"โด่ง" เผยข่าวอาร์เอสโดนแบนยังไม่ส่งผลกระทบรายได้ เชื่อ “น้องทีฆายุ” พูดได้คงอยากให้ต

[Nick]

"โด่ง" เผยอาร์เอสฯยังไม่ได้รับผลกระทบ หลังมีกลุ่มคนประท้วงแบนสินค้าของบริษัทเกี่ยวกับกรณี “ฟิล์ม-แอนนี่” แนะทุกคนทำใจเป็นกลาง ใช้สติแยกแยะเรื่องไหนเกี่ยวข้องกันบ้าง เชื่อคนไทยไม่ใจแคบ ยังไม่สรุปจะตัดนักร้องหนุ่มออก “บางกอกกังฟู” แต่มีแผน2เตรียมรอไว้แล้ว ลั่นอยากให้ “แอนนี่” ออกมาตรวจดีเอ็นเอเรื่องจะได้จบ บอกถ้า “น้องทีฆายุ” พูดได้คงอยากตรวจให้รู้ใครเป็นพ่อเช่นกัน
       
       ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างไปกันถ้วนหน้า สำหรับกรณีของนักร้องหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" กับดาราสาวเซ็กซี่ "แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค" ที่เรื่องบานปลายจนกลายเป็นปัญหาระดับสังคมไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเห็นใจฝ่ายหญิง โดยเฉพาะเมื่อ "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" บอสใหญ่อาร์เอส ออกมาป้องเด็กในสังกัดเต็มที่ ด้วยการแฉ “แอนนี่” คบผู้ชาย 4 คนรวด พร้อมขู่รีดเงินจากทุกคน ก็ยิ่งทำให้ดาราสาวได้รับความเห็นอกเห็นใจได้คะแนนความสงสารไปเพียบ ผิดกับด้านอาร์เอสฯที่ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์โจมตีกระหน่ำ บางกลุ่มถึงขนาดประท้วงไม่อุดหนุนสินค้าของอาร์เอสฯอีกต่อไป
       
       เมื่อสอบถามไปยัง "โด่ง องอาจ สิงห์ลำพอง" ผู้อำนวยการผลิตและปฏิบัติงานสายการตลาดของอาร์เอส ถึงเรื่องผลกระทบที่ได้รับ เจ้าตัวยันยังไม่มีผล รู้สังคมยังมีอารมณ์กันอยู่ แต่เชื่อคนไทยไม่ใจแคบ
       
       "ยังไม่มีผลกระทบอะไรเรื่องรายได้ครับ คือตอนนี้สังคมยังมีอารมณ์อยู่ อารมณ์โกรธ อารมณ์รักหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ทุกคนต้องหันมาทำใจให้มันเป็นกลางที่สุดครับ และก็มองว่าต้นเหตุมันเกิดอะไร เพราะตอนนี้ข่าวสารค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นค่อยๆ เข้าใจและก็ต้องแยกแยะให้ออกว่า อะไรคือเหตุการณ์แบบไหน ต้องแยกและใช้สติให้ดีว่า อันไหนมันเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า เพราะว่าตอนนี้เรื่องมันบานปลายแล้ว ไม่มีอะไรบานมากไปกว่านี้ เชื่อว่าอันนี้มันบานที่สุดแล้ว และเราก็รอให้มันหุบเท่านั้นเอง"
       
       "แต่การที่มันจะหุบ มันจะหุบดีหรือไม่ดีแค่นั้นเอง เราก็รู้ว่าตอนนี้ข่าวมันไม่รู้จะหาอะไรแล้วไง เริ่มหาคนข้างเคียงแล้ว เราก็ต้องหาว่าจะทำยังไงให้มันเบาที่สุด ซึ่งทุกวันนี้เครียดนะครับ เพราะทุกวันก็ต้องติดตามข่าว และเราก็ต้องหาทางแก้ไขปัญหาวันต่อวัน ค่อยๆ แก้ไปเรื่อยๆ แต่ผมคิดว่าคนเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้โง่นะ เขาสามารถคิดได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด หรือว่าอะไรมันส่วนไหน แยกแยะออกว่าบันเทิงก็เสพเพื่อความบันเทิง เรื่องชาวบ้านสนุก แต่คนเขาก็รู้ว่านี่คือเรื่องส่วนตัวเสพเพื่อความบันเทิงของตัวเอง ผมคิดว่าคนไทยไม่ใจแคบถึงขนาดนั้น"
       
       ยังไม่สรุปจะปลด "ฟิล์ม" ออกจากหนัง “บางกอกกังฟู” หรือไม่ บอกถ้าเรื่องยังไม่เรียบร้อยก็มีแผน 2 เตรียมรอไว้
       
       "ตอนนี้ยังไม่ได้สรุปเลยว่า ฟิล์มจะได้เล่น บางกอกกังฟู หรือเปล่า แต่ทางเฮียก็ให้โอกาส แต่ว่าในส่วนของการทำงานทีมงานแต่ละคนสามารถทำงานกับศิลปินได้ไหม ตอนนี้บอกตรงๆ ว่ายังไม่ได้สรุปเพราะว่าเรารอให้ทุกอย่างมันถึงปลายทางสักที เพราะตอนแรกก็คิดว่าจะนิ่ง แต่มันก็มีตัวละครที่ออกมาเพิ่มขึ้น ก็เลยยังตอบไม่ได้ ซึ่งมันก็ส่งผลกระทบบ้าง แต่เราก็ได้มีการพูดคุยกันแล้วครับในระดับนึง ทุกคนก็โอเครอ เพราะอยากให้ทุกอย่างมันพร้อม เพราะว่า บางกอกกังฟู มันเป็นโปรเจกต์ใหญ่"
       
       "ซึ่งเราก็ตั้งใจที่จะทำ แต่ว่าถ้ามันยังมีเรื่องที่ไม่เรียบร้อยก็ไม่อยากให้ทำ ก็ยังไม่รู้ว่าเหตุจบปลายทางมันจะเป็นแบบไหน เราก็โอเคจะได้รันงานได้ และตามที่คิดว่ากับเรื่องนี้น่าจะเริ่มมีอะไรในเดือนพฤศจิกายน มันออกมาเรียบร้อยก็รันต่อ แต่ถ้ามันออกมาไม่เรียบร้อย ก็ต้องคิดแผนที่สองแล้วว่า เราจะเอายังไงต่อ ซึ่งเราก็คิดการเปลี่ยนแปลงไว้สามประเด็น คือหนึ่งเปลี่ยนตัวฟิล์มไปเลย ก็คือไม่มีฟิล์มก็ไม่ต้องเล่า สองก็คือหานักแสดงเข้ามาเสริม แต่คนที่มาเสริมไม่ได้มาแทนในบทของฟิล์ม เพราะตัวละครฟิล์มตัดไปเลย อันที่สามก็คือรอฟิล์มถ้ามีโอกาสจะได้ร่วมงานกัน"
       
       ลั่นอยากให้ “แอนนี่” ตรวจดีเอ็นเอเพื่อให้เรื่องจบ เชื่อถ้า “น้องทีฆายุ” พูดได้ก็คงอยากรู้ใครเป็นพ่อ
       
       "เราก็อยากให้เหตุการณ์มันเคลียร์กันได้ อยากให้ผู้หญิงออกมาตรวจดีเอ็นเอ ผมต้องการมาก เพราะว่ามันไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ดีเท่าวิทยาศาสตร์ให้คนเชื่อ ถ้าตรวจได้มันก็จะจบ แต่ว่าตอนนี้ฝ่ายหญิงไม่อยากตรวจ เขามีเหตุผลของเขา แต่ผมว่าวันนี้ลูกเขาอยากให้ตรวจครับ ถ้าวันนี้เขาพูดได้เขาก็คงอยากให้แม่เขาตรวจ แต่ตอนนี้แม่ออกมาพูดแทนลูก ผมก็อยากตอบกลับไปว่า ลูกอยากทำอะไร แม่ถามลูกหรือเปล่าว่าเขาต้องการอะไร และเชื่อว่าวันนึงถ้าเขามีวุฒิภาวะพอ เขาก็คงอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วใครเป็นพ่อเขา"

ที่มา: manager.co.th