้องการลบล้างสิ่งที่ผิดพลาดของผมทั้งหมด ผมไม่ได้มองอย่างนั้นครับ คือมันเป็นเรื่องของงาน งานผมเยอะจริงๆ ณ ปัจจุบันนี้ยังเยอะอยู่เลย แต่เราก็ต้องทำให้ได้ เพราะมันก็เป็นครั้งนึงในชีวิตที่จะทดแทนผู้มีพระคุณทั้งหลาย ผมมองสิ่งที่ผ่านมาว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ พอวันนึงเรายืนขึ้นมาได้แล้ว เราก็มองถึงเรื่องที่ผ่านมาว่า มันเป็นละครชีวิตที่ล้ำค่ามาก และมันก็จะไปสอนคนอื่นได้ต่อ”
“ข่าวก็เริ่มซาไปแล้วผมเองก็เข้มแข็งขึ้น มันเหมือนกับว่าผ่านอะไรมา และทำให้ใจของเรามันเสริมใยเหล็กเข้าไป ทำให้หนาขึ้นกว่าเดิม มันก็เลยไม่ได้คิดอะไรแล้ว ก็เลยปลงปล่อยว่างมุ่งหน้าบวชอย่างเดียว พยายามทำงานให้ไวที่สุด เพราะผมต้องหายไป 6 เดือนครับ ช่วงนี้ก็เลยต้องปล่อยงานออกมาให้ได้เยอะที่สุด งานของผมจะได้ดูแลแฟนๆ ของผมไปก่อน งานผมจะได้ดูแลคนที่ผมรักแทนตัวผมไปก่อน ผมพยายามเก็บเกี่ยวทุกอย่างให้ได้มากที่สุด”
“หลายคนอาจจะมองว่า เรื่องราวครั้งนี้ทำให้ผมเสียโอกาสในการโกอินเตอร์ แต่ผมไม่ได้มองอย่างนั้นเลยจริงๆ ณ จุดๆ นั้น ในเมื่อถ้าผมหายไปแล้ว ผมไปทำตัวเองให้มันท้อมากขึ้นกว่าเดิม ผมว่ามันน่าจะง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ งานโกอินเตอร์ผมเองก็ยังมีเหมือนเดิม ผมไม่รู้นะ แต่ในส่วนตัวผมก็ดีขึ้น”
ไม่ขอพูดถึงนักร้องสาว “ฝ้าย อริญรดา ปิติมารัชต์” ที่ร้องห่มร้องไห้ออกทีวีพร้อมเผยเป็นแฟนฟิล์มมาตลอด 8 ปี เจ้าตัวย้ำเป็นแค่เพื่อนเจอกันก็ทักทายได้ เชื่อเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คำพูด
“ก็เป็นเรื่องปกติครับ ผมเชื่อเรื่องของเวลาว่า มันจะพิสูจน์ตัวเองว่าใครเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาทุกคนก็เห็นว่าผมเจอกับเรื่องอะไรมา พอผ่านไประยะนึงเดี๋ยวก็เห็นว่าใครเป็นยังไง ผมพูดอะไรไม่ได้ครับ เพราะเป็นผู้ชายด้วย อยู่ที่สว่างด้วย พูดไปก็ไปกระทบคนอื่นอีก แล้วคนอื่นเขาไม่ได้เป็นแบบเรา เราก็ต้องตกเป็น(เงียบไป)ตลอดครับ ที่ผ่านมาผมพยายามทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน พอมามีเรื่องนี้คนอาจจะหาว่าผมทำเสียซะเอง ที่ผ่านมาผมก็พยายามสอนน้องๆ ว่าผมเองก็เป็นคนธรรมดาคนนึง ถ้ามีโอกาสผมก็พยายามทำความดีหรือสร้างอะไรให้กับสังคมเยอะๆ เพราะน้องๆ ที่เป็นเด็กๆ แฟนผมเยอะมากเลย ผมก็อยากให้เขาเลียนแบบผมตรงนี้ แต่เรื่องที่ผ่านมาการใช้ชีวิตที่มันผิดพลาดอะไรบ้าง น้องๆ ก็ควรเอาเป็นแบบอย่าง”
“เรื่องฝ้ายก็ไม่รู้ครับ ยังไม่อยากพูดอะไร เขาออกมาพูดคนก็มองเราแย่อีก ก็ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมกับเขาก็เป็นเพื่อนกัน เจอกันก็คุยกันได้ปกติ ส่วนที่เขาบอกว่าเจอกันที่งานบริจาคน้ำท่วมของช่อง9 แล้วเขาไม่ทักผม คือผมไม่เห็นเขามากกว่า เพราะผมก็ทำงานไงครับ จะมีข่าวออกมาอีกเรื่อยๆ ก็ไม่เป็นไร ต่างคนต่างอยู่เลยหรือเปล่า ก็ไม่รู้ครับ ผมเฉยๆ ถามว่าพอมีข่าวตรงนี้ออกมาอีกแฟนคลับจะยังเข้าใจเราอยู่ไหม ก็มีเตรียมใจบ้าง แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ผมไม่สามารถรู้อนาคตได้หรอก ผมเองก็ต้องทำให้ดีที่สุดก่อน แล้วก็งานของผม และตัวของผมก็จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเอง ทุกคนก็จะมีสิทธิ์เลือกเองว่า จะพิจารณาอย่างไรกับตัวผม”
“ความรักในวันนี้ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว คือผมเฉยๆ เพราะว่าในทุกเรื่องที่ผ่านมา ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากๆ ตอนนี้ผมก็มุ่งเรื่องงานอย่างเดียว เพราะเวลาเหลือน้อยมาก เพราะผมจะบวชแล้วด้วย ผมก็พยายามทุ่มเทกับงานให้เต็มที่ที่สุด ความรักที่ผ่านมาที่แลดูจะยุ่งเหยิงมันก็เป็นบทเรียนที่ดีครับ เราก็ไม่เคยไปมองว่าที่ผ่านมามันเป็นอย่างไร เราเอาตรงนั้นมาสอนชีวิตเราต่อไป การดำเนินชีวิตมันจะได้ดีขึ้นกว่าเดิม ยังอยากจะมีความรักครั้งต่อไปอีกไหม มันขึ้นอยู่กับอนาคต ตอนนี้ผมไม่อยากคิดขอทำงานอย่างเดียว ผมพอแล้ว”
แย้มช่วงลาบวชเตรียมคลอดพ็อกเก็ตบุ๊กมาให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง เผยเป็นเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ซึ่งอาจมีเรื่องข่าวฉาวที่เป็นประเด็นปะปนอยู่ด้วย
“งานตอนนี้ก็เรียกว่ายุ่งมากครับ ผมก็จะทำงานเต็มที่เหมือนเดิมเพราะเราก็รักในการทำงานอยู่แล้ว งานพรีเซ็นเตอร์กลับเข้ามาหรือยัง คือตอนนี้ผมไม่มีเวลาทำเลยครับ มีเวลาอยู่ประเทศไทยแค่สองวันนี้ วันนี้แล้วก็พรุ่งนี้แล้วก็ไปอังกฤษ มาอีกครั้งก็กลับมาบวชเลย พอบวชเสร็จก็ไปเลย เจอกันอีกทีก็พฤษภาคมปีหน้าครับ แต่เร็วๆ นี้ผมกำลังจะมีพ็อกเก็ตบุ๊กออกมาก่อน ในช่วงที่ผมบวชอยู่ประมาณเดือนธันวาคม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตผมที่ผ่านมา เพราะผมเขียนเล่มแรกไปตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว และผมไม่เคยเขียนอีกเลย แต่พอมาตอนนี้เรามีเวลาเยอะมากจริงๆ ก็เลยเขียน กับเรื่องข่าวก็คงมีบ้าง”
“เวลาที่เหลืออยู่ของผมตอนนี้ก็ขอเต็มที่กับงาน และไปปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ก่อน เผื่อว่าจะได้มุมมองอะไรในชีวิตที่มันดีขึ้น ผมก็ อยากบอกกับแฟนๆ จริงๆ แล้วผมต้องขอบคุณทางแฟนๆ และพี่ๆ สื่อมวลชนด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะครอบครัว ผู้ใหญ่ เพราะทำให้ผมฟื้นตัวไวมาก ทุกท่านเป็นเหมือนยาที่มาคอยป้อนให้คนพิการคนนึงฟื้นตัวได้ไวขึ้น แล้วก็คอยประครองคอยหาลู่ทาง คอยประคบประหงมผมจนวันนี้แข็งแรงขึ้นมา แล้วเราก็ย้อนมองสิ่งที่ผ่านมาว่ามันคืออะไร และเราได้เห็นมากขึ้น ทำให้เราเข้าใจโลกมากยิ่งขึ้นในวันนี้”
“เรื่องกลับมาจะไม่ดังเหมือนเดิม ทุกอย่างผมเตรียมใจไว้บ้างแล้วครับ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้อนาคตหรอก ผมก็ต้องทำให้ดีที่สุดก่อน แล้วก็งานของผมและตัวของผม ก็จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเอง และทุกคนก็จะมีสิทธิ์เลือกเอง มีแอบคาดหวังอยู่บ้างไหม จริงๆ แล้วเรื่องเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับทางแฟนๆ และทุกท่าน แต่ในส่วนตัวผมก็จะทำงานให้เต็มที่เหมือนเดิม เพราะเราก็รักในการทำงานอยู่แล้ว”
ที่มา: manager.co.th