“ชมพู” รับชวน “ลีเดีย” เข้าสังกัดโซนี่ฯ บอกคุยกันมาตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียด กำลังหาเวลา แย้มถ้ามีศักยภาพพอเตรียมดันโกอินเตอร์
ยังเป็นประเด็นไม่จบสำหรับกรณีของนักร้องสาว “ลีเดีย ศรัณรัตน์ วิสุทธิธาดา” กำลังจะหมดสัญญากับค่ายอาร์เอส ว่า จะตัดสินใจย้ายไปสังกัดกับค่ายไหน ก่อนหน้านี้ ก็มีกระแสข่าวว่า จะไปอยู่ค่ายโซนี่ มิวสิค แต่พอละคร “ระบำดวงดาว” ที่เจ้าตัวเล่นกับค่ายโพลีพลัส โด่งดังเป็นพลุแตก ก็มีข่าวว่า ขณะนี้ค่ายดังกล่าวก็กำลังจีบเข้าสังกัดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม “ชมพู ฟรุตตี้” สุทธิพงษ์ วัฒนจัง ผู้บริหารค่ายโซนี่ฯ ก็ได้เปิดเผยว่า มีการทาบทามลีเดียจริง และถ้ามีศักยภาพเตรียมดันโกอินเตอร์
“กับลีเดียก็มีการคุยกันมาตลอด ถามว่า ได้ชวนไหมก็บอกเขาตั้งแต่แรกแล้วว่าให้เขาเคลียร์กับทางบริษัทอาร์เอสก่อน แต่เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาลิเดียก็มาบอกว่าคงไม่ต่อสัญญาแน่ แต่ว่าไอ้เรื่องจะไปต่อสัญญาที่ไหนกำลังพิจารณาอยู่ แสดงว่าจริงๆ แล้วเรายังไม่ได้ตกลงกัน ตอนนี้ชัดเจนแล้ว ก็ยังเป็นในช่วงที่คุยกันอยู่ว่าเราลองมาคุยกันอย่างจริงจังมั้ย เดียเองก็สนใจที่จะทำงานร่วมกับโซนี่ในเชิงที่จะโกอินเตอร์ แต่ในส่วนอื่นๆ ยังไม่ได้คุยกันเลยว่ารายละเอียดเป็นยังไง ตอนนี้คืออยู่ในช่วงที่หาโอกาสไปคุยกันเดียอยู่ครับ”
“แต่เท่าที่คุยกัน ผมว่าน้องเขาเตรียมตัวอยู่แล้วตลอดเวลา เพียงแต่ว่ากำลังหาแนวทางของเพลงที่เขาจะทำต่อไปมันจะเป็นแบบไหน แต่ส่วนการร้องอาร์แอนด์บีก็น่าจะมีการร้องแบบนั้นอยู่ เพราะว่ามันเป็นจุดเด่นที่เขาทำได้ดีอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนักร้องหญิงคนไหนที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น เพราะฉะนั้นตรงนั้นก็ต้องยอมรับว่าเป็นจุดเด่นของเขาจุดหนึ่ง แต่ว่าก็ต้องมองหาจุดเด่นเพิ่มเติม อาจจะเป็นเรื่องของการเต้น หรือแนวเพลงที่อาจจะแตกต่างออกไป ที่เป็นเทรนด์ด้วย”
“โอกาสโกอินเตอร์ของลีเดียมีมากน้อยแค่ไหนเหรอครับ ก็จริงๆ แล้วศิลปินของบริษัทโซนี่ถ้ามีศักยภาพเราสนับสนุนให้ไปอยู่แล้ว เพราะว่ามันก็เป็นความฝันของศิลปินทุกคน เราก็อยากนำเสนอผลงานของเราไปสู่สากลครับ แต่เราก็สนับสนุนน้องอยู่แล้วครับ ถ้าน้องร้องภาษาจีนได้ด้วยยิ่งดีครับ”
ส่วนกับนักร้องวง “Sugar Eyes (ชูการ์อายส์)” ที่เจ้าตัวเป็นปั้นวงนี้ออกสู่ตลาด แล้วโดนเปรียบเทียบว่าเหมือนกับศิลปินของเกาหลี ยันไม่เหมือนกันแน่นอน
“ก็เป็นการตอบโจทย์ของโซนี่ฯ ว่า นี่คือ แนวทางเพลงของวัยรุ่นที่โซนี่ฯต้องการจะทำ ก็ต้องลองหาดูกันเองแล้วกันนะครับ ว่า มันแตกต่างจากเกาหลีที่ทำออกมายังไง แต่ส่วนตัวต้องบอกว่าก็คงจะเป็นแนวทางที่เรามองกันตลาดของโซนี่ฯ คำว่า พรีเมียมมันเป็นแบบไหนเราก็จะพยายามทำออกมาให้เห็น แต่ถ้าถามว่าเหมือนเกาหลีมั๊ยก็คงจะไม่เหมือน แต่เหมือนฝรั่งมั้ยก็อาจจะมีบางส่วน เหมือนไทยมั้ยก็เหมือนเพราะว่าคิดว่าการที่จะโกอินเตอร์เราต้องทำตัวเองให้ชัด เพราะถ้าเราจะไปแข่งกับเกาหลีเราไม่มีทางชนะเขา จะโกอินเตอร์แบบฝรั่งเราไม่มีทางชนะเขา”
“คือ พี่ยืนยันเลยว่าไม่เหมือนเลย และก็ไม่กลัวการเปรียบเทียบกับเกาหลีด้วย ที่บอกว่า ไม่เหมือนเพราะว่าคนที่เคยทำดนตรีให้กับพี่ และหยุดทำงานไปหลายปีตอนหลังมีความรู้สึกว่าเราเห็นแนวทางเดียวกันก็ได้กลับมาทำงานร่วมกัน เพราะฉะนั้นโปรดิวเซอร์คนละคนการที่ลายมือขะเหมือนกันมันเป็นเรื่องยากในขณะเดียวกันเรามีความตั้งใจที่จะทำออกมาให้เกิดความแตกต่าง เราไม่ได้บอกว่าเราจะทำให้ดีกว่าหรือว่าใครจะดีกว่า สิ่งที่เราต้องการคิอความแตกต่าง เพราะฉะนั้นบอกเลยว่าเราไม่ได้คิดที่จะให้เหมือนเราต้องแตกต่าง”
ที่มา: manager.co.th