Author Topic: "พี่ชาย" เผยนาทีชีวิต “ฟิล์ม” เหมือนร่างไร้วิญญาณ หมอบอกถ้ามาช้าอาจไม่รอด  (Read 1187 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai

“พี่ชายฟิล์ม” เสียงสั่นเผยนาทีชีวิตฟิล์มเหมือนมีแค่ร่างไร้วิญญาณ ถ้าเจอช้ากว่านี้มีสิทธิไม่รอด หายดีเมื่อไหร่อยากให้ฟิล์มบวชเพราะกลัวจะเกิดเรื่องอะไรร้ายแรงกว่านี้ เผยที่ผ่านมาฟิล์มเครียดมากเพราะไม่สามารถพูดอะไรได้ แถมผู้ใหญ่ที่ออกมาปกป้องก็โดนด่า อยากให้ความจริงถูกเปิดเผยแม้จะใช้เวลารอคอย 5 - 10 ปีก็ตาม
       
       

       
       หลังจากที่เมื่อช่วงเช้าของวันนี้(4 /ต.ค./53) นักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล BNH ย่านสาธร เนื่องจากกินยานอนหลับเกินขนาดนั้น ล่าสุดเมื่อช่วง 17.00 น. ก็มีกลุ่มแฟนคลับในนาม “ฟิล์ม แฟมิลี่” ที่รวมกลุ่มกันร่วม 20 คน เดินทางมาเยี่ยมและมอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักร้องหนุ่ม โดยมีพี่ชายของฟิล์มอย่าง “แอร์ สมโภช โตคงทรัพย์” ทำหน้าที่รับแทน และได้เผยถึงเหตุการณ์ตอนที่ขึ้นไปจะปลุกน้องชายไปทำบุญ แต่ปรากฏว่าเหมือนคนไร้วิญญาณไปแล้ว เพราะไม่มีสติเลย ทำเอากลุ่มแฟนคลับถึงกับปล่อยโฮเลยทีเดียว
       
       “ตอนเช้าคือนัดกันไว้จะทำบุญ ผมจะพาน้องไปใส่บาตรแถวบ้าน และตกลงกันไว้ว่าแม่เขาจะไปบวช ผมก็เลยขึ้นไปปลุกเขาที่นอนอยู่กับเพื่อน 2 คน พอขึ้นไปปลุกก็เงียบ ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าคงง่วงล่ะมั้ง ผมก็ใช้มือสะกิดๆ เฮ้ยๆ ตื่นๆ คือปกติเขาจะไม่ค่อยตื่นอยู่แล้ว แต่ก็จะลุกขึ้นมาบอกว่าแป๊บนึงน่าหรือว่าอะไรอย่างนั้น แต่นี่นิ่งไปเลย ผมก็เลยบอกเพื่อนว่าปลุกหน่อยซิ เขาก็บอกโหพี่ผมง่วงมากเลย เพราะฟิล์มน่ะกินยานอนหลับไปด้วย เขาก็ต้องง่วงกว่าผมอยู่แล้ว”
       
       “ผมก็เลยบอกว่ามันแปลกนะ เพราะกินยานอนหลับมันก็น่าจะตื่นมาบ้าง แต่นี่นิ่งไปเลย ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ ก็เลยตบๆ คราวนี้ผมไม่เห็นมีปฏิกิริยา จับลุกขึ้นมาก็เหมือนเป็นร่างเปล่าๆ น่ะครับ ตอนนั้นผมก็ทำอะไรไม่ถูก เลยลองจับหัวใจดูก็ยังเต้นอยู่ ก็โอเคไม่เป็นไร ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าแม่เคยเข้าโรงพยาบาลที่นี่ก็เลยรีบคว้าเบอร์มาโทรหาดู แล้วก็บอกว่าน้องกินยาอะไรเข้าไปไม่รู้ครับ ก็บอกว่ารีบส่งรถพยาบาลมาให้ได้มั้ย เขาก็รีบส่งมาก่อนเลย”
       
       “ตอนนั้นผมก็จะช่วยกันหามแต่ก็ยกไม่ไหว และไม่อยากให้แม่รู้ด้วย เพราะผมเป็นพี่พอเห็นตอนนั้น(นิ่ง...น้ำตาซึม) ผมยังทำใจไม่ได้เลย แล้วถ้าเป็นแม่ผมล่ะจะคิดยังไง ผมก็เลยเงียบ แล้วก็ค่อยๆ ยกกันลงมา โทรไปตามเพื่อนๆ ใกล้ๆ บ้านอีกคนมาช่วยกันยก ทีนี้พอมาที่นี่ปุ๊บก็มีข่าว แม่ก็รู้ แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าไม่มีอะไร น้องไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้นคือไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็เลยบอกแม่ไปว่าให้ไปบวชเหมือนเดิม อย่าออกมา ไม่ต้องมา เพราะว่าผมดูแลได้ ส่วนยายก็เหมือนกันก็ได้รับข่าว ยายก็ไม่ไหวเหมือนกัน ผมก็เลยโทรบอกน้าว่าฟิล์มเดินเล่นอยู่ที่บ้าน ไม่เป็นไร ยังไงก็ฝากให้ข่าวนี้อย่าไปรบกวนยายเลย”
       
       เผยยาที่ “ฟิล์ม” กินเข้าไปอาจจะมีทั้งยานอนหลับของตัวเอง รวมไปถึงยาคลายเครียดของดารารุ่นพี่ “จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์” ให้มาด้วย เลยทำให้อาการเป็นถึงขนาดนี้ และหมอบอกว่าถ้าตนเข้าไปพบช้ากว่านี้อาจจะไม่รอด
       
       “ยาที่เขากินเข้าไปใช่ยาพี่จิ๊กรึเปล่าผมไม่แน่ใจ คือเหมือนกับว่าผมสันนิษฐานนะครับ คงได้รับยาพี่จิ๊กมาด้วย และมียาของเขาเองอยู่ด้วย แล้วเขาก็คงกินไปแล้วคงไม่เห็นเป็นอะไรก็เลยอาจจะทานเข้าไปอีกมั้งครับ อันนี้ผมสันนิษฐานนะ แต่เรื่องการทำร้ายตัวเองไม่มีแน่นอน ไม่มีทางครับ ไม่มีทางเกิดจากครอบครัวนี้เด็ดขาด ไม่มีทางเกิดกับน้องผมเด็ดขาด”
       
       “ยาที่เหลืออยู่เห็นมีแผงละ 1-2 เม็ด ของพี่จิ๊กผมเห็นอยู่แผงเดียวนะครับ แต่ไม่ทราบว่าเขากินเข้าไปบ้างแล้วหรือเปล่าที่พี่จิ๊กบอกให้มา 2 แผง แต่ผมคิดว่าไม่น่ากินเข้าไปทั้งแผงนะ คงกินเข้าไปแผงเดียว เพราะฟิล์มเป็นคนที่ประมาทกับร่างกายตัวเองตรงที่ว่าเขาคิดว่าเขาเป็นคนแข็งแรงครับ ผมคิดว่าเขากินเข้าไปแล้วคิดว่าไม่เห็นหลับ คงแข็งแรงมั้ง คงกินเข้าไปอีก แต่พอหลับก็เลยหลับไปเลย แต่ไม่มีทางครับที่จะมาคิดอะไรสั้นๆ แน่ๆ ช่วงที่ผ่านมาเขาก็ใช้ยาไม่บ่อยนะครับ เพิ่ง 2-3 ครั้ง เห็นเขาเพิ่งพูดว่าบางทีก็ไม่ได้ใช้ บางทีก็ใช้ คือจริงๆ ปกติบ้านผมเป็นคนอารมณ์ดีอยู่แล้ว ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง แต่มันคงไม่ถึงขนาดนี้ ไม่ได้ใช้ทุกวันครับ”
       
       “ตอนนี้หมอก็ยังไม่ได้ว่าอะไรครับ แต่ว่าห้ามเข้าไปเยี่ยม แต่พอน้องผมรู้สึกตัวขึ้นมาปุ๊บ เขาก็ให้ผมเข้าไปหา แต่ตอนนั้นเหมือนน้องนึกว่ายังอยู่บ้านมั้งครับ ลุกขึ้นมาแล้วก็ล้มลงกับเตียงน่ะครับ พยาบาลก็เลยรีบตามผมไป แต่พอเขารู้สึกตัว ผมได้คุยกับเขาล่าสุดครั้งเดียวก็คือเหมือนฤทธิ์ยามั้งครับทำให้ลิ้นแข็งๆ ยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ซึ่งเขาก็ยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ก็ยังไม่ได้ถามหมอละเอียดว่ารักษาอะไรไปบ้าง เท่าที่ทราบก็คือฉีดน้ำเกลือ เห็นตอนแรกเขาพูดว่าน้ำเกลือยังไม่มีน้ำหวานอะไรก็ไม่รู้ แต่ตอนหลังมีแล้วน้องก็เลยเริ่มรู้สึกตัวบ้าง แต่ไม่ได้ล้างท้องนะครับ แต่อาจจะฉีดคาร์บอนอะไรสักอย่างที่มันไปดูดพิษอะไรรึเปล่านี่แหละครับ”
       
       “ตอนนี้เขาก็หลับอยู่ครับ ตอนคุยกับผมเขาก็งงๆ เบลอๆ ไปแป๊บนึงได้เท่านั้นก็กรนไปอีก ผมก็ออกมาเลย ก็คุยรู้เรื่องครับ แต่ลิ้นยังพันๆ อยู่ แต่ตอนนี้หายห่วงได้แล้วครับ ก็มีแค่ผมกับเฮียที่ได้เข้าไปเยี่ยม แต่สำหรับคนอื่นผมว่าอย่าเพิ่งมาเยี่ยมเลยครับ เพราะขนาดผมเองยังไม่ได้เข้าไปเลย ยกเว้นน้องตื่น เพราะว่าทางหมอกับพยาบาลอยากให้พักนานๆ พักไปก่อน คงรอให้ฤทธิ์ยามันออกไปก่อนน่ะครับ”
       
       “แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าฤทธิ์ยาจะหมดเมื่อไหร่ แต่ตอนมาเขาบอกว่าถ้าเกิดผมไม่ไปปลุกทำบุญตอนเช้าก็คงไม่อยู่แล้วครับ เพราะหมอเขาบอกว่าถ้าเกิดมันออกฤทธิ์ครบมันก็จะอันตรายมาก ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ คือแค่ผมเห็นตอนเช้าผมก็พูดอะไรไม่ถูกแล้วครับ รนทำอะไรไม่ถูก พอโทรหารถพยาบาลเสร็จ ออกไปสตาร์ทรถถอยเข้าถอยออก งงไม่รู้จะทำอะไร เบลอไปหมด พอตั้งสติได้ก็เลยโทรไปเรียกเพื่อนมาอีกคนนึง แล้วก็รอรถพยาบาล”
       
       เผยเรื่องที่ทะเลาะกับ “พจน์ อานนท์” ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ “ฟิล์ม” กินยาเกินขนาด แต่เพราะวันนี้เตรียมมีแถลงข่าวพร้อมแฟนคลับ น้องชายจึงไม่อยากให้เห็นว่าโทรม จึงอยากพักผ่อนให้เต็มที่มากกว่า
       
       “จริงๆ วันนี้จะนัดแถลงข่าว ก็คงอาจจะเห็นว่าทะเลาะกับพี่พจน์ด้วยว่าจะพูดหรือไม่พูด อันไหนไม่อยากพูดอะไรอย่างนี้น่ะครับ แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันแรงหรอกครับ พี่พจน์ฟิวส์ของเขาอยู่แล้วแบบว่าต้องพูดความจริงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สังคมนี้อย่าลืมครับพูดไม่ได้ครับ แต่เขาก็เข้าใจพี่พจน์นะครับ ทะเลาะยังไงก็ยังรักกันเหมือนเดิม แต่น้องก็อาจจะเครียดตรงนี้แหละครับว่าจะเอายังไงดี ก็อาจจะเป็นไปได้ เขาก็เลยกินยาเข้าไปอยากให้หลับ เพราะเขาก็ต้องการให้ตัวเองสดชื่นขึ้นในวันนี้เพื่อจะมาแถลงข่าวกับแฟนคลับ แล้วถ้าตัวเองโทรม แฟมิลี่คือกลุ่มแฟนคลับของเขาทั้งหลายก็จะรู้สึกไม่ดีไปด้วย ซึ่งฟิล์มเป็นห่วงตรงนั้นมาก ยังไงก็ต้องทำตัวให้เฟิร์มให้ดูดีไว้ก่อน เพราะถ้าโทรมและแฟนคลับร้องไห้ ฟิล์มก็คงไม่มีกำลังใจเหมือนกัน”
       
       “แล้วฟิล์มเขาก็ได้ดูมิวสิควิดีโอที่แฟนคลับทำให้แล้วครับ เขาก็ร้องไห้ ผมดูผมก็ร้องไห้(เสียงสั่น นิ่งไป) เขาก็บอกว่าดูซิอย่างน้อยๆ ก็ยังมีคนที่เข้าใจ อย่างน้อยๆ เขาก็ยังมีคนที่เห็นใจ อย่างน้อยๆ ก็ยังมีคนที่รักเรา แต่ผมไม่อยากให้น้องๆ หรือใครร้องไห้นะครับ เพราะว่าน้ำตาของทุกคนจะทำให้บ้านผมและฟิล์มอ่อนแอลง เพราะพวกผมรู้สึกได้ถึงความรักที่ทุกคนมีให้ กลุ่มฟิล์มแฟมิลี่คือชีวิตของฟิล์มครับ เพราะเขาฝันมาตลอด นอกจากเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่แล้ว เขาฝันมาตลอดที่จะเป็นดารา นักร้อง และคนเหล่านี้ที่คอยให้กำลังใจในผลงาน ไม่ว่าจะมีกระแสด่าว่ายังไง ไม่ว่าจะมีกระแสแรงแค่ไหน ยังมีคนเหล่านี้ไม่เคยทิ้งกัน เหมือนเพื่อนแท้ เหมือนเพื่อนตาย เหมือนครอบครัว”
       
       “ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาก็เครียดแหละครับ คือเขาพูดอะไรก็ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ แต่ผมก็ให้กำลังใจเขา บอกว่าให้อดทน เพราะว่าอะไรที่เป็นความจริง มันย่อมเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำครับ อดทนเท่านั้น แต่เรื่องนี้จะจบยังไงนั้นผมว่าการจะจบได้ผมว่ามันต้องใช้เวลา ผมก็ไม่รู้อนาคตหรอกนะครับว่าต่อไปมันจะจบดีหรือไม่ดี หรือมันจะเป็นยังไง ผมก็ไม่ได้อยากไปเรียกร้องอะไรกับใครมากมายหรอกครับ เพราะว่าสังคมปัจจุบันดีไม่ดียังไงเราก็ไม่สามารถพูดได้ เราไม่สามารถไปบอกได้”
       
       บอกหลังจาก “ฟิล์ม” หายอยากให้รีบบวชอย่างที่เคยพูดไว้นานแล้ว เพราะถ้ายังไม่บวชอีกก็ไม่รู้จะเกิดเหตุร้ายอะไรอีกหรือเปล่า
       
       “หลังจากนี้ถ้าเขาตื่นขึ้นมา อย่างแรกเลยแน่นอนเขาก็คงจะงงแหละว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ เพราะตอนแรกที่เขาตื่นขึ้นมาเขาก็ถามว่าทำไมเขามาอยู่ตรงนี้ ผมก็บอกว่าวูบไป คือก็ต้องคุยกันก่อนครับว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นอะไร จริงๆ ก็อยากให้เขาบวชอย่างที่เขาได้พูดไว้ เพราะผมรู้สึกว่าพูดไว้นานแล้ว และก็จะมีอะไรเข้ามาสกัดไว้เรื่อย พองานเสร็จบอกจะบวชแล้ว ก็มามีเรื่องนี้อีก ก็เลยยังไม่ได้บวชซะที ถ้าคราวนี้ไม่ได้บวชอีกผมก็ไม่รู้ว่าจะไปขับรถชนอะไรที่ไหนเมื่อไหร่ ผมก็เลยว่าถ้าเสร็จตรงนี้ก็บวชดีกว่า ก็ไม่รู้จะยังไงนะครับ เพราะเห็นเขาบอกว่าเดี๋ยวบวชก็จะหาว่าเขาหลบผ้าเหลืองอะไรอีก ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ผมไม่ค่อยอยากให้แคร์หรอกครับ”
       
       “เขาร้องไห้บ่อยมั้ย ถ้าเจอเรื่องปกติไม่ร้องหรอกครับ แต่ถ้าเกิดว่าได้อ่านข้อความเป็นกำลังใจ มีคนรู้สึกดีๆ กับเราเข้ามา หรือว่ามีผู้ใหญ่ที่เขาเข้ามาช่วยเหลือแล้วเขาโดนด่าโดนว่า แต่เขาก็ไม่ได้ร้องทุกวันหรอกครับ ร้องก็ตอนที่เฮียออกมาแล้วโดนด่า พี่พจน์ออกมาแล้วโดนด่าโดนว่า แต่ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ จริงๆ ก็กราบขอบคุณนะครับ แต่ผู้ใหญ่ท่านไหนก็แล้วแต่ ขอร้องนะครับว่าไม่ต้องเข้ามาแล้ว ถ้าท่านเข้ามาท่านก็ผิดอยู่ดี เพราะเราไม่มีสิทธิพูดอะไรอยู่แล้ว ผมก็บอกน้องว่าอดทนไว้ อดทนเท่านั้น ความจริงไม่นานก็ต้องโผล่ แค่อดทนไว้เท่านั้นนะครับ ตอนนี้ใครเข้าใจผิดอย่างไร หรือใครจะพูดยังไง ไม่ต้องสน ไม่ต้องแคร์ อีก 5-10 ปี เขาค่อยมาเข้าใจเราวันนั้นก็ยังไม่สาย”
       
       “เขาก็เคยมีเปรยๆ นะครับว่าเป็นคนของประชาชนอย่างนี้ก็มีบ้างที่ต้องมีกระแสมีอะไรพุ่งเข้ามาใส่ แต่พอเขากลับมาดูเพื่อนๆ เขาแล้ว เขาก็บอกว่าไม่รู้เขาจะไปทำอะไร จริงๆ ที่บ้านก็ทำทัวร์นะครับ แต่เขารักทางนี้ เขารักคนที่รักเขา เขารักคนที่อยากจะดูเขา เขารักคนที่อยากดูผลงานเขา แม้จะมีกี่คนเขาก็รัก แม้จะเหลือแค่ 1-2 คนเขาก็อยากทำ แต่เขาไม่เคยบอกว่าจะไม่ทำงานในวงการนะครับ เขาแค่รู้สึกท้อ เพราะนี่คือชีวิตเขา แต่ถ้าจบจากเรื่องนี้เขาก็ยังคงจะยืนอยู่ แต่ไม่รู้ยังจะมีงานให้ทำรึเปล่าก็ไม่รู้ มันเป็นอนาคต แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ผมก็ดูแลน้องได้เหมือนกัน ถ้าเขารักอะไรก็ทำไปเถอะครับ แต่ถ้าเขาทำแล้วไม่สำเร็จ ทำแล้วไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราก็มีกันอยู่ดี ไม่จำเป็น”
       
       จากนั้นกลุ่มแฟนคลับนำโดย “บอล ศุภวิชญ์ ขันธจิตต์” จึงได้เผยถึงความรู้สึกที่มีต่อ “ฟิล์ม” บอกไม่ว่านักร้องหนุ่มจะกลายเป็นพ่อคนจริงหรือไม่ กลุ่มแฟนคลับก็ยังคงจะติดตามผลงานและอยู่เคียงข้างนักร้องหนุ่มตลอดไป
       
       “วันนี้ก็มาให้กำลังใจฟิล์มครับ ก็อยากให้หายไวๆ เรื่องข่าวก็ไม่ต้องไปคิดมาก เพราะยังไงพวกเราก็รักฟิล์มอยู่แล้ว และสิ่งที่ทำให้เขาเสร็จแล้วก็คือเป็นเอ็มวีครับ เพลง คือฉันรักเธอ ครับ ให้กับฟิล์มโดยตรงเลย เนื้อหาก็เหมือนกับว่าเมื่อก่อนเขาร้องให้แฟนคลับ ให้ฟิล์ม แฟมิลี่น่ะครับ ตอนนี้เราก็เลยอยากทำเพลงนี้คืนกลับให้เขา เป็นภาพบรรยากาศเก่าๆ ภาพแห่งความสุข แล้วก็ความหมายดีๆ ครับ ให้ฟิล์มไปแล้วครับ เขาเห็นแล้ว แล้วก็นอกจากเอ็มวีอันนี้ ก็จะมีเป็นข้อความอวยพรให้กำลังใจเขียนๆ แล้วก็เดี๋ยวใส่กรอบให้ครับ”
       
       “พอทราบข่าวเมื่อเช้าก็ตกใจครับ เพราะก่อนหน้านี้ฟิล์มเขาไม่เคยแสดงอาการอะไรให้ฟิล์ม แฟมิลี่เห็นอยู่แล้ว แต่ก็บอกกับฟิล์มตลอดนะครับว่าไม่ต้องเครียด ทุกคนเข้าใจและรับได้ทุกอย่าง และเป็นกำลังใจให้ฟิล์มเสมอ จะอยู่ข้างฟิล์มเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็อยากจะบอกว่าทุกคนก็อยากจะรู้ความจริงอยู่แล้วว่าเป็นยังไง ถ้าทุกอย่างจะจบได้ก็อยากจะให้แอนนี่ออกมาตรวจดีเอ็นเอเถอะครับ เพราะเป็นความต้องการของทุกๆ คนอยู่แล้ว เรื่องจะได้จบครับ”
       
       “แต่เรื่องเป็นพ่อหรือไม่เป็นพ่อ พวกเราไม่ได้คิดถึงจุดนั้นอยู่แล้ว ถ้าฟิล์มเป็นพ่อก็ไม่เป็นไรครับ พวกเรารับได้ทุกอย่าง แต่นิสัยของเขาแล้วเขาเป็นคนพูดความจริง ไม่เคยโกหกอยู่แล้ว ตอนนี้เราก็ยังเชื่อใจในสิ่งที่ฟิล์มพูดครับ ถึงแม้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นลูกหรือไม่เป็นลูกก็ตามเราไม่ได้หวังถึงผลตรงนั้นอยู่แล้วครับ ฟิล์มเขาเป็นคนที่พูดความจริงอยู่แล้ว อย่างที่ออกมายอมรับน่ะครับ แต่ที่ผู้หญิงไม่ยอมตรวจผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมนะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเหตุผลของเขาคืออะไร แต่ทุกคนก็อยากให้ตรวจ เพราะเรื่องนี้จะได้จบลง แต่ยังไงเราก็ยังรักฟิล์มเหมือนเดิม ไม่ได้รักตรงที่ฟิล์มมีลูกหรือไม่มีลูกน่ะครับ”
       
       “พวกเราก็ไม่ได้โกรธแค้นหรือว่าอะไรกับอีกฝ่ายนะครับ แค่รู้สึกว่าทำไมเขาถึงไม่ตรวจดีเอ็นเอ คือทุกคนก็อยากให้ตรวจ เพราะทุกอย่างจะได้จบ ไม่ว่าจะใช่ลูกหรือไม่ใช่ลูกมันไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว ตอนนี้แค่อยากให้เรื่องมันกระจ่างน่ะครับ คือถ้าใช่ลูกก็คือใช่ แต่ถ้าไม่ใช่ก็โอเค เพราะถ้ายิ่งอยู่อย่างนี้มันก็ยิ่งแย่ลงๆ ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลยตั้งแต่วันแรก”
       
       “ตอนนี้ก็เห็นใจเขามากครับ เพราะเขาก็เครียดมาก คือผลงานก็กำลังจะออกมา กำลังจะได้ไปทัวร์คอนเสิร์ต มีหนังจะได้เล่น แต่ตอนนี้ทุกอย่างโดนยกเลิกหมด เขาก็เครียดมาก แต่เวลาไปเจอเขาก็พยายามแสดงอาการว่าไม่เครียด ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็มีอีก แต่เรารู้ว่าในใจเขาเครียดมาก”
       
       “ไปเจอเขาครั้งล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่บ้านเขาครับ คือเราเอาของไปให้เขา ก็ถามเขาว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่ต้องคิดมาก ก็ให้กำลังใจเขาให้สู้ๆ ต่อน่ะครับ เขาก็ไม่ได้เล่าเรื่องอะไรให้ฟังนะครับ แต่เขาบอกว่าเรื่องหนังอาจจะไม่มีนะ เขาแค่บอกว่างานเขาจะมีหรือไม่มีอะไรน่ะครับ สภาพเขาก็ดูว่าโทรมอย่างเห็นได้ชัดเลย แต่ว่าเขาก็จะพยายามสดใสร่าเริงหัวเราะต่อหน้าพวกเรา เพราะเขาเคยบอกกับพวกเราไว้ว่าห้ามร้องไห้ ถ้าพวกเราร้องไห้เขาจะยิ่งเจ็บมากกว่า เพราะว่าเขาเป็นคนทำเรื่องขึ้นมา ไม่อยากให้เราเครียด เขาก็พยายามทำตัวไม่เครียดเวลาเราไปเจอทุกครั้ง”
       
       ยันไม่เคยผิดหวังในตัวนักร้องหนุ่มไม่ว่าจะเคยมีข่าวอะไรมาก็ตาม และจะยังคงเฝ้าดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไปจนกว่านักร้องหนุ่มจะออกจากโรงพยาบาลได้
       
       “พวกเราไม่เคยผิดหวังอะไรในตัวเขานะครับ ไม่ว่าเขาจะเคยมีข่าวอะไรมาก็ตาม เพราะว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดมามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา และที่พวกเรามาตามฟิล์มอย่างนี้ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะต้องเป็นคนดี ไม่มีอะไรผิดเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ที่พวกเรามาชอบฟิล์มก็เพราะเขาเป็นคนน่ารัก เป็นกันเองเวลามาเจอกัน ทุกคนก็ได้รับความรู้สึกดีๆ จากฟิล์มทุกคน ไม่มีใครที่มาแล้วไม่รักฟิล์ม เราไม่เคยติดใจเบื้องหลังของเขาเลยครับ เราพร้อมที่จะสนับสนุนเขาตลอดไม่ว่าเขาจะเกิดอะไรขึ้น”
       
       “ข่าวที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบอะไรกับแฟนคลับเลยครับ อาจจะแค่รู้สึกตกใจ ยิ่งมีข่าวอย่างนี้เราก็ยิ่งรักฟิล์ม และยิ่งให้กำลังใจฟิล์มมากขึ้นกว่าเดิมครับ แล้วก็ไม่มีจำนวนลดน้อยลงเลยครับ กลับยิ่งมากขึ้นด้วย ทุกคนยิ่งรัก ยิ่งให้กำลังใจ ยิ่งอยากจะทำอะไรหลายๆ อย่างให้ฟิล์มอีก”
       
       “ต่อจากนี้ถ้าฟิล์มยังอยู่โรงพยาบาลพวกเราก็ต้องมาทุกวันอยู่แล้วครับ เดี๋ยวจะมีแฟนคลับจากต่างจังหวัดตามมาอีกครับ คิดว่าน่าจะมาอีกเกือบ 20 คนครับ เพราะว่าช่วงนี้น้องๆ เขาติดสอบกัน อย่างบางคนก็โดดงานมาบ้างก็มีครับ เพราะจริงๆ วันนี้เรานัดกันว่าจะเอาของไปให้ฟิล์มที่บ้าน แต่พอดีว่าเกิดเรื่องก่อน ก็เลยเปลี่ยนจากที่บ้านมาที่โรงพยาบาลก่อน แต่ก็รู้ว่าพวกเราคงไม่ได้เข้าไปเยี่ยมหรอกครับ เพราะเขาก็อยู่ที่ไอซียู ไม่ได้หวังว่าจะได้เข้าไปเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ก็คงจะฝากทางครอบครัวเขาว่าพวกเรามาเยี่ยม อยากให้เขารู้ว่าพวกเรายังคงให้กำลังใจเขาอยู่ ยังมาเยี่ยมน่ะครับ”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
7450 Views
Last post February 14, 2009, 12:00:18 AM
by Webmaster
0 Replies
6167 Views
Last post March 03, 2009, 06:05:12 PM
by Reporter
0 Replies
5081 Views
Last post May 03, 2009, 05:52:53 PM
by IT
0 Replies
2735 Views
Last post June 03, 2009, 01:07:14 PM
by IT
0 Replies
3864 Views
Last post August 28, 2009, 09:43:46 AM
by IT
0 Replies
4610 Views
Last post February 24, 2010, 08:43:26 AM
by Nick
0 Replies
2956 Views
Last post June 02, 2010, 02:52:50 PM
by Nick
0 Replies
7230 Views
Last post June 10, 2010, 02:08:06 PM
by Nick
0 Replies
5302 Views
Last post July 16, 2010, 10:18:47 PM
by Nick
0 Replies
4510 Views
Last post August 27, 2010, 04:28:08 PM
by Nick