หลังจากไม่รับข้อเสนอซื้อมูลค่า 7 พันล้านเหรียญของไอบีเอ็ม (IBM) ซันไมโครซิสเต็มส์ (Sun Microsystems) ต้องเผชิญกับภาวะมูลค่าหุ้นร่วงระนาว ท่ามกลางความไม่เชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นที่หวั่นใจว่าซันจะยืนโดดเดี่ยวเพื่อต่อสู่ในสังเวียนซอฟต์แวร์และคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์คนเดียวไหวหรือไม่
สื่อมวลชนสหรัฐฯตีพิมพ์ข่าวว่า มูลค่าหุ้นของซันเมื่อวันจันทร์ที่ 6 เมษายนที่ผ่านมานั้นดิ่งลงถึง 23 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 6.56 เหรียญ แต่ก็ยังสูงกว่า 4.97 เหรียญซึ่งเป็นมูลค่าหุ้นวันที่ 18 มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ข่าวลือเรื่องไอบีเอ็มขอซื้อซันจะแพร่กระจายสู่สาธารณะชน
มูลค่าหุ้นที่ลดลงนั้นเกิดขึ้นในวันแรกที่โจนาธาน ชวาร์ตซ์ (Jonathan Schwartz) ซีอีโอซันส่งอีเมลแจ้งแก่บุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับซันทุกคนว่า ทีมบริหารของซันยังพร้อมที่จะขับเคลื่อนบริษัทตามกลยุทธ์ที่วางไว้ต่อไป โดยในแถลงการณ์ของซันนั้นไม่ได้ยืนยันหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับก้าวต่อไปของบริษัท บอกเพียงว่าซันจะยังถูกบริหารงานโดยทีมเดิม เท่ากับชวาร์ตซ์ซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนสก็อต แมคเนียลี (Scott McNealy) เมื่อปี 2006 จะยังคงอยู่ในตำแหน่งประธานบริษัทต่อไป
"เป็นนโยบายของซันที่จะไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวลือหรือคำคาดการณ์ สิ่งที่เราสามารถพูดได้คือซันจะมีหน้าที่นำตัวเองให้เดินไปตามกลยุทธ์ผลักดันการเติบโตต่อไป และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น" ตามเนื้อความในแถลงการณ์ของซัน
รายงานจากสำนักข่าวเอพีระบุว่า ทั้งสองบริษัทใกล้จะสามารถตกลงกันได้ตั้งแต่ก่อนปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากซันยังไม่พอใจราคาที่ไอบีเอ็มเสนอไว้ที่ 9.40 เหรียญต่อหุ้น ลดลงจากข้อเสนอซื้อครั้งแรก 11 เหรียญซึ่งสูงกว่ามูลค่าหุ้นซันเกือบสองเท่าตัวในช่วงเดือนมีนาคม
นักวิเคราะห์นั้นมองว่าการขายบริษัทให้ไอบีเอ็มจะเป็นก้าวที่ดีที่สุดของซัน ซึ่งสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้คู่แข่งอย่างไอบีเอ็มและเอชพีอย่างต่อเนื่อง และการเจรจาซื้อขายบริษัทที่ล้มไปก็อาจทำให้มีการเสนอซื้อซันในราคาที่ต่ำลงอีก หรืออาจะทำให้ซันสามารถตัดสินใจขายเฉพาะบางธุรกิจที่ไม่ต้องการเพื่อลดภาระบริษัทลงก็ได้ในอนาคต
กรณีดีลไอบีเอ็มที่ล้มไปทำให้มีการจุดประเด็นว่า ซันกำลังจะกลายเป็น"ยาฮู"รายที่สองหรือไม่ เนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นมีแง่มุมคล้ายกับการเสนอซื้อยาฮูของไมโครซอฟท์มูลค่า 4.75 หมื่นล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว นักวิเคราะห์ได้แต่หวังว่าผู้ที่ยังถือหุ้นซันจะไม่มีแนวคิดเหมือนผู้ถือหุ้นยาฮู ที่ทำให้อดีตซีอีโอเจอรี่ หยาง (Jerry Yang) ซึ่งนำทีมต้านการเจรจาต้องเผชิญความกดดันมหาศาลจนต้องลงจากตำแหน่งในที่สุด
ดีลที่ล้มไปไม่ได้มีผลกับซันอย่างเดียว มูลค่าหุ้นของไอบีเอ็มก็ลดลงเช่นกันเนื่องจากนักวิเคราะห์นั้นมองว่า ไอบีเอ็มจะได้รับประโยชน์มากมายหากสามารถซื้อซันได้สำเร็จ ทั้งการได้ตลาดเซิร์ฟเวอร์ที่ซันมีอยู่มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้กับเอชพีได้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ทรัพย์สินของซันเช่นภาษาจาวา และระบบปฏิบัติการโซลาริส (Solaris) นั้นก็จัดว่า "nice to have" หรือมีไว้ก็ดีสำหรับไอบีเอ็ม
มูลค่าหุ้นของไอบีเอ็มลดลง 0.65 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 101.56 เหรียญ ถือว่าดีกว่าคำพยากรณ์ที่นักวิเคราะห์ในตลาดแนสแดคเชื่อว่าจะลดลง 0.93 เปอร์เซ็นต์
เรียบเรียงจากเอพีและรอยเตอร์ส
ที่มา: manager.co.th
